ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 116 เขียวน้ำเงินม่วงสามสี
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาบางๆ ใช่แล้ว ถ้าหากจ่านป๋ายเอะใจว่าสีของหินหยกหมายเลขยี่สิบสามยังไม่สวยเพียบพร้อม ถ้าอย่างนั้นสีของหินหยกก้อนนี้ก็ต้องสวยกว่าแน่นอน
นี่เป็นสีที่ดึงดูดใจอย่างแท้จริง แม้กระทั่งถ้าหากเป็นหินหยกสามสีแบบนี้ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกสงสัยว่าจะสามารถเป็นฮกลกซิ่วได้หรือเปล่า ประเพณีของจีนแต่โบราณ ฮกลกซิ่วเป็นตัวแทนของความร่ำรวยทั้งสามสี แน่นอนว่าต้องขอถึงความมั่นคงภูมิฐาน แต่สีสามสีสดใสนี้มันสดใสเกินไป
ฮกลกซิ่วที่พบได้บ่อย โดยทั่วไปจะเป็นสีแดงเขียวม่วงสามสีนี้ หรือไม่ก็เป็นสีแดงเหลืองม่วง สีที่ร่ำรวยสามสี แต่แดงเหลืองเขียวก็ได้รับความนิยมมากเหมือนกัน
แต่ตอนนี้หินหยกหมายเลขยี่สิบสองกลับเป็นสีเขียวน้ำเงินม่วง ด้านบนสุดขนาดเท่าหัวแม่มือ เป็นหยกสีเขียว ราวกับหญ้าอ่อนหลังฤดูใบไม้ผลิ สีสันสดใสสว่างผุดผ่อง ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ถัดมาสีเขียวนี้ก็ค่อยๆ อ่อนลง น่าจะลึกประมาณหนึ่งคืบ สีน้ำเงินแสนใสบริสุทธิ์ก็สว่างขึ้นมา สีน้ำเงินโปร่งใส สีนี้เหมือนกับสีน้ำเงินของหยกก้อนนั้น สีน้ำเงินค่อยๆ จางลงด้วยความลึกหนึ่งคืบเช่นกัน แล้วจึงค่อยๆ ก่อตัวรวมกันเป็นพระอาทิตย์ตกในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนที่เหลือเป็นสีม่วงเข้มดอกไลแลค…
หยกสามสี คืนนี้มีถึงสามก้อน มีหินหยกในงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทองที่เปิดเจียระไนออกมาก้อนนั้น ไหนจะหินหยกที่วางไว้ตรงกลางเวทีถึงสองก้อน เพียงแต่ในเวลานี้ในใจผู้ชมทุกคนต่างกำลังเปรียบเทียบว่าใครจะเป็นผู้ชนะในคืนนี้
“จินเหลียน สีนี้มัน…” จ่านป๋ายยิ้ม “หยกมีสีแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”
“เสน่ห์ของหยกอยู่ที่สีสันที่หลากหลาย” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ในเมื่อมีหยกสีน้ำเงิน ม่วงดอก ไลแอคอยู่ ถ้าอย่างนั้นหยกพวกนี้จะรวมตัวกันก็ไม่ถือว่าหายาก ฉันยังเคยได้ยินมาว่ามีคนที่เคยเดิมพันหยกเจ็ดสีมาแล้ว”
“เจ็ดสี?” จ่านป๋ายสูดหายใจ เจ็ดสีหรือ? นี่ก็อยากจะกำสายรุ้งไว้ในมือหรืออย่างไรกัน!
“เพราอย่างนั้นตอนนี้คุณก็แค่เห็นหยกสามสีทั้งสองก้อนที่สีไม่เหมือนกันเท่านั้น ยังไม่น่าแปลกใจอะไรหรอก” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขึ้น แต่ในใจก็รู้สึกขมขื่น ถ้าหากเธอร่วมเดิมพันในงานหินใหญ่พรุ่งนี้ เธอจะต้องใช้หินหยกก้อนไหนมาร่วมงานกันถึงจะชนะได้อย่างขาดลอย?
