ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 191 ต่อรองราคา
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้กังวลเรื่องการเดิมพันหิน แต่สิ่งที่กังวลก็คือปัญหาเรื่องการต่อรองราคา หากอาศัยความสามารถในการมองทะลุผ่าน โอกาสในการแพ้เดิมพันก็มีน้อยมาก แต่เธอก็ไม่สามารถให้เขามาหลอกโก่งราคาได้ ความจริงเรื่องการซื้อขายหินหยกเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ นอกเสียจากเคยซื้อที่เจียหยางครั้งหนึ่งและเข้าร่วมงานประมูลหยกในเจียหยาง
นับดูแล้วหินหยกที่เธอซื้อมาจริงๆ ไม่ได้เยอะมาก และไม่ได้ไปข้องเกี่ยวกับนักธุรกิจขายหินหยกสักเท่าไหร่
คิดแล้วก็น่าขบขันเสียจริง เธอซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ ในมือครอบครองหยกชั้นดีที่ใครต่อใครต่างอิจฉา แต่ส่วนมากก็ชนะจากการเดิมพันมาและซื้อตามร้านเถ้าแก่โจว ที่เหลือก็คือครั้งที่แล้วในงานประมูลหยกที่เจียหยาง บวกกับที่กวาดซื้อในถนนหยกโบราณ
“คุณซีเหมินสายตาเฉียบคมเหลือเกินครับ เพียงไม่นานก็เลือกของที่ดีที่สุดของผมไปแล้ว” หนิงซั่งหวายิ้มออกมาอย่างยินดี “คุณซีเหมินเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมก็จะไม่พูดพล่ามให้มากความ หินหยกก้อนนี้ หากคุณต้องการจริงๆ ผมเรียกราคาห้าล้านแล้วกัน”
หน้าผากของซีเหมินจินเหลียนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมา นี่ล้อเล่นอะไรกัน? ห้าล้าน นี่ก็ปล้นทรัพย์กันชัดๆ?
“นี่ก็แพงเกินไป” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ดูแล้วคงเป็นก้อนที่ดีที่สุดของคุณสินะคะ? ฉันคงซื้อไม่ไหวหรอก แล้วก้อนนี้ล่ะคะ…” ซีเหมินจินเหลียนชี้ไปที่หินหยกก้อนเล็กกระจิ๋ว
“ก้อนนี้เหรอครับ?” หนิงซั่งหวาขมวดคิ้วไม่คลาย ในใจกำลังไตร่ตรองราคา “หินหยกก้อนนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่เท่าก้อนนั้น แต่คุณดูนี่สิครับ จุดหยกนี่ เส้นลายหยกนี่…หากเผยสีเขียวต้องเป็นสีเขียวเข้มแน่ๆ ไหนจะพื้นผิวของมันที่ราบเรียบ! ต้องเป็นเนื้อแก้วอย่างไม่ต้องสงสัย”
ซีเหมินจินเหลียนเห็นด้วยกับทัศนะของเขา หากมองแค่เปลือกผิวอย่างเดียวก็คงต้องเป็นเนื้อแก้วอย่างแน่นอน และต้องเป็นเนื้อแก้วสีเขียวอ่อน น่าเสียดายที่น้ำไม่งาม แห้งเผือดราวกับเต้าหู้สดที่ถูกอบจนแห้ง เธอก็ไม่ได้มีความสนใจสักนิด
“เพราะอย่างนั้นหินหยกก้อนนี้ผมก็เลยขายด้วยราคาสี่ล้านห้าแสน ครั้งก่อนมีนักธุรกิจมาจากไต้หวันบอกราคามาสี่ล้าน แต่ผมก็ยังตัดใจขายไม่ลง” หนิงซั่งหวาพูด
สี่ล้าน? ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำในใจ คุณจะค่อยๆ โก่งราคาหรือยังไง!
เห็นซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าอีกครั้ง บรใบหน้าของหนิงซั่งหวาก็เผยรอยยิ้มดีใจ ราวกับไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“แล้วก้อนนี้ล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถามไถ่เรื่องราคาหินหยกอื่นๆ แต่ราคาที่หนิงซั่งหวาเปิดมาสูงกว่าที่เธอคิดราคาขั้นต่ำไว้เป็นเท่าตัว ทำให้เธออดหดหู่ใจไม่ได้
พูดความจริงแล้ว คนคนนี้ก็กำลังหลอกล่อแกะอย่างเธอให้เข้าคอกอยู่นั่นเอง
หนิงซั่งหวาก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจเช่นเดียวกัน จริงๆ แล้วเจ้าหญิงหยกคนนี้อยากจะซื้อหินหยกก้อนไหนกันแน่? โกดังของเขาก็มีหินหยกอยู่แค่นี้ ในนั้นมีครึ่งหนึ่งที่เธอถามราคา แต่เธอก็แค่ถามลอยๆ แล้วส่ายหน้า คิดว่ามันแพงเกินไปเลยทำให้เขาสับสนไปหมดว่าเธอชอบหินหยกก้อนไหน?
