Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 607 มนุษย์ผู้ชั่วร้าย มนุษย์ผู้ทุกข์ยาก
บทที่ 607 มนุษย์ผู้ชั่วร้าย มนุษย์ผู้ทุกข์ยาก
บทที่ 607 มนุษย์ผู้ชั่วร้าย มนุษย์ผู้ทุกข์ยาก
“กินไปแค่หนึ่งต้น แต่แกะของนังนั่นเหยียบไปทั่วแปลงเลย” หญิงชราตอบด้วยความกระฟัดกระเฟียด
“บอกเมียสามด้วยว่าชดใช้มาสองเท่า! ไม่งั้นแกะของนังนั่นโดนวางยา!” ชายชรากล่าวด้วยความเหี้ยมโหดและกินก๋วยเตี๋ยวต่อไป
“เดี๋ยวฉันจะรีบไปดักรออีนังเมียสามตั้งแต่เช้าเลย! และจะบังคับให้นังนั่นจ่ายค่าเสียหายมาให้ได้!” หญิงชราเองก็เห็นด้วยเช่นกัน แล้วก็กล่าวต่อว่า “ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ ตาเฒ่า แกเฝ้าที่นี่มาตั้งแต่ตอนกลางวันจนกระทั่งถึงตอนนี้ แกเห็นพวกเจ้าบ้าที่จะสร้างถนนมาที่นี่หรือยัง?”
“มาแล้วคนหนึ่งเมื่อตอนกลางวัน แต่ฉันไล่ไปแล้ว อยากจะสร้างถนนบนที่ดินของฉันก็ต้องจ่ายโว้ย! ถ้าไม่จ่ายก็ออกไป!” ถ้อยคำที่พ่นออกมาจากปากของชายชรายังคงเต็มไปด้วยความดุร้าย
“ใช่! ถ้างั้นคืนนี้ก็ฝากด้วยนะ แล้วฉันจะมาเปลี่ยนเวรกับแกพรุ่งนี้! ไอ้พวกโง่ที่ไม่ยอมจ่ายเงินแล้วยังไม่ยอมขออนุญาตสร้างถนนในหมู่บ้านของเราอีก!” วาจาของหญิงชรานั้นแข็งกระด้างขึ้น “ว่าแต่ ตาเฒ่า แกเรียกค่าที่ไปเท่าไหร่?”
“อย่างน้อย ๆ ก็ต้องสองหมื่นหยวน ไม่ก็สามหมื่นหยวนนู่น! ไม่งั้นละก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมาก็ตาม ฉันจะไม่ปล่อยมันได้สร้างถนนตามใจชอบหรอก!”
ชายชราแสดงความเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม
เสียงสนทนาของพวกเขาไม่ได้เบานัก ดังนั้นเซียวเฟิงที่อยู่ใกล้ ๆ ทางเข้าหมู่บ้านจึงรับรู้เรื่องทั้งหมดได้ทันที เขามองตามสภาพแวดล้อมในละแวกนี้ แล้วก็พบว่าด้านหลังกระโจมผ้ามีแปลงเกษตรขนาดเล็กอยู่แปลงหนึ่ง ซึ่งหากต่อเติมถนนสายนี้ต่อ ก็จะต้องตัดผ่านแปลงเกษตรนี้เข้าไปด้วย ทว่ามันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกเท่าไหร่นัก
ตอนที่แบทเทิลแองเจลกระโดดลงมาในตอนนั้น เพราะความสลัวของรัตติกาล ทำให้สองสามีภรรยาวัยชรามองเห็นร่างนั้นไม่ชัดนัก
“ไอ้เวรเอ๊ย! ตกใจหมด!”
ชายชราผู้เกรี้ยวกราดตกใจเสียจนก๋วยเตี๋ยวที่อยู่บนมือนั้นหกลงพื้นทั้งหมด เขารีบคว้าตะเกียงที่อยู่ใกล้ ๆ มาเพื่อส่องสว่างพร้อมกับตะโกนด่าทอไปด้วย
“เหวอ! ตาเฒ่า นั่นอะไรน่ะ!?” หญิงชราส่องไฟฉายไปยังใบหน้าของแบทเทิลแองเจล สีหน้าของเธอดูหวาดกลัว ดูท่าส่วนที่เป็นเหล็กของแบทเทิลแองเจลจะทำให้เธอหวาดกลัวไม่น้อยเลย
“เล่นบ้าอะไรของแกวะ! พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง?! ก็ได้!! ฉันจะสั่งสอนแกเอง ไอ้เด็กเวร!!!! บังอาจทำให้ฉันกลัว ฉันจะทำให้แกรู้จักความกลัวซะบ้าง!”