“จินเหลียน คุณดูคนนั้นสิครับ” จู่ๆ จ่านป๋ายกระซิบที่ข้างหูเธอ
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกไม่เข้าใจ เวลานี้ควรจะจับตามองไปที่หยกสิ คนจะมีอะไรน่าดูกัน? แต่เธอก็ยังหันมองไปตามสายตาของจ่านป๋าย
คนคนนั้นก็แปลกจริงๆ คนที่เดิมพันหินส่วนใหญ่มักจะมีบริษัทของตนเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงอาหารการกินหรือความเป็นอยู่เลยว่าจะดูดีขนาดไหน แต่การแต่งกายของคนคนนี้ ถ้าหากอยู่ที่ท้องถนนคงต้องคิดว่าเป็นขอทานเร่ร่อนแน่ๆ ผมเผ้าดูพะรุงพะรัง เสื้อผ้าเก่าที่เก่าครึ กำลังสูบบุหรี่ที่ไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไร ผสมปนเปไปกับควันหมอกที่ไม่มีใครสักคนสูบ สายตามีความที่เยือกเย็นปรากฏให้เห็น
อายุดูแล้วก็ไม่มาก น่าจะประมาณห้าสิบกลางๆ แต่ซีเหมินจินเหลียนเดาว่าอายุที่แท้จริงของเขาน่าจะน้อยกว่านี้สักหน่อย เพียงแต่ใบหน้าดูแก่กว่าวัยไปก็เท่านั้น
“เขาก็คือเจ้าของหินหยกหมายเลขเก้า คืนนี้แพ้ราบคาบไปแล้ว” จ่านป๋ายพูด “น่าจะเดิมพันเป็นงานอดิเรก” ไม่สนว่าคืนนี้ผู้ชนะจะเป็นใคร แต่ยังไงหมายเลขเก้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่
“หยกสีน้ำเงินก้อนนั้นราคาคงมหาศาลเลย น่าเสียดาย” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าตาม แต่เมื่อเห็นเจ้าของหินหยกหมายเลขเก้าแล้ว สมองของเธอคิดว่าคนคนนี้ เหมือนว่าเธอจะเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ทำไมถึงคิดไม่ออกนะ?
คนคนนั้นเหมือนจะรู้ว่าทั้งสองคนกำลังมองอยู่ เช่นนั้นก็หันมามองทางซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋าย จากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มบางๆ มาให้พร้อมพยักหน้าให้ทั้งคู่เป็นการทักทาย
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างขออภัย เพราะว่าการที่มองเขาไปแบบนั้นเป็นลักษณะท่าทางที่ไม่มีมารยาท ก่อนจะรีบหันหน้ากลับมา
บนเวที คณะกรรมการปรึกษากันอย่างลับๆ กำลังถกเถียงว่าใครจะเป็นผู้ชนะในวันนี้…
ซีเหมินจินเหลียนถามจ่านป๋าย “คุณชอบหินหยกก้อนนั้นเหรอ”
จ่านป๋ายมองไปที่หินหยกทั้งสองก้อนอยู่นาน ก่อนจะส่ายหน้าพูดขึ้น “ผมไม่รู้เหมือนกัน” หินหยกทั้งสองก้อนนี้เป็นหยกสามสีทั้งนั้น อีกทั้งสียังไม่ได้บริสุทธิ์มาก ถ้าหากคืนนี้ซีเหมินจินเหลียนใช้หินสามสีที่ได้มาจากงานเปลี่ยนหินเป็นทอง เธออาจจะมีทางที่จะชนะ แต่ว่าสีสามสีสองก้อนตอนนี้ ทำให้คนคิดหนักแล้ว
คณะกรรมการตัดสินทั้งหมดเป็นสมาชิกที่สำคัญในสมาคมอัญมณี ในทุกวันก็ประเมินราคามาไม่น้อย แต่จะให้พวกเขามาตัดสินว่าหินหยกทั้งสองก้อนนี้ก้อนไหนดีกว่ากันมันก็ยากเกินจะรับไหว แถมสิ่งที่สำคัญก็คือถ้าหากวิเคราะห์ว่าฝ่ายไหนชนะ ก็ต้องถูกอีกฝ่ายตราหน้าด้วย คนพวกนี้จึงต้องรอบคอบให้ถี่ถ้วนกันทั้งนั้น ใครจะยอมโดนตราหน้าแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวกัน?