หนิงซั่งหวาทำธุรกิจหยกมาตั้งหลายปี สำหรับการต่อรองราคาของลูกค้านั้นเป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อยๆ แต่เขาอยากจะลองทดสอบเจ้าหญิงหยกในตำนานดูว่าจะเก่งกาจสักแค่ไหน หินหยกที่เธอสนใจจะอัศจรรย์สักเท่าไหร่
แม้กระทั่งเขาก็คิดไปว่าหากเธอถามราคาแล้วไม่ซื้อ หลังจากนั้นเขาจะลองตัดออกมาเจียระไนดูว่าดีจริงหรือเปล่า? หากน่าทึ่งจริงก็จะนำเนื้อหยกไปขาย แบบนั้นเขาคงถูกหวยแน่ๆ อายุปูนนี่ได้หยกมาง่าย แต่ของชั้นดีนั้นยากจะร้องขอ
หยกเนื้อแก้วฮกลกซิ่ว สีน้ำเงิน สีเหลืองต่างๆ เป็นเป้าหมายของคนตระกูลมั่งคั่งพากันแก่งแย่งซื้อหา ขอแค่มีของอย่างนี้สะสมไว้สักก้อนเก็บเป็นมรดกครอบครัวก็เพียงพอแล้ว ชาตินี้ไม่ต้องอับอายขายขี้หน้า
เจ้าหญิงหยกคนนี้ถามราคาหินหยกตั้งมากมาย หรือว่าเขาจะนำหินหยกเหล่านี้มาตัดออกให้หมดดี?
“ก้อนนี้ล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนชี้ไปยังหินหยกก้อนที่เธอนั่งเป็นเก้าอี้ แล้วถามขึ้นด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัยว่า “คุณหนิง คุณอย่ามัวแต่เปิดราคาจอมปลอมอยู่เลยค่ะ ฉันก็ตั้งใจจะซื้อจริงๆ”
“อันนี้…” หนิงซั่งหวาเงียบงันคิดอยู่นาน หินหยกก้อนนี้ไม่ได้มีจุดหยกหรือเส้นลายหยก แม้แต่พื้นผิวก็หยาบกร้าน ดูแล้วไม่ได้มีความพิเศษเลิศเลออะไร เขาถึงได้นำหินหยกก้อนนี้มาเก็บไว้ในห้อง แต่นอกจากนี้ก็ยังมีเหตุผลบางอย่าง
“คุณซีเหมิน หากคุณต้องการที่จะซื้อหินหยกก้อนนี้ ราคาก็ไม่แพงเลยครับ ผมขายให้ห้าแสน” หนิ่งซั่งหวาพูด
“อ้อ?” จ่านป๋ายพูดแทรกขึ้นจากข้างๆ “หรือว่าหินหยกก้อนนี้จะมีเรื่องเล่าอะไรอย่างนั้นเหรอครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนด่าออกมาในใจ ไม่แพงเหรอ? ห้าแสนน่ะเหรอยังไม่แพง? ดูจากลักษณะของหินก้อนนี้แล้ว หากนำไปทิ้งไว้ข้างทางยังไม่มีใครเก็บเลย…ไหนจะหนักต่างหาก! ผิวทรายที่หยาบกระด้าง เปลือกผิวที่ไม่โดดเด่น บวกกับลักษณะภายนอกที่ไม่เผยให้เห็น…
“คุณเป็นคนที่หลานสาวผมพามา ไม่ทราบว่าเธอก็ไม่ได้บอกพวกคุณเรื่องบ้านของเธอเลยเหรอครับ?” หนิงซั่งหวาถามขึ้น
“ไม่นี่คะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด
หนิงชั่งหวาถอนหายใจออกมา “ไม่รู้ว่าทำเวรทำกรรมอะไรไว้ แม้การเดิมพันหินจะมีมานานหลายปี แต่ยุคที่เจริญรุ่งเรืองกลับเป็นยุคปลายราชวงศ์ชิง เมื่อก่อนแม้ว่าหยกจะเป็นของชั้นสูงใช้ทำเป็นเครื่องประดับหรือของตกแต่ง แต่เป็นเพราะหยกเป็นหยกแข็ง แกะสลักลำบาก ไม่ได้ง่าย ดังนั้นเลยไม่ได้มีการแพร่หลายไปยังประชาชน ส่วนมากจะเป็นของบรรณาการภายในวัง หลายปีมานี้ธุรกิจหินหยกที่เจียหยางเติบโตอย่างรุดหน้า พี่ชายของผมตาร้อนนำทรัพย์สมบัติของครอบครัวขายทิ้งหมด และไปเดิมพันที่พม่า…” พูดได้เท่านี้เขาก็หันไปมองซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายและส่ายหัวต่อ “เรื่องต่อจากนี้ ผมไม่พูดแล้วกัน พวกคุณน่าจะรู้”
“แพ้เดิมพันอย่างนั้นเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม เธอนึกถึงคำที่หนิงชุ่ยฉินพูดได้ หินสวยงามพวกนี้ก็ทำให้ครอบครัวของเธอต้องล้มละลายจนสูญสิ้น
“แพ้ครับ” หนิงซั่งหวาพูด “ทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดถูกจำนองเข้าไปด้วย สิ่งที่ได้จากการเดิมพันกลับมาก็คือหินสีขาวว่างเปล่า! พี่ชายผมรับไม่ได้กับความกดดันนี้ ก็เลยซื้อยาฆ่าหนูมาหนึ่งห่อแล้วจากไป เหลือไว้แต่ลูกสาวคนเดียวและภรรยาหม้าย รวมทั้งหินหยกอีกสามก้อน ผมและลุงของเธอเคยคุยกันไว้ว่าอย่างไรก็คงไม่ยอมให้พวกเธอแม่ลูกหิวตาย แต่พี่สะใภ้หัวแข็งมาก เธอก็ไม่รับเงินช่วยเหลือจากพวกเรา…
“ผู้หญิงคนนี้น่าศรัทธาเหลือเกิน” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ยอมจนแต่ไม่ยอมเสียอุดมการณ์”
“ใช่แล้ว” หนิงซั่งหวาพูด “ผมกับลุงของเธอเลยตกลงกันว่า จะซื้อหินหยกของเธอคนละก้อน หินหยกของผมลักษณะไม่ดีนัก แต่ก็ซื้อมาด้วยราคาห้าแสน หากคุณซีเหมินจินเหลียนสนใจผมจะให้ราคาเดิมกับคุณ”
เห็นเขาพูดอย่างนั้นแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็ยากที่จะต่อรองราคาอีก คิดไปมาจึงพยักหน้าพูด “ก็ได้ค่ะ เห็นแก่สาวน้อยหนิงคนนั้นเป็นคนนำทางมาให้พวกเรา ก็ราคานี้แล้วกัน เฮ้อ…” พูดจบเธอก็ถอนหายใจไม่หยุด หากพ่อของหนิงชุ่ยฉินเด็ดเดี่ยวพอ และนำออกมาเจียระไนดู บางที…บางทีเขาอาจจะรวยแล้วก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมากินยาฆ่าหนูฆ่าตัวเองตายแบบนี้เลย
แม้ว่าเธอจะไม่แน่ใจว่าซากฟอสซิลหยกต้นไม้นี้มีเรื่องราวอย่างไร แต่คนคนนี้แปลกจริง ของที่ยิ่งห่างไกลความจริงกลับน่าสนใจ ซากฟอสซิลหยกต้นไม้นี่ เกรงว่าคงหาพบเจอได้ยาก?
“ว่าแต่…” ซีเหมินจินเหลียนตั้งใจเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้คุณหนิงบอกว่าลักษณะของหินหยกก้อนนี้ไม่ดี ไม่ทราบว่าจะพอชดใช้ความเสียหายนี้ให้กับฉันได้ไหมคะ?”
