หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 338 ล้วนเป็นคู่แข่ง / ตอนที่ 339 ทำไมพูดชมผู้ชายอื่น
ตอนที่ 338 ล้วนเป็นคู่แข่ง
ที่ทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่ในสายตาหนานหลิวเฟิง เขารู้สึกเหมือนผงเข้าตา พอมองดูก็จะปวดลูกตา ยังรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง
พอเว่ยเหลียนเฉิงกับหลานเย่หมิงเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็สบตากัน แล้วถอนหายใจด้วยความจนใจ ทั้งผลักทั้งดันให้เขาเดินเข้าไป
“ที่ฉันพูดกับนาย นายคงลืมไปแล้วมั้ง คิดดูสิ พวกคุณเป็นไปไม่ได้แล้ว” เสียงเว่ยเหลียนเฉิงเบามาก แต่เสียงยังเข้าหูหนานหลิวเฟิง ฟังหรือไม่ก็ต้องเข้าไป ต้องดูตัวเขาเองแล้ว
ก็ใช่ ก่อนหน้านี้มักจะมีคนคนหนึ่งคอยเฝ้ามองเขา เขาชินกับการที่มีเธออยู่ แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งจู่ๆ เธอก็เลิกมองเขา เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนอย่างสิ้นเชิง
ไม่เพียงเท่านี้ ยังทำตัวแปลกหน้ามาก แม้คุณจะคิดตกแล้ว อยากจะแก้ไขก็ไม่มีโอกาสแล้ว หนานหลิวเฟิงในฐานะเทพบุตรย่อมไม่คุ้นเคยกับความพ่ายแพ้เช่นนี้
ถ้าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ผ่านผู้หญิงมามากก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้ แต่ดูแล้วเขาไม่ใช่คนแบบนั้น อีลั่วเสวี่ยก็เหมือนรักแรกของเขา พอตัวเขาเข้าใจเรื่องนี้ก็พบว่าเธอไม่ใช่ของเขาแล้ว
“ไปได้แล้ว อย่าลืมจุดมุ่งหมายที่เรามาวันนี้สิ” หลานเย่หมิงเตือนสติเขา วันนี้ที่พวกเขามาก็เพื่อหุ้นร้อยละหกสิบที่ซีเหมินหลงเซี่ยวมอบออกมา
ถ้าช่วงชิงเรื่องนี้ได้ ย่อมส่งผลอย่างมากต่อสถานะของพวกเขาในเมืองนี้ วันนี้ที่มาล้วนเป็นคู่แข่ง จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
หนานหลิวเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อย ดึงสายตากลับมา หลุบตาลง แล้วเงยหน้าขึ้น “ฉันเข้าใจ” วันนี้ในสถานที่นี้ เกี่ยวข้องกับผลประโยขน์ของหนานกรุ๊ป คงต้องวางเรื่องความรักไว้ก่อน
ทั้งอีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงต่างรู้สึกถึงสายตาที่ร้อนแรงของหนานหลิวเฟิงที่ด้านหลัง แต่ทั้งคู่ทำเหมือนไม่มีอะไรแล้วมองข้ามไป คนหนึ่งคิดว่าไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวด้วย อีกคนคิดว่าก็แค่อยากอวด
ใช่แล้ว เฉวียนหมิงต้องขอบใจที่ตอนนั้นหนานหลิวเฟิงไม่สนใจเธอ ไม่เช่นนั้นขณะนี้เขาจะมีโอกาสยืนอยู่ข้างๆ เธอหรือ บัดนี้เห็นว่าเธอดี อยากย้อนคืน ไหนเลยจะมีเรื่องง่ายอย่างนั้น
“คุณจงใจใช่ไหม?” อีลั่วเสวี่ยชำเลืองมองเฉวียนหมิง เรื่องที่ว่าต้องพาเพื่อนหญิงมาด้วยหรือไม่ ต้องมีการแจ้งเตือนก่อนแล้ว งานเลี้ยงพิเศษแบบนี้ เป้าหมายหลักเพื่อคุยธุรกิจหรือเพื่อความรื่นเริง ฝ่ายเจ้าภาพต้องแจ้งก่อนแล้ว
อีลั่วเสวี่ยไม่เชื่อว่าคนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยวซึ่งเป็นถึงซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ปจะไม่แจ้งเรื่องนี้ ส่วนเฉวียนหมิงย่อมมางานแบบนี้หลายครั้ง จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าควรพาเพื่อนหญิงมาหรือไม่
เฉวียนหมิงเม้มปากพลางพยักหน้า “ผมจงใจ แล้วจะเป็นยังไง คุณเป็นเจ้าของเฉวียนกรุ๊ปครึ่งหนึ่ง หรือคุณไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยหรือ?”
มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก “พอเถอะ คำพูดนี้คุณอย่าพูดดีกว่า ถ้าปู่คุณได้ยิน คงจะคิดว่าฉันมีเป้าหมาย” เธอบริหารบริษัท EW ยังไม่ค่อยกระตือรือร้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉวียนกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ต้องทุ่มเทสมองอย่างหนัก
เธอเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุเป็นเซียน จะให้เรื่องทางโลกที่วุ่นวายมาขัดขวางได้หรือ
“ปู่อายุมากแล้ว ท่านพูดอะไรคุณอย่าเก็บมาคิด ที่จริงท่านไม่ใช่คนใจร้าย เพียงแต่คิดว่าผมเป็นเด็กเสมอ” แม้จะรู้ว่าเขามีความสามารถบริหารบริษัทได้ แต่ก็ยังคอยกังวล ทำให้เขาจนใจ
“ฉันรู้ค่ะ” เธอย่อมรู้ จึงไม่ถือสา อีกอย่างผู้บำเพ็ญเพียรต้องจิตใจสงบ ถ้ามีเรื่องเล็กน้อยค้างคาใจ เท่ากับกลายเป็นสิ่งขัดขวาง แล้วเธอจะบำเพ็ญเพียรได้อย่างไร
ซีเหมินหลงเซี่ยวเดินอยู่ด้านหน้า ได้ยินเฉวียนหมิงพูดคุยกับอีลั่วเสวี่ย แม้จะฟังไม่ชัด แต่ก็ยังชำเลืองมองคนทั้งสอง
“คุณสองคนรักกันดี น่าอิจฉาจริง” เดิมเขาคิดว่าคนอย่างเฉวียนหมิงก็คงเหมือนตัวเขา ที่การแต่งงานต้องคำนึงถึงผลประโยชน์และความร่วมมือ คิดไม่ถึงว่าเฉวียนหมิงจะไม่เป็นแบบนั้น
ตอนที่ 339 ทำไมพูดชมผู้ชายอื่น
อีลั่วเสวี่ยได้ยินก็สบตากับซีเหมินหลงเซี่ยว แล้วยิ้ม “คุณซีเหมินไม่ต้องอิฉาหรอกค่ะ คุณเองก็มีได้ ไม่แน่นะคุณซีเหมินอาจจะมีอีกครึ่งแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้”
“พูดถูกต้อง คุณซีเหมินเป็นใคร จะขาดผู้หญิงได้อย่างไร จริงไหมอาเสวี่ย?” คำพูดนี้เหมือนชมซีเหมินหลงเซี่ยว แต่ที่จริงเป็นการเยาะเย้ยเขา
มุมปากซีเหมินหลงเซี่ยวกระตุกเล็กน้อย หมอนี่พูดจาไม่ไว้หน้าเลย
“พวกคุณสามีภรรยาอย่าล้อผมเล่นเลย มา เชิญตามสบายครับ ผมจะไปทักทายแขกท่านอื่นก่อน” ซีเหมินหลงเซี่ยวพูดจบก็เดินไปยังกลุ่มคน
ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง มีคนไม่น้อยมาถึงก่อนแล้ว พอเห็นซีเหมินหลงเซี่ยวเดินมาก็พากันชูแก้วเหล้าขึ้น เดินมาเชิญดื่ม
ถึงตอนนี้นับว่าอีลั่วเสวี่ยเข้าใจแล้ว ชีวิตของคนในสังคมไฮโซบนโลกนี้ เป็นอย่างนี้เอง นอกจากคุยธุรกิจแล้วก็คือการมาสังสรรค์กัน เสร็จเรื่องก็เป็นการเล่นสนุก ทำงาน? ไม่มีเรื่องนี้หรอก
“อาเสวี่ย คุณดื่มนี่ดีกว่า” เฉวียนหมิงเดินมาที่โต๊ะ หยิบแก้วแชมเปญยื่นให้เธอ ดื่มแล้วไม่เมาง่ายๆ
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า รับแก้วแชมเปญ แล้วเปลี่ยนแชมเปญในมือเขาเป็นน้ำผลไม้ “คุณดื่มน้ำส้มคั้นจะดีกว่า” เหล้าสำหรับคนที่สุขภาพอย่างเขาแล้วดื่มให้น้อยหน่อยจะดีกว่า
เฉวียนหมิงแปลกใจเล็กน้อย แล้วผงกศีรษะ “ดี ผมเชื่อคุณทุกเรื่อง”
