Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 182 กลับบ้านพร้อมสาวงาม! (1)
โจวเหว่ยชิงเช็ดน�าตาออกจากใบหน้า ยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ กล่าวว่า “ข้าอดทนรอมอบความรักให้นางไม่ไหวแล้ว ข้าจะทนใจร้าย กลั่นแกล้งนางได้อย่างไร? ท่านโปรดมั่นใจเถิด”
ฟีเลียยิ้มจางๆและพูดว่า “มั่นใจได้อย่างไร? นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นะ หนุ่มน้อย การแบ่งปันความรักมากเกินไปย่อมไม่ใช่วิสัยที่ดี”
เมื่อเห็นดวงตาของฟีเลีย โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่น ไปถึงกระดูกสันหลัง เขาทําได้เพียงยิ้มและพยักหน้า ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เทียนเอ๋อร์หันศีรษะไป สายตาของเธอเคลื่อนผ่านโจวเหว่ยชิงไป หยุดอยู่ที่กู่อิ่งปิง หญิงสาวถอยออกมาและหันไปหากู่อิ่งปิง โค้งคํานับ ให้เขาขณะที่กล่าวขอโทษ “พี่ใหญ่กู่ ข้าขอโทษจริงๆ ข้ารู้ว่าท่านมี ความรู้สึกให้ข้า และท่านก็ปฏิบัติกับข้าอย่างดีมาโดยตลอด อย่างไรก็ ตาม หัวใจของข้ามีอ้วนน้อยอยู่แล้ว ข้าขอโทษจริงๆ”
ตอนนี้กู่อิ่งปิงยืนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่โจวเหว่ย ชิง ชายหนุ่มกัดริมฝีปากและพูดอย่างโหดเหี้ยม “โจวเหว่ยชิง จดจําไว้ ระหว่างพวกเรายังไม่จบ ตอนนี้เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ แต่เจ้าต้อง
ปกป้องเทียนเอ๋อร์ให้ดี ข้ายังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ แม้ว่าเทียน เอ๋อร์จะแต่งงานกับเจ้า ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ”
โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆและพูดว่า “พี่กู่ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่า เราเป็นคู่แข่งกัน ข้าก็คิดว่าพวกเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ ขอบคุณ สําหรับความรักและความเอาใจใส่ที่ท่านมีต่อเทียนเอ๋อร์ตลอดหลายปี ที่ผ่านมา ท่านเป็นคู่ต่อสู้ที่สมควรได้รับความเคารพจากข้าอย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะไม่ให้โอกาสท่านขโมยเทียนเอ๋อร์ไปจากข้าหรอก นะ นางเป็นของข้า ทั้งชีวิตนี้ ชีวิตหน้าและตลอดไป”
ในช่วงเวลานั้น โจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะแสดงพลังและตัวตน ออกมาอย่างเร่าร้อน แม้มียอดฝีมือระดับมหาราชาสวรรค์ 3 คนและ ระดับเทพเจ้าสวรรค์ 2 คนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วย แต่ในขณะนั้นก็ราวกับ ว่าโจวเหว่ยชิงกลายเป็นจุดศูนย์กลางของผู้คนทั้งหมด
ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ที่หมุนวนอยู่เหนือศีรษะของโจวเหว่ยชิง และเทียนเอ๋อร์ได้หลอมรวมกันกลายเป็นเสาแสงสีขาวจางๆล้อมรอบ ร่างโจวเหว่ยชิงเอาไว้ ทําให้ทั้งร่างของเขาเปล่งประกายราวกับสมบัติ ล�าค่า ตรงกลางหน้าผากเกิดแถบสีขาวปรากฏขึ้น
ครั้งนี้ไม่ใช่ลวดลายธรรมดาอีกต่อไป บางทีการใช้วลี ‘ถ้อยคําจาก เทพเจ้า’ น่าจะเหมาะกว่า แถบสีขาวนั้นดูเหมือนจะสลักคําว่า ‘ราชา’ แต่มีมังกรล้อมรอบเป็นวงกลมแสงสีขาวอยู่ด้านนอกด้วย ทุกๆคนในที่
นั้นสามารถสัมผัสความรู้สึกแปลกประหลาดที่ว่าได้ ในเวลาเดียวกัน พลังปราณภายในบรรยากาศของถ�าน�าแข็งทั้งหมดก็เริ่มวิ่งพล่านเข้าหา ร่างของโจวเหว่ยชิงอย่างบ้าคลั่ง
“นี่…นี่คือ…” แม้แต่ซู่อ้าวเทียนยังไม่เข้าใจว่าโจวเหว่ยชิงกําลัง เผชิญกับสิ่งใด มีเพียงดวงตาของพยัคฆ์ใต้พิภพกลับด้านฟีเลียเท่านั้นที่ เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ปฐมวังวนสวรรค์และโลกา! เป็นไปได้ยังไง…นี่มันเป็นไปได้ ยังไง?!” ฟีเลียอุทาน
ซู่อ้าวเทียนมองไปที่ภรรยาของเขาด้วยความประหลาดใจ “ปฐม วังวนสวรรค์และโลกา? นั่นคืออะไรหรือ?” ฟีเลียตอบโดยไม่ลังเลว่า “มี เพียงผู้ที่อยู่เหนือกว่าขั้นบรรลุวิถีเท่านั้นที่จะมีความสามารถเรียกปฐม วังวนสวรรค์และโลกาออกมาและทนทานต่อพลังของมันได้ ดังนั้นดู เหมือนว่าตํานานเก่าแก่จะเป็นเรื่องจริง…การรวมตัวของทักษะธาตุ ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 สามารถก่อกําเนิดปาฏิหาริย์ที่เปลี่ยนสวรรค์ได้! หลัง ผ่านพิธีชําระปฐมวังวนสวรรค์และโลกาแล้ว ประสาทสัมผัสทาง วิญญาณของเขาจะก้าวข้ามไปสู่ระดับเทพเจ้า และจะมีภูมิคุ้มกันต่อ การโจมตีทางวิญญาณทุกประเภท นอกจากนี้ เนื่องจากธาตุวิญญาณ ของเขาแข็งแกร่งเหนือระดับพลังปราณของตัวเองมากเกินไป การฝึก
ปราณในอนาคตของเขาจึงจะยิ่งเร็วขึ้น แม้แต่ร่างกายของเขาก็จะ ค่อยๆพัฒนาขึ้นเพื่อให้อยู่เหนือขั้นบรรลุวิถีในที่สุด”
ความจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงที่โจวเหว่ยชิงกําลังเผชิญอยู่นี้มี เหตุผลอื่นเพิ่มเข้ามาโดยบังเอิญด้วย และมันก็ไม่เกิดขึ้นได้อย่าง ง่ายดายดั่งที่ฟีเลียพูดถึง มิฉะนั้น เทียนเอ๋อร์ที่อยู่ภายใต้วังวน 4 ทักษะ ธาตุศักดิ์สิทธิ์เหมือนเขาก็คงเกิดผลเช่นเดียวกันไปแล้ว
นับตั้งแต่ที่โจวเหว่ยชิงอาบลาวา ณ ภูเขาวิญญาณอัคคี วิถีการฝึก ปราณของเขาก็เข้าสู่สถานะที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง การ ผสมผสานของวิญญาณมังกรกลายสภาพและสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูร มืดของเขาเป็นการดํารงอยู่ที่เหนือกว่าปราณสวรรค์ขั้นบรรลุวิถีไปแล้ว เหตุผลนั้นง่ายมาก ทั้งมังกรและพยัคฆ์เทพอสูรมืดถือได้ว่าเป็น สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับสูงสุดของเทพเจ้าสวรรค์ กระทั่งอยู่เหนือกว่าขั้น ที่ว่าขึ้นไปอีก ดังนั้นไม่ว่าใครจะมองอย่างไร ทั้งสองก็ไม่น่าจะหลอม รวมเข้าด้วยกันได้ กระนั้น โจวเหว่ยชิงก็ยังทําสําเร็จจนได้ และเป็น เพราะทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์นั่นเองที่ผนึกกําลังกันทําให้เขาสามารถก้าว ข้ามช่วงเวลานั้นมา