“ฮะๆ…” หนิงซั่งหวาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแห้งๆ
“ฉันขอก้อนเล็กนี่เป็นของแถมได้ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนใช้เท้าถีบไปที่หินหยกขนาดเท่ากำปั้นมือก้อนนั้น
“อันนี้ไม่ได้ครับ” หนิงซั่งหวาพูด “หินหยกก้อนนี้แม้จะเล็กไปสักหน่อย แต่จุดหยกก็ปาไปครึ่งก้อนแล้ว คุณซีเหมิน คุณที่ซื้อก้อนนั้นไปก็จริงอยู่ที่คุณขาดคุณ แต่ก้อนนี้ผมก็แถมให้ไม่ได้จริงๆ ครับ ไม่อย่างนั้นผมก็เสียเปรียบเกินไป! เอาอย่างนี้ไหมครับ หยกก้อนนี้ผมก็ขายให้คุณในราคาซื้อดีไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนเบ้ปากออกเล็กน้อย “คุณหนิงก็คิดเล็กคิดน้อยไปแล้วค่ะ”
หนิงซั่งหวาทำได้แค่ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า “ผมซื้อมาก็สามพันหยวนแล้ว คุณซีเหมินคุณให้ผมได้ทุนคืนบ้างได้ไหม? อีกอย่างหินหยกก้อนใหญ่นั้น ผมก็ไม่ได้คิดกำไรคุณเลย ตอนนั้นผมก็จ่ายราคานี้ซื้อจากพี่สะใภ้มา ไม่อย่างนั้นคุณอย่าซื้อก้อนนี้เลยครับ เปลี่ยนเป็นก้อนอื่นดูไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าในใจ สามพันหยวนเหรอ? หินหยกก้อนเล็กขนาดนี้ซื้อมาตั้งสามพันหยวนเนี่ยนะ? ช่างเถอะ โชคดีที่มันเป็นหยกสีไฟ…ยังไงก็ไม่มีทางขาดทุน
“สองก้อนนี้ รวมกันแล้วเป็นห้าแสนสามพันหยวนใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนชี้ไปที่หินหยกทั้งสองก้อน
“ครับ” เพราะว่าเอ่ยปากพูดไปแล้ว หนิงซั่งหวาก็เลยไม่กล้าเปลี่ยนคำพูด ในใจก็ได้แต่สงสัยไม่หยุด หรือว่าหินหยกที่เธอชอบจะเป็นสองก้อนนี้?
ก้อนเล็กช่างมันเถอะ แม้ว่าจุดหยกจะหนาแน่น แต่ไม่มีเส้นลายหยก และดูจากสีเปลือกแล้วน่าจะเป็นหยกสีแดง หยกสีแดงมีแค่สีที่บริสุทธิ์สดใสถึงจะขายได้ราคา แต่หยกสีแดงส่วนใหญ่มักจะเป็นสีแดงมืดมนไร้แสง นอกจากนี้หยกสีเลือดส่วนมากความอิ่มน้ำจะไม่ดีมาก แห้งจนทำให้คนเ**่ยวใจ
อีกอย่างหินหยกก้อนนี้ ตอนที่เขาซื้อเขาก็จ่ายไปเพียงแค่สามร้อยหยวน นับว่าทำราคาได้สิบเท่า นี่ถือก็คุ้มค่าแล้ว!
แต่ก้อนใหญ่นั่น เขาก็ไม่ได้พูดโกหก เขาก็ซื้อมาจากของที่พี่สะใภ้เหลือไว้จริงๆ แต่หินหยกก้อนนี้ลักษณะไม่ค่อยดี อย่าพูดถึงผิวที่หยาบกร้านเลย แต่จุดหยกและเส้นลายหยกก็ไม่มีเลยสักนิด ทำให้ไม่สามารถขายออกไปได้! หรือว่าตนเองดูผิดไป? ได้ยินมาว่าเจ้าหญิงหยกคนนี้ไม่เคยมองพลาด ในงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทองเธอก็สามารถเลือกหยกฮกลกซิ่วออกมาได้ หินหยกก้อนนี้ก็คงไม่ใช่ของล้ำค่าใช่ไหม?
“เสี่ยวป๋าย คุณโทรไปแจ้งธนาคารให้โอนเงินเลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม และถามบัญชีธนาคารของหนิงซั่งหวา
แต่เขาก็พูดออกไปแล้ว ในใจของหนิงซั่งหวารู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเขียนเลขบัญชีธนาคารไปให้ซีเหมินจินเหลียน ส่วนจ่านป๋ายก็โทรไปแจ้งธนาคารให้โอนเงิน จากนั้นถือว่าการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น
หนิงซั่งหวาเรียกเด็กมาสองคนให้ช่วยขนย้ายหินหยกก้อนหยาบกร้านไปใส่ในรถตู้ หนิงชุ่ยฉินเมื่อได้เห็นแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน