ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 35 เงาเปลวเทียนที่พลิ้วไหว
เสียงของขลุ่ยยังคงขับกล่อมอย่างไพเราะ ซีเหมินจินเหลียนกำลังคิดจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แต่กลับไม่คิดว่าในช่วงเวลานั้น นิ้วเรียวยาวของจ่านป๋ายจะจับโทรศัพท์ของเธอโยนไปอีกด้าน ก่อนจะยื่นมือไปโอบเธอจากด้านหลังแล้วพูดว่า “อย่าไปสนใจเลยครับ”
“โทรศัพท์ของใครกกัน” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วมุ่น
“สนใจทำไมกันครับ” จ่านป๋ายเอนศีรษะไปพิงบนไหล่ของเธอแล้วพูดว่า “คุณดูสิ พระจันทร์ส่องแสงในคืนนี้ ขลุ่ยหยกช่างสวยงามขนาดไหน”
ซีเหมินจินเหลียนเอนกายลงบนเก้าอี้ และตีมือของเขาให้ออกไป “สวยจริงๆ ค่ะ คุณเตรียมตัวมานานแล้วใช่ไหม” พูดพลางมองไปที่เชิงเทียนที่ดูพิเศษกว่าที่ไหน เชิงเทียนพวกนี้มีด้วยกันห้าสี เมื่อจุดไฟจะไม่มีกลิ่นควันออกมา อีกทั้งยังได้กลิ่นกุหลาบจางๆ ลอยมาด้วย
ตัวเทียนค่อยๆ หลอมละลาย เปลวไฟที่พลิ้วไหวราวกับกำลังเต้นระบำ ดูแล้วก็โรแมนติกจริงๆ ช่างมีเสน่ห์เหลือล้น…
“ก็ไม่ขนาดนั้นครับ ตั้งแต่ตอนที่คุณบอกว่าจะทำขลุ่ยหยกน่ะ” จ่านป๋ายเปิดเผยความจริงออกมา
“วันนี้คุณให้จินอ้ายหัวโทรมานัดฉันออกไปข้างนอกใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนคิดย้อนปะติดปะต่อเรื่องราว ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมา ไม่น่าล่ะจินอ้ายหัวถึงลากเธอเดินไปนู่นไปนี่ตั้งครึ่งค่อนวัน แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไร…
จ่านป๋ายยิ้มอย่างมีเลศนัย ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้แล้วถามขึ้นว่า “คุณไปหว่านเสน่ห์เธอไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“จินเหลียน อย่าพูดเรื่องที่ไม่น่าฟังแบบนั้นได้ไหมครับ” จ่านป๋ายยิ้ม “วันนั้นที่คุณให้ผมไปส่งเธอกลับ ผมก็เลยขอเบอร์ของเธอเอาไว้”
“คุณไปส่งเธอแค่ครั้งเดียว เธอก็เอาเพื่อนสนิทอย่างฉันไปขายแล้วเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนก็นึกไม่ถึงเลย
“โอเค ผมยอมรับก็ได้ ผมยังให้ลังโคมเธอไปชุดหนึ่ง…” จ่านป๋ายพูด
“ฉัน…” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็อยากจะต่อยเขาขึ้นมา ลังโคมทั้งชุด? เขาก็ยอมทุ่มทุนขนาดนี้เลยหรือไง
“ผมซื้อให้คุณอีกชุดก็ได้นะครับ ไม่สิๆ ขอแค่คุณยอมรับ ต่อจากนี้ไปเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมความงามทั้งหมด ผมจะเป็นคนดูแลให้เอง เป็นอย่างไรครับ?” จ่านป๋ายกลัวว่าซีเหมินจินเหลียนจะโกรธเลยพ่นคำหวานใส่
“ฉันไม่หลงกลหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขึ้น มันไม่น่าจะง่ายที่เขาจัดการทำให้บรรยากาศโรแมนติกขึ้นมา แต่ก็ถูกทำลายอย่างหมดสิ้น
“เดินไปเปิดไฟเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัว “มืดแบบนี้ คุณยังว่าสนุกอีก?”
จ่านป๋ายหมดหนทาง เขาได้แต่เดินไปเปิดไฟ เพียงไม่นานทั้งห้องก็สว่างขึ้นมา ทำให้สิ่งของที่ถูกบดบังด้วยความมืดเห็นได้อย่างชัดแจ๋ว จ่านป๋ายหยิบไวน์แดงกับแก้วไวน์สองแก้วมาจากลิ้นชักข้างๆ เปิดไวน์แดงและรินลงไปใส่แก้วส่งให้ซีเหมินจินเหลียน
“ฉันไม่ดื่มค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวปฏิเสธ สายตาตกไปที่ดอกไม้บริเวณรอบห้อง ดอกไม้ส่วนมากไม่ได้มีแต่ดอกกุหลาบหลากสี แต่ยังมีดอกลิลลี่และดอกทิวลิป ดอกไม้เยอะขนาดนี้น่าจะเหมาร้านดอกไม้สักร้านมาหมดแน่ “ดื่มไวน์แดงสักหน่อย ส่งผลดีต่อสุขภาพนะครับ” จ่านป๋ายโน้มน้าว
“ฉันเชื่อก็แปลกแล้ว!”
จ่านป๋ายยิ้มและรินไวน์ให้ตัวเองอีกแก้ว ควงขลุ่ยหยกไปมาถามว่า “คุณคิดจะทำยังไงต่อไปครับ”
“ขายออกไปสักเลา ส่วนอีกเลาก็เก็บไว้” ซีเหมินจินเหลียนหยิบมะม่วงในจานหยกผลไม้ทรงใบบัวขึ้นมาเล่น
“ทำไมล่ะครับ?” จ่านป๋ายไม่เข้าใจ
“ก็ให้คุณอย่างไรล่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ต่อจากนี้ถ้าฉันเบื่อเมื่อไหร่ ฉันจะเรียกให้คุณมาเป่าให้ผ่อนคลาย คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะสามารถเป่าขลุ่ยได้ด้วย”
“เปียโน หมากรุก เขียนพู่กัน วาดภาพล้วนเป็นงานอดิเรกของคนรวย ผมก็ต้องเป็นแบบนั้น” จ่านป๋ายยิ้มอ่อน มีอีกประโยคที่เขายังไม่ได้บอก บางครั้งของเล่นพวกนี้ก็สามารถต้อนสาวให้ตกอยู่ในมือได้
“ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ขลุ่ยหยกจะเป่าได้จริง” ซีเหมินจินเหลียนสัมผัสลงไปบนขลุ่ยหยกอย่างแผ่วเบา เดิมทีเธอแค่คิดว่าจะทำออกมาขายอย่างเดียว คิดไม่ถึงว่าจะเป่าออกมาได้จริง
“ถ้าคุณจะขาย ก็น่าจะให้ฉินเฮ่าจัดการได้นะครับ” จ่านป๋ายพูดขึ้น
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนก้มหน้ามองดูขลุ่ยหยกมรกตโปร่งใสแล้วพูดว่า “ของสิ่งนี้ส่งไปเข้าประมูลน่าจะสบายใจกว่า ไม่อย่างนั้นฉันก็รู้สึกกังวล จริงสิ ที่คุณพูดถึงดอกบัวแดง ฉันก็คิดจะขายออกไปสักดอก”
“อืม!” จ่านป๋ายพยักหน้า ของตกแต่งที่แปรรูปจากหยกต้องขายออกไปอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าวางไว้อยู่ที่ห้องใต้ดินของเธอ มันก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินทื่อๆ ก้อนหนึ่ง
ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของซีเหมินจินเหลียนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง จ่านป๋ายจึงเดินเข้าไปเตรียมจะรับ แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับแย่งคืนกลับไปได้ เมื่อมองดูไปที่หน้าจอโทรศัพท์ ก็เห็นว่าเป็นชื่อของหลินเสวียนหลานแสดงขึ้นมา
เมื่อกดปุ่มรับสาย น้ำเสียงของหลินเสวียนหลานที่ฟังดูไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้างก็ดังขึ้น “จินเหลียน…”
“ฉันพูดอยู่ค่ะ สวัสดีค่ะพี่หลิน!”
“อย่างนี้นะ ทางผมมีลูกค้ารายใหญ่อยากจะได้กำไลสักวง เพียงแต่ว่าบริษัทตระกูลหลินไม่มีวัตถุดิบจากหยก ไม่รู้ว่าทางคุณพอจะมีบ้างหรือเปล่าครับ” หลินเสวียนหลานพูด “ครั้งนี้ที่เจียหยางคุณได้สินค้าไปไม่น้อย ได้เปิดหินออกมาดูหมดแล้วหรือยังครับ”
“อืม ยังเปิดออกมาไม่หมดค่ะ ไม่รู้ว่าลูกค้าคนนี้ต้องการกำไลแบบไหนหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม เธอมีเนื้อหินหยกมากมาย จะกังวลก็แต่การขาย เพราะเนื้อหยกชั้นดีไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะสามารถซื้อจับจองได้
“เขาอยากจะได้หยกโบราณชนิดแก้วที่เป็นสีผสมหรือไม่ก็ฮกลกซิ่ว” หลินเสวียนหลานพูด ความต้องการของลูกค้ารายนี้ไม่ธรรมดา เรียกร้องว่าต้องเป็นหยกชนิดนี้ อย่าพูดถึงบริษัทตระกูลหลินไม่มีของเลย ขนาดบริษัทอัญมณียักษ์ใหญ่ก็ไม่แน่ว่าจะมี
“สีผสมกับฮกลกซิ่วราคาต่างกันนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ในใจก็เหมือนได้โชคครั้งใหญ่ ถ้าลูกค้าอยากจะได้ชนิดละหนึ่งชิ้น เธอก็จะรวยแล้ว
“นั่นแน่นอนอยู่แล้วครับ” หลินเสวียนหลานพูด “ถ้าคุณมีละก็ ผมจะได้นัดเวลามาตกลงคุยกันเรื่องรายละเอียดราคา”
“โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะพี่หลิน” ซีเหมินจินเหลียนพูดขอบคุณอย่างไม่หยุดปาก
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราค่อยตกลงรายละเอียดกัน แล้วผมจะโทรมาหาคุณอีกที” หลินเสวียนหลานพูด
“ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนตบปากรับคำและกำลังจะวางสายไป แต่ต้นสายก็ได้ส่งเสียงเข้ามาอย่างกระวนกระวายใจที่จะพูด “จินเหลียน…พวกคุณเตรียมการสำหรับเรื่องนั้นถึงไหนแล้ว?”
ซีเหมินจินเหลียนย่อมรู้ว่าเรื่องที่หลินเสวียนหลานพูดถึงคืออะไร เรื่องซื้อหุ้นจากบริษัทตระกูลหลิน “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
“จินเหลียนยังไงก็เร่งหน่อยนะครับ คุณปู่ของผมป่วยอยู่…” หลินเสวียนหลานพูดต่อ “เราต้องอาศัยโอกาสก่อนที่คุณปู่จะจากไป”
“ทำไมล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องรีบจัดการก่อนที่คุณปู่จะจากไปด้วยเดิมทีจ่านป๋ายและฉินเฮ่าก็เตรียมตัวรอเวลาหลังจากที่คุณปู่หลินจากไป สงครามภายในตระกูลหลิน จะเป็นสาเหตุให้พวกเขาขายหุ้นออกมา
ไม่ใช่สิ คุณปู่หลินพึ่งจะจัดงานครบรอบวันเกิดอายุเจ็ดสิบได้ไม่นาน ครั้งนั้นที่เธอเห็นเขา สุขภาพร่างกายของเขาก็ดูแข็งแรงดี อยู่ต่ออีกสามปีก็ไม่มีน่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทำไมฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ราวกับว่าคุณปู่หลินจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน หรือจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น?