เมื่อการหลอมรวมเสร็จสิ้น มันได้นําสายเลือดใหม่ของโจวเหว่ยชิง บรรลุไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด เป็นสถานะที่กําลังต่อต้านสวรรค์อย่าง แท้จริง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าโจวเหว่ยชิงจะกลายเป็นบุคคลไร้เทียม ทานหรือไปถึงระดับเทพเจ้าทันที เพียงแค่ร่างกายและพรสวรรค์ของ เขาจะมีศักยภาพแข็งแกร่งเพียงพอให้ก้าวข้ามระดับเทพเจ้าสวรรค์ไป ได้ในอนาคตเท่านั้น
เมื่อมาถึงจุดนี้ แม้แต่หลงซื่อหยาก็ยังไม่สามารถตัดสินเรื่องราวได้ นับประสาอะไรกับโจวเหว่ยชิง
ถึงอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็เพิ่งเริ่มฝึกฝนปราการควบคุม 6 สุดยอด ทักษะสวรรค์ กระทั่งสร้างปราการแสง 6 สุดยอดเทพเจ้าของเขาเอง นั่นทําให้เขาได้เชื่อมต่อกับพลังของโลกมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์เหนียว แน่นยิ่งขึ้น และเข้าใกล้ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น นั่นส่งผลให้ร่างกายและ พลังปราณสวรรค์ของเขาพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมากในเชิง คุณภาพ เดิมทีในเวลาที่เขาหลอมรวม 2 สายเลือดเสร็จสิ้น โจวเหว่ยก็ ชิงมีศักยภาพมากพอจะเรียกปฐมวังวนสวรรค์และโลกาออกมาได้แล้ว ทว่าในเวลานั้นสภาพความคิดและจิตใจของโจวเหว่ยชิงยังคงไม่ปลอด โปร่งและสอดประสานกันเนื่องจากมันเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับ เทียนเอ๋อร์ ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่มีพลังจากการหลอมรวมทักษะธาตุ ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ไม่มีแรงผลักดันใดๆช่วยให้เขาก้าวผ่านพันธนาการแห่ง สวรรค์ เขาก็จะทําได้เพียงแค่คงสภาพของมันไว้อย่างเดิมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ เขานําเทียนเอ๋อร์กลับคืนมาได้สําเร็จ แล้ว ดังนั้นในขณะที่เขาจับมือเธอ ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 จึงระเบิด พลังออกมา ในที่สุดความคิดและจิตใจของเขาก็สอดคล้องกัน เมื่อรวม กับเงื่อนไขก่อนหน้านี้ทั้งหมด จึงส่งผลให้เกิดปฐมวังวนสวรรค์และ โลกาขึ้นมาในทันที
นับจากนี้เป็นต้นไป ประตูสู่ระดับเทพเจ้าได้เปิดอ้าต้อนรับโจว เหว่ยชิงอย่างเป็นทางการแล้ว กล่าวคือการฝึกฝนในอนาคตของเขา ไม่ ว่าจะเป็นระดับราชาสวรรค์ ระดับมหาราชาสวรรค์ หรือระดับเทพเจ้า สวรรค์ก็ไม่ควรมีปัญหาใหญ่ระหว่างฝ่าด่านอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ได้รับความช่วยเหลือจากทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 หากเขาฝึกปราณ ร่วมกับเทียนเอ๋อร์ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะก้าวขึ้นไปเหนือกว่า ระดับเทพเจ้าสวรรค์… นั่นก็คือระดับเปลี่ยนสวรรค์!
