เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 41.3
แน่นอนว่าจิ่งเหิงปัวไม่ได้ล่วงรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตรอกนั้น
หากนางหันหน้ามามองเพียงครั้ง บางทีอาจจะแน่ใจในความจริงที่ว่าเหตุใดวันนี้ตนถึงได้โชคร้ายขนาดนี้
แต่ขณะนี้จิตใจของนางพุ่งไปยังบ่อนพนัน หวังประกาศศักดาที่บ่อนพนันนั้นเพื่อนำค่าเดินทางและค่าอาหารกลับมาให้คณะเดินทางที่ประกอบไปด้วยคนสี่คน นกตัวหนึ่งและสัตว์ป่าตัวหนึ่ง
มีคนก่อกวนหรือไม่อย่างไรนางไม่กังวล ขอเพียงตอนนี้ยังเป็นอิสระ นางก็ย่อมต้องใช้อิสระที่ได้มาให้คุ้มทุน จะไม่มากังวลมากมายกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด
ในกระเป๋าเสื้อตัวนอกของไอ้ขี้เมามีเงินอยู่ จิ่งเหิงปัวดีใจจนออกนอกหน้า เมื่อมีเงินก็หมายความว่ามีทุนในการพนัน แก้ไขปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งของนางไปได้แล้ว
มีเงินมากเสียด้วย ตั๋วเงินที่สามารถถอนที่ใดก็ได้จำนวนห้าสิบตำลึงใบหนึ่ง จิ่งเหิงปัวไม่ได้ครุ่นคิดว่าประชาชนคนธรรมดาจะพกเงินฟ่อนเยอะขนาดนี้ติดตัวได้อย่างไร นางกลับตรงไปเล่นพนันอย่างยินดีปรีดา
แน่นอนว่านางสามารถใช้เงินห้าสิบตำลึงนี้จ่ายค่าอาหาร จ้างรถหรือดำรงชีวิตได้ เงินนี้ก็พอให้คนธรรมดาดำรงชีวิตอย่างสบายๆ ไปได้สองปี แต่หากเมื่อนางใช้เงินนี้แล้วก็ต้องกลายสภาพเป็นคนขี้แพ้ นางก็หวังเป็นอย่างมากว่าเมื่อตนเองหาเงินได้เองแล้วจะคืนเงินและเสื้อผ้าให้เขาทั้งหมด
“ลาลาลาฝาไห่[1]เจ้ามิเข้าใจความรัก ข้าผู้รู้ความจริงน้ำตาร่วงหล่น…” จิ่งเหิงปัวฮัมเพลงก้าวเข้าประตูใหญ่ของบ่อนพนัน แน่นอนว่าครั้งนี้ไม่พบเจอการขัดขวาง
“เซียนพนันมาเยือนแล้ว!” จิ่งเหิงปัวเบียดเข้าไปที่โต๊ะตัวหนึ่งด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่านจะเล่นแบบใดหรือ” เจ้ามือถามนาง
“ทอยลูกเต๋าสูงต่ำ!” จิ่งเหิงปัวไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ทายสูงต่ำนั้นได้เงินรวดเร็วนัก
เจ้ามือวนถ้วยลูกเต๋าเสียจนคนมองตาลาย ยามมองเห็นอยู่ซ้าย ทว่าพลันย้ายไปขวา ประสานกันเป็นแสงเงาลวงตายาวเหยียด ลูกตาของนักพนันกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวตามไปมา ในลูกตาสีดำขลับทอประกายความละโมบ ตอนนี้ต่อให้จิ่งเหิงปัวปลอมเป็นผู้ชายได้สะเพร่าเพียงใดก็ยังไม่มีใครสนใจ
มีเพียงบุรุษรูปโฉมธรรมดาที่นั่งเท้าคาง นัยน์ตาหลุบต่ำอยู่ที่โต๊ะลาดเอียงอีกฝั่ง ภาษากายเอ่ยว่าไม่สนใจและรำคาญ กระทั่งร่างของเขาเบี่ยงน้อยๆ หลบจากนักพนันเหงื่อเหม็นท่วมร่างข้างกายและนางรับใช้ที่วางแผนยั่วยวนข้างหลัง
แน่นอนว่า ช่วงเวลาตึงเครียดนี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
ถ้วยลูกเต๋าในมือของเจ้ามือหมุนไปถึงช่วงปลายแล้ว หลังจากลูกไม้หนึ่งซึ่งทำให้ตาพร่า ถ้วยลูกเต๋าก็ร่วงลงรุนแรงดังตึก
“ลงต่ำ!” จิ่งเหิงปัวที่รอฟังอย่างใจจดจ่อมาโดยตลอดนั้น ดันทรัพย์สินทั้งหมดของตนเองออกไปเสียงดังฟึ่บ
“หึ ออกต่ำสามรอบติดกันแล้ว ข้าล่ะไม่เชื่อเจ้ามารตัวนี้หรอก!” มีนักพนันไม่คิดเช่นนั้น
จิ่งเหิงปัวยิ้มตาหยีชูนิ้วกลางออกมาให้เขา
นักพนันแต่ละคนลงแตกต่างกันไป เนื้อแก้มสองข้างของเจ้ามือเกร็งแน่น ตะโกนก้องดุจสายฟ้าเสียงหนึ่งว่า “เปิด!”