ทว่าชายชราคนนั้นไม่ได้เกรงกลัวสักนิด จากนั้นเขาก็หยิบจอบที่วางพิงอยู่กับผืนผ้าและหวดใส่แบทเทิลแองเจลตรง ๆ
กึง!
พร้อมกับการสั่นสะเทือน ดาบยักษ์ในมือของแบทเทิลแองเจลสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเพียงแค่การตวัดดาบอย่างแผ่วเบา จอบในมือของชายชราก็หักเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย ร่างที่แข็งแกร่งดุจเหล็กไหลคว้าเข้าที่คอของชายชราในจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งตัว
เพียงชั่วพริบตา ชายผู้เคยเกรี้ยวกราดก็ค่อย ๆ หมดสติไป
“กรี๊ดดดดด! มีคนทะเลาะกัน! ช่วยด้วย! ตาเฒ่าของฉัน ตาเฒ่าของฉันโดนใครก็ไม่รู้ทำร้ายจนหมดสติไป! ใครก็ได้ มาช่วยที! ส่วนแก จ่ายค่าเสียหายมาซะ!”
หญิงชราที่เห็นเหตุการณ์ตะโกนพร้อมกับส่งเสียงร่ำไห้ เธอนั่งลงไปบนพื้นและเกาะขาของแบทเทิลแองเจลไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหนีไปไหน
แต่แบทเทิลแองเจลก็ไม่ได้เดินหนีไป และกระทำเช่นเดียวกับเมื่อครู่ โดยจับคอหญิงชราเอาไว้ แล้วเธอก็หมดสติลงโดยไม่ส่งเสียงอะไรออกมาอีก
สายตาของเซียวเฟิงจ้องเขม็งดูการกระทำของแบทเทิลแองเจลที่กำลังหันหน้าออกแล้วบินหายไปในความมืดมิด
คน ๆ นี้มาเพื่อฆ่าคนเหรอ?
“ไปเร็ว! ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
เซียวเฟิงรีบเดินตรงไปยังกระโจมผ้าที่ชายชราเคยนั่งอยู่ จากนั้นตรวจดูว่าสองสามีภรรยาบาดเจ็บกันหรือไม่ จากนั้นถึงได้ผละมือออก
ชีพจรของพวกเขายังเต้นปกติ เพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น เขาหยิบไฟฉายที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาและส่องไปยังรอยที่ต้นคอของทั้งสองคน ซึ่งเป็นจุดที่แบทเทิลแองเจลบีบไว้ก่อนหน้านี้
บริเวณรอบลำคอของทั้งสองคน มีปลอกคอถูกสวมเอาไว้อยู่ และถ้าเซียวเฟิงจำไม่ผิด ปลอกคอนี้คล้ายกับผู้เล่นของเกมเดอะมิธ!’
หรือถ้าพูดให้ง่ายขึ้นคือ ทั้งสองคนนี้…
“ถูกบังคับเคลื่อนย้าย… เป็นแผนของอาณาจักรแห่งทวยเทพ…”
หัวใจของเขาเต้นแรง เซียวเฟิงไม่รู้เลยว่าตนไม่ได้ติดตามข่าวสารสังคมมานานขนาดไหนแล้ว แต่แผนของอาณาจักรแห่งทวยเทพดูจะสูงไปอีกระดับแล้ว! อีกทั้งเป้าหมายของพวกเขายังไม่ใช่แค่ผู้เล่นอย่างเดียวแล้ว แต่ยังมีคนธรรมดาในที่ห่างไกลที่ถูกเคลื่อนย้ายสู่อาณาจักรแห่งทวยเทพด้วย!
นี่มันกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวระดับโลกไปแล้ว!
“รีบไปกันก่อนเถอะ!”
ณ ตอนนี้ เขารับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวภายในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลแห่งนี้
อาจจะเป็นเพราะพวกคนในหมู่บ้านได้ยินเสียงตะโกนของหญิงชรา จึงเริ่มพากันมาทางนี้มากขึ้น ชายหนุ่มจึงใช้ประโยชน์จากเงารัตติกาลก่อนจะหายไปพร้อมกับเฮยจื่อ
ณ ร้านอาหารเช้า ประตูของร้านถูกแง้มไว้ จึงเผยให้เห็นเฉียงจื่อกับโกวซานที่เมากรึ่ม ๆ กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารและเครื่องมากมาย ส่วนถิงถิงนั้นเพียงแค่เมาเล็กน้อย เมื่อเซียวเฟิงเปิดประตูเข้าไป เขาก็กล่าวทักทายทุกคนก่อนจะเข้าไปดื่มด้วย โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้นในเวลานี้
ตอนที่โกวซานลุกขึ้นและเดินไปเข้าห้องน้ำ เซียวเฟิงก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปด้วย
“ดูจากท่าทีแล้ว นายจะได้ความทรงจำกลับมาแล้วใช่ไหม?”
โกวซานหยุดลงที่หน้าประตูห้องน้ำทันที เขาหันกลับมาและพูดกับเซียวเฟิง ถึงแม้ว่าเขาจะเอนหลังพิงกำแพงเพราะฤทธิ์สุราที่แรง แต่แววตาของเขากลับใสปิ๊งไม่เหมือนคนเมาสักนิด ผิดกับเซียวเฟิงที่เป็นฝ่ายถอยกลับ ชายหนุ่มมองโกวซาน แต่ก่อนชายหนุ่มจะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงพูดเสียก่อน
“ตอนเจอนายครั้งแรก ฉันคิดว่านายน่าจะมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ แล้วดูท่าฉันจะคิดไม่ผิดซะด้วย คนแก่ในตระกูลฉันเองก็ต้องทุกข์ทรมานอยู่กับอาการหลง ๆ ลืม ๆ แบบนี้ บ้างก็ความจำเสื่อมอยู่เหมือนกัน ตอนที่เขาเสียความทรงจำไป เขากับนายก็มีท่าทีเหมือนกันมาก ๆ เลย”
โกวซานพูดและยังคงมองเซียวเฟิงอยู่ตลอด “…ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านายมาอยู่ที่ชนบทเล็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไง แต่คิดว่านายเองก็น่าจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่ ๆ แต่ตอนนี้นายได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว ฉันคงต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะ”
“ฉันจะไปแล้วล่ะ” เซียวเฟิงพยักหน้า ภายหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดเสริม “แต่ก่อนจะไป ฉันก็อยากจะขอบคุณนายซะก่อน”
“ไม่มีอะไรต้องขอบคุณเลย การพบเจอกันระหว่างพวกเรานั้นเป็นโชคชะตา ฉันแค่ทำเหมือนที่คนทั่วไปทำ ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้แล้ว” โกวซานพูดพร้อมกับยิ้มให้
“น้องหงเป็นคนที่ดีมาก ๆ นายสามารถไว้ใจเธอได้”
คนทั่วไป?
เซียวเฟิงพยักหน้าและไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ เขาต่อบทสนทนานิดหน่อยก่อนจะหันไปมองเฉียงจื่อและถิงถิงที่ยังคงดื่มกินกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขาหรอก เดี๋ยวฉันจะบอกพวกเขาเองหลังจากที่ตื่นกันแล้วในเช้าวันรุ่งขึ้น”
โกวซานมองไปยังเซียวเฟิง เขาไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่ขัดสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังคิดจะทำเท่านั้น
เซียวเฟิงพยักหน้าอีกครั้ง เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่ที่นี่นานกว่านี้ ดังนั้นจึงโบกมือลาโกวซานโดยไม่หันกลับมามองและเดินออกไปตามทาง
แม้ว่าจะมีเรื่องมากมายให้พูด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ เพราะโกวซานเป็นคนฉลาด ดังนั้นเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ เซียวเฟิงจึงเลือกไม่พูดอะไรเสียจะดีกว่า
โกวซานมาส่งเซียวเฟิงที่หน้าประตูร้านอาหาร แทนที่ส่งเสร็จแล้วจะไปเข้าห้องน้ำ เขากลับกลับมานั่งที่โต๊ะแทน ใช่แล้ว การลุกไปห้องน้ำนั้น เป็นเพียงการเรียกเซียวเฟิงที่เป็น ‘คนนอก’ ไปคุยเป็นการส่วนตัวตั้งแต่แรกแล้ว
เช้าวันถัดมา ฟากฟ้าสว่างไสวสมกับเป็นเวลากลางวัน
สิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองฮุ่ยกวงนั้นแพร่กระจายออกไป รถพยาบาลได้เข้าไปในพื้นที่และออกมาอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นก็มีเสียงซุบซิบจากผู้คนในหมู่บ้านให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีคนนอกเข้ามาทำร้าย บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของภูตผี บ้างก็ทะเลาะกันเอง ต่าง ๆ นานา
แต่ที่มองข้ามไม่ได้เห็นจะเป็นเสียงของเหล่าผู้กำลังโศกเศร้า พวกเขาคือครอบครัวของชายและหญิงชราที่ต้องมารับผลกรรมในครั้งนี้…
แล้วเซียวเฟิงก็ได้กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้อีกครั้ง และเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ก็คือ บ้านที่สร้างจากดินและอิฐหลังหนึ่งที่อยู่ท้ายหมู่บ้านตรงหน้าเขาหลังนี้
บ้านหลังคามุงกระเบื้องหลังไม่ใหญ่นัก ดูทรุดโทรมจากการผ่านลมผ่านฝนมาหลายครั้ง กำแพงที่เป็นอิฐมีรอยแตกบ้างและปิดด้วยโคลน บนหลังคาเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำปกคลุม ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็เห็นได้ชัดว่าบ้านหลังนี้สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของคนที่ไม่มีอันจะกิน
“แม่ครับ ผมเอายามาให้แล้ว”
ภายในบ้านเล็กหลังนี้มีห้องอยู่มากมาย ชายวัยกลางคนที่มีผิวคล้ำ แต่งตัวเรียบง่ายดูสุภาพ เอ่ยเรียกแม่ของตนพลางเคาะประตูห้องที่อยู่ด้านในพร้อมกับมือหนึ่งที่ถือถ้วยน้ำแกงสีดำด้วยดวงตาแดงก่ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
หลังจากรออยู่นาน เขาก็ได้รับการตอบสนองที่แผ่วเบากลับมาจากภายในห้อง จากนั้นชายวัยกลางคนผิวคล้ำถึงได้เปิดประตูและเดินเข้าไป
ภายในห้องมีหญิงชราผู้มีใบหน้าซูบซีด ผมสีดอกเลาและผิวย่นเหี่ยวเหมือนผ้าปูเตียงที่ไม่จัดให้เรียบร้อย สายตาของเธอมองไปยังชายที่เข้ามาด้วยแววตาเจ็บปวด สภาพร่างกายของเธอทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด
สองคนนี้เป็นแม่ลูกกัน และเป็นคน ๆ เดียวกับที่เซียวเฟิงพบในเมืองเมื่อวาน คนที่ออกมาจากรถบัสนั่นเอง “ผมเอายามาให้แล้ว…”
ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาพร้อมกับยื่นมือที่ถือถ้วยน้ำแกงสีดำไว้ ซึ่งมือนั้นก็สั่นเทาไม่แพ้กัน
เขาค่อย ๆ เคลื่อนมันไปให้หญิงชราที่อยู่บนเตียง พร้อมกันนั้นเอง กลิ่นฉุนก็โชยออกมาจากน้ำซุปและฟุ้งตลบอยู่ในห้องนั้นอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่หญิงชราดื่มน้ำแกงสีดำผ่านริมฝีปากที่แห้งผากซึ่งไม่ต่างจากผิวหนังส่วนอื่นนั้น เธอก็ส่ายหน้าและสำรอกเอาซุปกว่าครึ่งถ้วยทิ้ง ดวงตาที่หมองมัวมองไปยังซุปที่เหลือในถ้วยก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น
“ลูก…ลูกแม่…”
หญิงชรานั้นทำไร่ทำสวนมาตลอดชีวิต ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อยู่ในถ้วยซุปนั้นคือยาฆ่าแมลง เธอยังคิดเสมอว่านี่คือยารสชาติประหลาด
ตึง!
ชายวัยกลางคนเข่าอ่อนและทรุดลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงก่อนจะคลานไปหาหญิงชรา ระหว่างนั้นเขาก็ตบตีตนเองอย่างรุนแรง ร้องไห้และหลั่งน้ำตาออกมาเต็มใบหน้า
“แม่ครับ…แม่ครับ! ผมขอโทษจริง ๆ ! ผมมันไม่ได้เรื่อง! ผมหาเงินมารักษาอาการป่วยของแม่ไม่ได้! ผมมันแย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน! แม่ครับ!”
“ลูกรัก! ลูกแม่ ลุกขึ้นเถอะ! แม่ไม่เคยว่าลูกเลย แม่ไม่โทษอะไรลูกทั้งนั้น!”
เธอร้องไห้ออกมาไม่ต่างกันหลังจากเห็นเช่นนั้น ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงตะเกียกตะกายลงมาจากเตียงและโอบกอดร่างของชายวัยกลางคนไว้ สองแม่ลูกที่ต้องรับผลกรรมจากความยากจนกอดกันขณะร่ำไห้เสียงดัง
“ลูกรัก…นี่เป็นเงินที่แม่เก็บสะสมเอาไว้มาทั้งชีวิต… ลูกต้องไปหาคนที่ลูกรัก แล้วแต่งงานกับเธอซะ…คิดเสียว่าทำเพื่อแม่… แล้วอย่าลืมพาเธอมาหาแม่ปีละครั้งก็พอ!”
หญิงชราร้องไห้จนแทบจะหมดแรง ระหว่างกำลังเช็ดน้ำตา เธอก็เอื้อมไปหยิบห่อผ้าเก่า ๆ ที่อยู่ใต้หมอนที่สกปรกออกมา ยามเปิดห่อผ้านั้นออก ก็เผยให้เห็นว่าภายในนั้นห่อเศษเงินจำนวนมากเอาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหรียญตั้งแต่น้อยนิดไปจนถึงหลักหลายหยวน แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ได้เป็นจำนวนเงินที่มากโขอยู่
หญิงชราห่อผ้ากลับดังเดิมและยัดมันลงไปในฝ่ามือของชายวัยกลางคนด้วยความเป็นห่วงใย
“แม่! ผมขอโทษจริง ๆ…แม่ครับ…”
แม้ก่อนหน้านี้จะหยุดร้องไห้ไปแล้ว แต่เมื่อเห็นเช่นนี้ก็อดที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้งไม่ได้ เขากัดริมฝีปากตนเองไว้พร้อมกับกำมือที่เปื้อนดินโคลนของตนไว้แน่น
ในฐานะแม่แล้ว เธอไม่อาจจะทนเห็นลูกชายต้องทุกข์ลำบากได้ตลอดชีวิตเช่นนี้
“ลูกรัก…แม่ไม่โทษลูกเลย…แม่น่ะ ทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วยอยู่ทุกวันและไม่อยากจะทนกับมันอีกแล้ว… เอาเลย เอายานั่นมาให้แม่กิน… ปลดปล่อยแม่จากความทรมานนี้ที…”
ตอนนั้นเอง หญิงชราดูจะเข้าใจได้แล้วว่ายาที่ลูกชายนำมานั้นคืออะไร และเธอเลือกที่จะไม่ร้องไห้อีก มือที่เหี่ยวย่นปาดน้ำตาที่หลั่งออกมาจากดวงตาอันแดงก่ำ ดันมือตนไปกับพื้นเพื่อลุกขึ้นไปนั่งบนขอบเตียง
“แม่ครับ…”
ชายวัยกลางคนข่มน้ำตาของตนเองไว้ ขณะยื่นมือที่ถือถ้วยซุปใบเดิมให้อีกฝ่าย
ตู้ม!
ขณะนั้น เซียวเฟิงก็ถีบประตูห้องนั้น และเดินเข้าไปอย่างใจเย็น
“น-นาย!? นายเป็นใคร! เข้ามาในบ้านฉันทำไม!?”
ด้วยเสียงอันดังของประตูที่ถูกถีบออก ชายวัยกลางคนรีบชักมือที่ถือถ้วยซุปออกมาแล้วปกป้องหญิงชราที่อยู่เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว ขณะพูดกับเซียวเฟิงด้วยแววตาหวาดระแวงด้วย
เซียวเฟิงมองไปยังสองแม่ลูกด้วยแววตาไร้อารมณ์ หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบกำไลสองวงขึ้นมาและโยนให้สองแม่ลูก
“สวมกำไลพวกนี้ซะ มันจะช่วยรักษาอาการป่วยได้”
กำไลทั้งสองเส้นนี้คือ อุปกรณ์ที่ช่วยให้ล็อกอินเข้าไปภายใน ‘เดอะมิธ’