แม้แต่ซู่อ้าวเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยสีหน้าอิจฉาออกมาอย่าง รุนแรงในขณะที่มองไปยังแสงสีขาวรอบกายโจวเหว่ยชิง…นับประสา อะไรกับคนอื่นๆในบริเวณนั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนโจวเหว่ยชิง มีเพียงหลง ซื่อหยาเท่านั้นที่ขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นและเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ โจวเหว่ยชิงยังอยู่ระหว่างพิธีชําระของปฐมวังวนสวรรค์และโลกา ส่วน
ยอดฝีมือทั้งหมดในพื้นที่ แม้แต่อสูรสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหิมะ สวรรค์ก็ได้รับประโยชน์มากมายจากผลกระทบที่เกิดขึ้น
เวลาผ่านไปกว่า 5 นาทีกว่าที่ปฐมวังวนสวรรค์และโลกาจะสลาย ไปในที่สุด ผิวสีน�าตาลทองดั้งเดิมของโจวเหว่ยชิงเปล่งประกายออกมา จากภายใน แม้แต่ดวงตาของเขาก็ยังดูแปลกตาออกไป พวกมัน กลายเป็นสีดําแวววาวราวกับอัญมณีล�าค่า สายตาของเขาดูลุ่มลึกขึ้น หากได้มองใกล้ๆก็จะรู้สึกถึงความบริสุทธิ์และใสกระจ่างอย่างไม่น่าเชื่อ อยู่ภายในนั้น
พยัคฆ์ใต้พิภพกลับด้านฟีเลียมองไปที่ลูกเขยของเธอด้วยดวงตา เป็นประกาย เมื่อกระแสพลังปฐมวังวนสวรรค์และโลกาลดลงแล้ว เธอ ก็ก้าวออกไปข้างหน้าและพูดว่า “เหว่ยชิง อย่าลืมข้อตกลงระหว่างเจ้า กับข้าล่ะ”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าทันที “ท่านแม่ยายไม่ต้องกังวลไป ข้าจดจํา ได้อย่างชัดเจน”
ฟีเลียยิ้มน้อยๆก่อนที่จะหันไปมองเทียนเอ๋อร์ ดวงตาของเธอดู อ่อนโยนและเปี่ ยมด้วยความรัก น�าตาเอ่อคลอขณะที่เอ่ยเบาๆ “เทียน เอ๋อร์ ลูกของข้า แม่ขอกอดเจ้าได้ไหม?”
“ท่านแม่?” แม้เทียนเอ๋อร์จะอยู่กับฟีเลียเมื่อสักครู่ แต่ความทรง จําของเธอก็ถูกปิดผนึกเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่ได้ตระหนักเกี่ยวกับ การมีอยู่ของฟีเลีย ตอนนี้เธอฟื้ นความทรงจํากลับมาแล้ว หญิงสาวจึง คาดเดาถึงความสําคัญของฟีเลียได้ไม่ชัดนัก แต่เมื่อได้ยินเธอพูดคํานั้น ออกมา เทียนเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
ตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่เริ่มจําความได้ เธอก็มีแค่พ่อ ไม่มีแม่ เมื่อเห็น อสูรสวรรค์ทั้งหมดมีแม่เป็นของตัวเอง เทียนเอ๋อร์ก็รู้สึกอิจฉามาก ใน ที่สุดเวลานี้หญิงสาวก็ได้พบกับแม่ของตัวเอง เธอจึงไม่รู้จะทําตัว อย่างไรหรือจะพูดอะไรดี
นอกจากความตื่นเต้นแล้ว ภายในใจของเธอก็ยังคงมึนงงและ สับสนไปในเวลาเดียวกัน บางทีถ้าไม่ใช่เพราะได้พบโจวเหว่ยชิงและ ประสบกับความสุขอยู่ในขณะนี้ เทียนเอ๋อร์อาจจะไม่สามารถทําใจ ยอมรับฟีเลียได้ ถึงอย่างไรตลอด 20 ปีที่ผ่านมาฟีเลียก็ไม่เคยปรากฏ ตัวมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าจะบอกว่าซู่อ้าวเทียนไม่ใช่พ่อที่ดีแล้ว ฟี เลียก็คงไม่ใช่แม่ที่ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เทียนเอ๋อร์กําลังอยู่ในสภาวะเปี่ ยมสุขจากการ ได้กลับมาพบกับโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง และแม้แต่ความเกลียดชังเพียง เล็กน้อยที่เธอรู้สึกต่อผู้เป็นมารดาก็ถูกชําระล้างไป
หญิงสาวเอ่ยด้วยน�าเสียงที่สั่นเทาช้าๆ “ท่านแม่…ทําไม…ทําไม ท่านถึงไม่ต้องการเทียนเอ๋อร์!”
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น ฟีเลียก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก ต่อไป เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน โอบเทียนเอ๋อร์ไว้ในอ้อมกอด พลางสะอื้นไห้อย่างไม่อาจควบคุมได้
ซู่อ้าวเทียนตระกองกอดภรรยาและลูกสาวอย่างรวดเร็ว ทั้ง ครอบครัวพลันจมอยู่กับความเศร้าและความสุขภายในอ้อมแขนของ กันและกัน
กู่อิ่งปิงมองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างลึกล�า แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เพิ่มเติม เขาหันกลับไปพยุงบิดาของตนเอง และด้วยความช่วยเหลือ ของราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิง พวกเขาจึงจากไปอย่างเงียบๆ
อาจกล่าวได้ว่าการมาถึงของหลงซื่อหยาและโจวเหว่ยชิงครั้งนี้ทํา ให้อาณาจักรวั่นโซ่วทั้งหมดตกอยู่ในความระส�าระสาย โครงสร้างการ ปกครองทั้งหมดของพวกเขาเข้าสู่ภาวะยุ่งเหยิงถึงขีดสุด กู่อิ่งปิงจะไม่ สามารถสืบทอดตําแหน่งเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ได้อีกต่อไป และราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อก็จะถูกปลดออกจากตําแหน่งราชาอย่างน้อยก็ ภายในเดือนหน้า ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ทั้งอาณาจักรวั่นโซ่วพลันตกอยู่ใน ความปั่ นป่วน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร มันก็ไม่มีความ เกี่ยวข้องกับโจวเหว่ยชิงอีกต่อไปแล้ว
หลงซื่อหยายืนอยู่ข้างๆลูกศิษย์แสนล�าค่าของเขา รอยยิ้มจางๆผุด ขึ้นบนใบหน้า ตอนจบนี้อาจจะเป็นตอนจบที่ดีที่สุดสําหรับเขา หลง ซื่อหยาวางฝ่ามือใหญ่ๆลงบนไหล่ของโจวเหว่ยชิงและยกนิ้วโป้งให้เขา อย่างเงียบๆ
แน่นอน หากไม่มีหลงซื่อหยา โจวเหว่ยชิงย่อมไม่มีโอกาสได้ขึ้น มาถึงภูเขาหิมะสวรรค์ด้วยความสามารถหรือสถานะของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างไรทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ก็เป็นผลมาจากความ พยายามและการทํางานหนักของโจวเหว่ยชิง ตั้งแต่การจัดฉากทั้งหมด ยั่วยุซู่อ้าวเทียนและจุดประกายความรักของพ่อในใจของเขา ไปจนถึง บททดสอบทั้ง 3 รอบที่เขาพยายามอย่างแข็งขันเพื่อเอาชนะกู่อิ่งปิง… อาจกล่าวได้ว่าโจวเหว่ยชิงมาไกลเหนือความคาดหมายของหลงซื่อหยา มากแล้ว นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่าเขาได้ก้าวผ่านปฐมวังวนสวรรค์และโลกา และสร้างความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจํากัดของตนเองในอนาคตอีกด้วย
…
ไม่ช้าภูเขาหิมะสวรรค์ก็ตกอยู่ท่ามกลางความอลหม่านครั้งใหญ่ งานแต่งงานขององค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงและองค์หญิงแห่งภูเขาหิมะ สวรรค์ถูกยกเลิกโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทําให้หัวหน้าเผ่าทุก คนที่มาในฐานะแขกต้องรู้สึกประหลาดใจไปอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอํานาจและพลังของภูเขาหิมะสวรรค์จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ภายใต้การจัดการของราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิง หัวหน้าเผ่าทั้งหลายก็จาก ไปอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าขอของขวัญที่พวกเขานํามามอบ ให้กลับคืนไปด้วย …
โจวเหว่ยชิงและหลงซื่อหยาถูกจัดให้พักในภูเขาหิมะสวรรค์เป็น การชั่วคราว นี่คือโอกาสหายากที่ฟีเลียจะได้กลับมา และเธอต้องการใช้ เวลาทุกวินาทีกับสามีและลูกสาวของเธอ ดังนั้นแม้แต่โจวเหว่ยชิงก็ต้อง ‘ต่อแถว’ รอ นอกจากโอกาสที่จะได้พบเทียนเอ๋อร์สั้นๆในทุกวันแล้ว เขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องของตัวเองและฝึกปราณ
…………………………………