ในขณะที่ทุกคนกำลังลำบากใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนที่แต่งกายธรรมดารีบเดินไปที่ตรงกลางเวทีและกระซิบที่ข้างหูอยู่หลายประโยค
คณะกรรมการฟังแล้วก็พยักหน้าทันที รอให้ชายวัยกลางคนเดินลงไปแล้วรีบมาเจรจากันต่ออีกสักัพก เพียงไม่นานก็ได้ความคิดเห็นที่เห็นพ้องตรงกัน หนึ่งในนั้นคนตรงกลางยืนขึ้นมาและหยิบไมโครโฟนพูดขึ้นว่า “ทุกท่านครับ…”
ผู้ชมต่างรู้ว่าคณะกรรมการได้สรุปผลออกมาแล้ว ก็เริ่มกลับมาดูอย่างตั้งใจอีกครั้ง แม้แต่หายใจแรงยังไม่กล้า
“งานเดิมพันหินใหญ่คืนนี้ก็ตื่นเต้นท้าทายเป็นอย่างมาก เป็นโชคดีของผมแล้วที่ได้เห็นหินหยกชั้นดีถูกเจียระไนออกมากับตา แต่คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะมีหินหยกเนื้อแก้วสามสีปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน สร้างความลำบากให้กับผมในการตัดสินใจว่าก้อนไหนมีลักษณะที่ดีกว่า เพราะต่างเป็นเนื้อแก้วชนิดโบราณสามสี…”
ผู้คนที่ได้ฟังก็พยักหน้าตาม คณะกรรมการค่อยๆ สูดลมหายใจและหันไปมองผู้ชมพร้อมพูดว่า “เมื่อสักครู่เจ้าของของหินหยกหมายเลขยี่สิบสามมาเจรจากับผม เขาขอสละอันดับหนึ่ง เขาขอเพียงแค่มีสิทธิ์เก็บหินหยกหมายเลขยี่สิบสามเอาไว้ ส่วนคืนนี้ผู้ชนะที่วางเดิมพันลงกับหมายเลขยี่สิบสามจะได้เงินคืนเต็มจำนวน”
เมื่อคำพูดนี้ประกาศออกไปผู้คนต่างก็พากันซุบซิบ คิดไม่ถึงว่าเจ้าของหมายเลขยี่สิบสามจะยอมถอยจากการติดอันดับแรก อันดับในคืนนี้ไม่เพียงแต่ได้เงินสดหลักสิบล้าน แต่ยังได้หยกสีน้ำเงินชั้นดี หยกสีเขียวจักรพรรดิ และยังมีหยกสีแดง ไหนจะหยกสีแดงเหลืองสองสีอีก…
หินหยกพวกนี้เมื่อรวมกันแล้วราคาประเมินค่าไม่ได้เลย
“ทุกท่านขอความกรุณาเงียบก่อนครับ!”คณะกรรมการถือไมโครโฟนแล้วพูด “เมื่อสักครู่พวกเราได้ปรึกษากันแล้ว เนื่องจากหยกหมายเลขยี่สิบสอง ตรงกลางมีเส้นหยกที่ซีดจาง ทำให้เป็นความขัดแย้งในสายตา หินหยกแบบนี้จากลักษณะแล้วไม่ถือว่าเป็นสามสี น่าจะเรียกว่าหลายสี แถมหินหยกหมายเลขยี่สิบสองยังมีความละเอียดอ่อนกว่า ข้อนี้ทำให้ชนะหินหยกหมายเลขยี่สิบสามไป เพราะฉะนั้นจึงได้ตัดสินออกมาแบบนี้ ผมว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว”
หินหยกหมายเลขยี่สิบสองมีความโปร่งแสงสูง และยังมีความโปร่งใสที่ละเอียดอ่อนไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้จริง ผู้ชมที่เหลือต่างไม่มีข้อคัดค้าน
คณะกรรมการที่เหลือเห็นว่าไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ จึงประกาศว่า “ผู้ที่ติดอันดับแรกในคืนนี้ก็คือเจ้าของหินหยกหมายเลขยี่สิบสอง ราชาแห่งการเดิมพันหยก เจียหยวนฮวา!”
เจียหยวนฮวาอยู่ในสายเดิมพันหยก ชื่อเสียงของเขากว้างขวาง เพราะอย่างนั้นผู้ชมเมื่อได้ยินเข้าก็ต่างปรบมือส่งเสียงดีใจ ส่วนเจียหยวนฮวายิ้มรับแสดงถึงความขอบคุณ
จากนั้นมีผู้ดูแลคอยช่วยเจียหยวนฮวาจัดการรางวัลของเขา ย้ายไปที่รถที่เขาได้เตรียมการเอาไว้ แล้วตามไปกับเขา
“พวกเราไปกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดกับจ่านป๋ายว่า “พวกเขาก็แยกย้ายกันหมดแล้ว”
“พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีหยกที่ลักษณะสีสันดีกว่านี้อีกหรือเปล่า” จ่านป๋ายพูด
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา วันนี้ดูคนอื่น พรุ่งนี้ก็ถึงตาที่คนอื่นจะดูเธอแล้ว ถ้าหากแพ้นั่นก็เท่ากับว่าทำให้จ่านมู่ฮวาแพ้ แต่จ่านมู่ฮวาคงจะไม่มีทรัพย์สินเท่านี้หรอกใช่นะ ตระกูลจ่านร่ำรวยโอ่อ่าขนาดนั้นหรือไงกัน?
ซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายกลับมาถึงคฤหาสน์ของจินเหลียนได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น จ่านป๋ายขมวดคิ้ว “ป่านนี้แล้วยังมีใครมาอีก แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านนี้เป็นอะไรไป?”
“คงจะเป็นพี่ชายสุดที่รักของคุณน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์ที่จะพูด ตอนที่กลับเธอตั้งใจแยกตัวออกมาจากจ่านมู่ฮวา กลัวว่าเขาจะตามติดหนึบ แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาหาถึงที่ คนคนนี้ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนซื้อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปอีก ที่นี่ก็นับว่าเข้าออกสะดวกง่ายสบายสำหรับเขา
คำที่คนชอบพูดกันบ่อยๆ ว่า มีเงินก็ทำอะไรได้ทุกอย่าง ถ้าหากมีเงินจริงๆ คงเสกทุกอย่างออกมาได้จริงๆ สินะ ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ ความจริงแล้วถึงจ่านมู่ฮวาจะซื้อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านไปก็คงไม่แปลก ดูจากครอบครัวของเขาแล้ว เขาก็น่าจะซื้อบ้านที่ย่านหลานกุ้ยไว้สักหลังแบบไม่ต้องคิดอะไร เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าออกได้อย่างตามสบาย
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็ทำได้แค่เปิดประตูไปดู เมื่อประตูเปิดออกเขาก็ต้องตกตะลึงขึ้นมา “คุณเป็นใคร คุณมาหาใคร?”
“เสี่ยวป๋าย เกิดอะไรขึ้น” ซีเหมินจินเหลียนรีบเดินเข้าไปดู ก็เห็นว่าที่ประตูมีชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนขอทานยืนนิ่งอยู่ภายใต้แสงไฟ
“คุณเป็นใครคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัย คนนี้น่าจะเป็นเจ้าของหินหยกหมายเลขเก้า เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ สถานที่แห่งนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ จากการแต่งตัวของเขาแล้วน่าจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ามาสิ
“ผมเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าผมมาหาคุณ” คนเร่ร่อนจดจ้องที่ซีเหมินจินเหลียน ในขณะที่พูดเขาก็ทำท่าจะเดินอ้อมจ่านป๋ายและเข้าไปในบ้าน…
“นี่คุณ คุณบอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่สักหน่อยเถอะ!” จ่านป๋ายห้ามเขาเอาไว้ คนคนนี้ดูอันตรายจริงๆ ประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจน ระวังไว้สักหน่อยจะดีกว่า
“คุณ ผมเป็นนักเดิมพันหิน ไม่ใช่นักโทษ” คนเร่ร่อนจ้องไปที่จ่านป่ายและพูดอย่างราบเรียบ
“วันนี้คุณแพ้อย่างราบคาบ ใครจะไปรู้ว่าคุณอาจจะมีความคิดที่อยากจะปล้นใครขึ้นมาก็ได้?” จ่านป๋ายแค่นเสียงพูดขึ้น
“ผมได้ยินมาว่าคุณซีเหมินจะเดิมพันกับคุณนายอวิ๋น เพราะอย่างนั้นผมก็อยากจะร่วมด้วย จึงตั้งใจมาร่วมมือกับเธอ ง่ายๆ แค่นี้” คนเร่ร่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เสี่ยวป๋าย ให้เขาเข้ามาเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พูดกับจ่านป๋าย เวลานั้นเธอก็หันหลังเดินเข้าไปด้านใน