หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 456 ขอให้ร่วมมือราบลื่น / ตอนที่ 457 เป็นคนที่เข้าใจอะไรดี
- Home
- หมอยาหวานใจท่านประธาน
- ตอนที่ 456 ขอให้ร่วมมือราบลื่น / ตอนที่ 457 เป็นคนที่เข้าใจอะไรดี
ตอนที่ 456 ขอให้ร่วมมือราบลื่น
“ออกมาจากบ้าน คงไม่ต้องยึดติดกับสถานะมากเกินไป คุณฝานคิดว่ายังไง” มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากซีเหมินหลงเซี่ยว ทำให้ดูมีเสน่ห์
ฝานเจียวเจียวเชิดมุมปากขึ้น มีรอยยิ้มที่สง่างามบนใบหน้าที่แต่งอย่างประณีต ดูราวกับเจ้าหญิง แต่น่าเสียดายที่ราศีเบาบางมาก
“คุณซีเหมินคิดว่าฉันจะมีเรื่องอะไรคะ?”
ซีเหมินหลงเซี่ยวไม่พูด ผู้หญิงคนนี้มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเขาจึงไม่รู้ข่าวเลย เขานึกสงสัยแต่สีหน้ากลับไม่แสดงออก “ถ้าผมรู้ก็คงไม่มาที่นี่หรอก”
แต่ผู้หญิงคนนี้เชิญเขาลับๆ โดยใช้ชื่อเธอเอง ไม่ใช่เขตทหารที่สิบสอง ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว
ฝานเจียวเจียวได้ยินเช่นนี้ก็ยกมุมปากขึ้น “ได้ข่าวว่าคุณซีเหมินเปิดร้านสาขาของไหลย่ากรุ๊ปขึ้นที่นี่ แต่ดูเหมือนบางบริษัทที่คุณหมายตาไว้จะไม่ได้เข้าร่วมด้วย อย่างเฉวียนกรุ๊ป”
เธอมาที่นี่หลายวัน ทำความเข้าใจผู้คนในสังคมชั้นสูงได้ไม่น้อยแล้ว เสียกำลังคนและกำลังทรัพย์ไปไม่น้อย แต่ถ้าทำสำเร็จ ทั้งหมดนี้ก็คุ้มค่า
“คุณอยากพูดอะไรครับ?” เฉวียนกรุ๊ป เฉวียนกรุ๊ปอีกแล้วหรือ หรือผู้หญิงคนนี้มาเพราะเฉวียนหมิง เอ๊ะ เขาโชคดีในเรื่องผู้หญิงจริงนะ สาวสวยหลายคนต่างหลงรักเขา
ฝานเจียวเจียวยิ้ม เธอรินไวน์แดงสองแก้ว ยื่นแก้วหนึ่งให้ซีเหมินหลงเซี่ยว “ในเมื่อพบกันแล้ว ค่อยๆ คุยกันก็ได้ คุณซีเหมินคิดว่าอย่างไรคะ?”
ซีเหมินหลงเซี่ยวลังเลครึ่งวินาที แล้วรับไวน์แดงมาจิบ ในเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัว เธอย่อมไม่ใส่ยาพิษในไวน์
“ฉันอยากเห็นเฉวียนกรุ๊ปล้ม ไม่ทราบว่าคุณซีเหมินอยากรับงานนี้หรือไม่?” ฝานเจียวเจียวพูดง่ายๆ ราวกับว่าชั่วโมงถัดไปก็สามารถทำให้คนครอบครัวเฉวียนหมิงเดินเร่ร่อนอยู่ตามถนนได้
รูม่านตาซีเหมินหลงเซี่ยวหดลงเล็กน้อย “คุณมีความแค้นกับเฉวียนกรุ๊ปหรือ?” น่าแปลก ตระกูลเฉวียนมีความสัมพันธ์กับเขตทหารที่หนึ่งและอิทธิพลนอกกฎหมายไม่ใช่หรือ คนอย่างฝานเจียวเจียวกลับอยากเล่นงานพวกเขา คงเป็นความแค้นที่ใหญ่มาก
“ย่อมต้องมีความแค้น แต่ฉันอยากถามว่าคุณซีเหมินอยากให้ตระกูลเฉวียนพังพินาศล้มลงหรือไม่?” ฝานเจียวเจียวเขย่าไวน์แดงที่เหลือในแก้ว แล้วยกขึ้นดื่มจนหมด เธอเม้มริมฝีปากที่แดง ดูมีเสน่ห์มาก
“ผมย่อมสนใจ แต่ไม่ทราบว่าคุณฝานจะทำอย่างไร?” เหตุผลหนึ่งที่เขามาเมืองเอฟก็เพื่อค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในอิทธิพลสายนี้ แล้วกุมทุนทั้งหมไว้ในกำมือ ซึ่งจะสำคัญมากต่ออนาคตของเขา
ถ้าบริษัทของเฉวียนหมิงล้มลง แล้วเขาสามารถรับสืบทอดได้ ย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลวเลย
ฝานเจียวเจียวคาดล่วงหน้าแล้วว่าเขาต้องตกลง จึงไม่รู้สึกแปลกใจ “ฉันไม่สันทัดเรื่องในแวดวงธุรกิจ แต่ฉันสามารถออกเงินทุนช่วยให้คุณล้มเฉวียนกรุ๊ปได้ แน่นอนว่าคุณยังมีผู้ช่วยรายหนึ่ง นั่นคือกลุ่มธุรกิจตระกูลฟาง คุณแค่เหนี่ยวไกก็พอ ฉันเตรียมกระสุนไว้แล้ว”
ไม่เสียทีที่เป็นคนที่ออกมาจากเขตทหารที่สิบสอง เวลาพูดแฝงด้วยความบ้าระห่ำ
ซีเหมินหลงเซี่ยวได้ยินเช่นนั้นก็มีรอยยิ้มขึ้น “คุณฝานเป็นยอดหญิงในหมู่สตรี นับถือ นับถือ” พูดตามตรงการที่ทำให้ผู้หญิงไม่พอใจย่อมพบจุดจบที่ไม่ดีเลย
“งั้นแสดงว่าคุณซีเหมินตกลงแล้วใช่ไหม?” ฝานเจียวเจียวพูดพลางวางแก้วไวน์ในมือลง แล้วยื่นมือขวาออกไป
สองมือประสานกัน เป็นอันตกลงกันแล้ว
“ขอให้ความร่วมมือราบลื่น!”
“ขอให้ความร่วมมือราบลื่น!”
ที่ซีเหมินหลงเซี่ยวตกลงตามข้อเสนอฝานเจียวเจียวอย่างรวดเร็วนั้นมีเหตุผลสองข้อ ข้อแรก สำหรับเขาแล้วเฉวียนหมิงเป็นแค่คนที่เคยร่วมงานกัน ไม่ใช่เพื่อน ในวงธุรกิจไม่มีเพื่อนแท้ ข้อสองอิทธิพลของเฉวียนกรุ๊ปในเมืองเอฟใหญ่โตมาก
ตอนที่ 457 เป็นคนที่เข้าใจอะไรดี
ยังมีแบรนด์ของเฉวียนหมิง ขยายออกไปถึงต่างประเทศแล้ว ต้องการเวลาเท่านั้นก็จะกลายเป็นอีกแบรนด์ของไหลย่ากรุ๊ป เนื้อชิ้นใหญ่อย่างนี้ จะปล่อยให้รุ่งขึ้นได้อย่างไรโดยไม่ไปช่วงชิงมาเป็นของตนเอง
เวลานี้มีกระสุนแล้ว เขาก็แค่คอยสนับสนุน รอให้ถึงโอกาสเหมาะแล้วลั่นไกก็จบเรื่อง ช่างน่ายินดีนัก
สมมุติว่าสุดท้ายแผนของเขากับฟางกรุ๊ปล้มเหลว แต่ก็ทำให้สองกลุ่มธุรกิจนี้เสียหายทั้งคู่ แวดวงธุรกิจเป็นเหมือนสนามรบ พอเห็นเฉวียนกรุ๊ปมีแผล ทุกคนก็จะรุมทึ้งเหมือนอีแร้งใช่ไหม?
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สุดท้ายเขาก็คือผู้ชนะ แต่ว่าเรื่องนี้ง่ายอย่างนั้นจริงหรือ
“คุณซีเหมินเป็นคนที่เข้าใจอะไรดี ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับคนฉลาด” หลังจากคุยงานเสร็จแล้วฝานเจียวเจียวก็เลิกวางตัวสูงส่งเย็นชาอย่างเมื่อครู่ กลับดูเหมือนอ่อนโยนน่ารัก มองดูซีเหมินหลงเซี่ยวด้วยสายตาชื่นชม
คนผู้นี้มีความสามารถในการแข่งขันสูงมาก ในประเทศซีโจว แต่กลับเป็นคนที่คมในฝัก วันหน้าต้องมีบทบาทสำคัญ มีอนาคตที่รุ่งโรจน์มาก เฉวียนหมิงย่อมไม่สามารถเทียบกับคนอย่างเขาได้ ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดจะแย่งเฉวียนหมิงเพื่อทำให้อีลั่วเสวี่ยโกรธแค้น แต่ขณะนี้เลิกใส่ใจแล้ว
คนอย่างเฉวียนหมิงนั้นปล่อยให้คนอย่างฟางจื่อชิวไปคอยตอมเหมือนแมลงวันเถอะ เธอไม่สนใจหรอก
ซีเหมินหลงเซี่ยวย่อมมองสายตาที่ชื่นชมของฝานเจียวเจียวออก เขายิ้มที่มุมปาก แล้วถือโอกาสจับมือเธอไว้แน่น ดึงมาข้างหน้า แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “คุณฝานมีบุคลิกโดดเด่น สามารถร่วมมือกับคุณ นับว่าเป็นเกียรติสำหรับผม”
จากนั้นทั้งคู่ก็ประสานสายตากันแล้วยิ้ม เริ่มดื่มเหล้า บรรยากาศเป็นกันเองมาก ถึงตอนนี้ทั้งคู่แอบจ้องบอดี้การ์ดของตน ทั้งสามคนออกไปนอกห้องอย่างรู้สถานการณ์ ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก
หลังจากบอดี้การ์ดออกไปแล้ว ซีเหมินหลงเซี่ยวยิ้มที่มุมปาก เดินไปที่ประตู ล็อคประตูห้อง แล้วเดินไปหาฝานเจียวเจียวซึ่งขณะนี้ยืนชมทิวทัศน์อยู่ที่กระจกหน้าต่าง
“คุณฝาน ผิวพรรณคุณสวยมาก!” ซีเหมินหลงเซี่ยวพูดเสียงอ่อนโยน แล้วยื่นมือไปลูบผิวส่วนหลังที่เผยออกมาของเธอเบาๆ ส่วนที่ถูกมือสัมผัสราวกับมีกระแสไฟวาบขึ้นไหลไปที่หัวใจเธอจนรู้สึกชา
แววตาฝานเจียวเจียวเริ่มเคลิบเคลิ้ม “หรือค่ะ สวยขนาดไหนหรือ?”
“สวยมาก!” ซีเหมินหลงเซี่ยวก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว วางมือลงบนไหล่เธอ อีกมือจับที่ซิปกระโปรง ดึงลงช้าๆ ชุดยาวดุจแพรไหมไหลลงมากองบนพื้นแล้ว ขณะที่ฝานเจียวเจียวหันหลังให้เขา
ฝานเจียวเจียวชำเลืองมอง แล้วสีหน้าไม่พอใจ “องค์ชายหลงเซี่ยว ประเทศคุณมีแบบแผนเช่นนี้หรือ คุณยังแต่งตัวเรียบร้อยตามเดิม เห็นฉันเป็นอะไร?” พูดพลางใช้มือข้างหนึ่งขวางข้างหน้าตัวเองไว้ มืออีกข้างเริ่มดึงเสื้อเขาออก
แววตาซีเหมินหลงเซี่ยวดูลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ “แน่นอนว่าไม่ใช่” พูดพลางก็ขยับตัวมาอยู่ข้างหน้าฝานเจียวเจียว ยืนเชิดหน้าเด่นอยู่ตรงหน้าเธอ
ใบหน้าฝานเจียวเจียวแดงเรื่ออย่างไม่รู้ตัว ไม่รอให้เธอได้ทำอะไรก็ถูกซีเหมินหลงเซี่ยวดันไปชิดกระจกที่ยาวจดพื้น กระจกชนิดนี้ข้างนอกมองไม่เห็นข้างใน แต่ข้างในสามารถมองเห็นทิวทัศน์ข้างนอกได้
“นั่นอะไรคะ?” ฝานเจียวเจียวยื่นมืออกไปจับของสิ่งหนึ่งขึ้นมาอย่างใจถึง ใบหน้าซีเหมินหลงเซี่ยวเย็นวาบขึ้นทันที
“คุณจะรู้เดี๋ยวนี้แล้ว” พูดจบก็ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้น ทั้งสองกอดรัดกัน
ในห้องที่กว้างใหญ่ได้ยินเสียงของทั้งสองเท่านั้น
แล้วทั้งคู่ก็เคลื่อนตัวไปช้าๆ เริ่มหาความสำราญในห้อง บอดี้การ์ดนอกห้องได้แต่จินตนาการอย่างไร้ขอบเขต มีเหงื่อซึมออกมาบนหน้าผากอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเพราะอากาศร้อนหรือเพราะเหตุอื่น
ทั้งสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างไม่พูดอะไร