“เอ๊ะ คู่รักคู่ขวัญอย่างพวกคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว จะให้หนุ่มโสดอย่างเราวางตัวอย่างไร?” หลานเย่หมิงกับเว่ยเหลียนเฉิงเดินพูดคุยหัวเราะกันมา คนหนึ่งถือแชมเปญคนหนึ่งถือไวน์แดง ยังไม่ลืมถือเผื่อหนานหลิวเฟิงซึ่งอยู่ด้านหลังแก้วหนึ่งด้วย
“หนุ่มโสด? ก็แค่ดูจากภายนอกเท่านั้น ขอเพียงพยายามหน่อย จะเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องยาก?” อีลั่วเสวี่ยยิ้มกับหลานเย่หมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้ง อย่าคิดว่าเธอดูไม่ออกว่าเขาหลงรักหลิ่วเฟยซวง
หลานเย่หมิงยิ้มอย่างขมขื่น “กลัวแต่ว่าเซียงอ๋องหมายตา แต่เทพธิดาไร้ใจ”
“ฟังคุณพูดแล้วน่าสงสารจริง แล้วฉันจะหาเวลาพูดเชียร์คุณกับเธอดีไหม?” อีลั่วเสวี่ยพูดกึ่งล้อเล่น
คิดไม่ถึงว่าว่าพอเธอพูดอย่างนี้ หลานเย่หมิงตรงหน้าจะดูสดใสขึ้นทันที “จริงหรือ งั้นผมคงต้องขอบคุณล่วงหน้าแล้ว” พูดจบก็ชูแก้วเหล้าในมือขึ้นจะชนแก้วกับอีลั่วเสวี่ย
เฉวียนหมิงยืนอยู่ข้างๆ คิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ แล้วใช้แก้วน้ำส้มคั้นในมือชนแก้วกับหลานเย่หมิง
จากนั้นก็พูดข้างหูอีลั่วเสวี่ย “ทำไมคุณถึงพูดชมผู้ชายอื่น?” จริงด้วย ทำไมพูดชมผู้ชายคนอื่นล่ะ คิดแล้วทำให้เขานึกอิจฉา
ท่าทางแข็งกร้าวและหึงหวงของเฉวียนหมิง ทำให้อีลั่วเสวี่ยยิ้มอย่างจนใจ ที่มากกว่าคือความหวานชื่น ก่อนนี้ยังคิดว่าความรู้สึกเป็นเจ้าของของเขาไม่รุนแรง สามารถยอมให้เธอมีอิสระเสรีกับเพื่อนข้างนอกได้ เวลานี้ดูแล้วที่แท้เขาพยายามอดกลั้นไว้
เวลานี้เหมือนเขาได้ปลดปล่อยแล้ว ไม่ยอมให้เธอทำโน่นทำนี่แล้ว
“เพื่อนเพื่อนซี้ คุณคงเข้าใจนะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้มพลางกระซิบบอก พอได้ยินเช่นนี้เฉวียนหมิงจึงดึงศีรษะกลับ แล้วชำเลืองมองหนานหลิวเฟิงด้วยแววตาท้าทาย
เขาสามารถมองเห็นอีกฝ่ายที่กำแก้วเหล้าไว้แน่นรวมทั้วงใบหน้าที่ฝืนยิ้มเต็มที่ แต่ที่จริงในใจกำลังปั่นป่วนราวกับทะเลคลั่ง ทำให้เฉวียนหมิงรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เขาไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกว่าความทุกข์ของคนอื่นก็คือความรื่นรมย์ของตนเอง แต่ขณะนี้เขาเห็นคนอื่นทุกข์ใจ เขากลับสะใจมาก
ท่าทางเฉวียนหมิงแบบนี้ อย่าว่าแต่หนานหลิวเฟิงจะนึกอิจฉา แม้แต่หลานเย่หมิงและเว่ยเหลียนเฉิงก็รู้สึกแปลก
แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไปมาหาสู่กับเฉวียนหมิงน้อยมาก แต่ปีนี้เจอกันหลายครั้งแล้ว เดิมสีหน้าเขาเฉยชาไร้ความรู้สึก ไม่เคยเห็นเขายิ้ม จนทุกคนคิดว่าใบหน้าเขาเป็นอัมพาตทำให้ยิ้มไม่เป็น แต่วันนี้ดูเหมือนคงต้องเปลี่ยนความคิดนี้แล้ว