เสียงดังดุจอสนีบาตฟาดเปรี้ยง สะท้านจนทุกคนมึนงง เจ้ามือฉวยโอกาสสะเพร่าเผอเรอนี้ แอบยื่นนิ้วก้อยเข้าไปในถ้วยลูกเต๋า…
บุรุษที่เท้าคางอยู่ที่โต๊ะอีกฝั่งหนึ่งนั้น ขยับปลายนิ้วแผ่วเบาเพียงครั้งในทันที
นิ้วมือของเจ้ามือแข็งทื่อ และเวลานี้เอง ถ้วยลูกเต๋าก็พลิกออก
คิดจะลงมืออีกครั้งก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ต่ำ!” จิ่งเหิงปัวกรีดร้องกระโดดตัวลอย ความปีติท่วมท้น ตื่นเต้นดีใจจนยากระงับ ทำให้โอบใครก็ไม่รู้ข้างกายไว้ในครั้งเดียว เตรียมจะแนบหน้าแสดงความตื่นเต้นดีใจปากร้องว่า “โอ้เย่…”
เมื่อริมฝีปากห่างจากเจ้าคนโชคดีนั้นเพียงศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเซนติเมตร
เจ้าคนเซ่อซ่าเบื้องหน้านั้นก็หายไปอย่างกะทันหัน
เสียงฟึ่บดังขึ้นแผ่วเบา คนเบื้องหน้าจิ่งเหิงปัวเปลี่ยนคนไปเรียบร้อยแล้ว อาภรณ์ยาวสีคราม ใบหน้าแข็งทื่อเช่นท่อนไม้มาแทนที่ใครก็ไม่รู้เมื่อครู่ ยืนตระหง่านอย่างเงียบเชียบเบื้องหน้าจิ่งเหิงปัว
เดิมทีจิ่งเหิงปัวก็ไม่ได้มองว่าข้างกายตนเป็นใคร หวังเพียงระบายความยินดีในใจออกมาเท่านั้น รู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าพร่าเลือน คล้ายมีความเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ทันได้มองให้ชัดเจน
จุ๊บ! ดังขึ้นเสียงหนึ่ง
เสียงใสไพเราะดังกังวาน
ริมฝีปากและแก้มกระทบกันเพียงศูนย์จุดศูนย์หนึ่งวินาที สัมผัสบนผิวกายนั้นบางเบา ทว่ากลับลึกถึงก้นดวงหทัยสามหมื่นฟุต และลึกถึงปลายวิญญาณแปดพันเส้นทางเมฆา
ชั่วพริบตานั้น ทั้งสองร่างก็แข็งทื่อราวกับท่อนไม้
โลกทั้งใบคล้ายหยุดหมุนไปชั่วขณะ บ่อนพนันเสียงดังเอะอะ เจ้ามือเศร้าซึม นักพนันตื่นเต้นดีใจและนางรับใช้ยิ้มยั่วยวนพอที่จะปะทุความสับสนวุ่นวายที่ดังอึกทึกของทุกสรรพสิ่ง ล้วนถูกตรึงไว้ในชั่วพริบตา เหลือเพียงลมชื่นเดือนลาวัณย์ใต้ริมฝีปากและบนแก้มในชั่วครู่นี้
เพียงสัมผัสพลันแยกจาก
จิ่งเหิงปัวหันหน้าออกมาคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น แค่เพียงแนบหน้าร้องดีใจกับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
นางหัวเราะฮ่าๆ ถลกแขนเสื้อขึ้นมา ตั๋วเงินตบลงไปบนโต๊ะพลางกล่าวว่า “เอาอีก!”
“เอาอีก!”
บ่อนพนันเยือกแข็งฟื้นคืนชีพอีกครา
ถ้วยลูกเต๋าเขย่าเคลื่อนไหว เจ้ามือพองแก้ม สีแดงสีขาวสีดำกลิ้งหมุนวน ใบหน้ายิ้มแย้มระคนกลัดกลุ้ม ตื่นเต้นดีใจระคนซ่อนแฝง แขนขาวราวหิมะที่ถลกแขนเสื้อข้อมือหมุนวน ริมฝีปากแดงฉ่ำงามเพริศพริ้ง
อากัปกิริยาแห่งฝูงชนหลากหลายสีสัน
จิ่งเหิงปัวฟังเสียงถ้วยลูกเต๋าเคลื่อนไหวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าในที่สุดดวงตาคู่หนึ่งก็ชำเลืองมองข้างกายคล้ายไม่ได้ใส่ใจครั้งหนึ่ง
คนชุดครามข้างกายที่ถูกแนบหน้าเมื่อครู่นั้นหายไปเสียแล้ว
สายตาของจิ่งเหิงปัวอดจะกวาดไปด้านหลังอีกครั้งไม่ได้ ในที่สุดจึงมองเห็นเงาด้านหลังของเขาที่ปลายแถวฝูงชน
แม้ฝีเท้าเชื่องช้า แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเพียงกะพริบตาจึงไปถึงนอกประตูใหญ่ไกลสามจั้ง ท่ามกลางฝูงชนที่สับสนวุ่นวาย นางคล้ายจะมองเห็นเขายกแขนเสื้อขึ้นมาประชิดข้างแก้มเหมือนจะเช็ดหน้า
สันหลังนางพลันเกร็งแน่นจนหลงลืมสดับฟังเสียงถ้วยลูกเต๋า
“ลงสูงต่ำ!” เสียงของเจ้ามือพาให้นางตกใจ รีบร้อนกลอกตามองกลับมาที่โต๊ะพนันนั้น ยังไม่ได้ฟังถ้วยลูกเต๋าเคลื่อนไหวให้แน่ชัดก็ลงสูงไปอย่างมั่วซั่ว ก่อนจะหันหน้ามามองคนผู้นั้นอีกครั้ง จะยังมีเงาคนอยู่ที่ไหนกัน?
นางแค่นเสียงออกมาด้วยความโกรธเคือง ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นอะไรไป เพียงแค่ดีใจขึ้นมาและอยากจะแสดงความตื่นเต้นดีใจเท่านั้นเอง เมื่อก่อนที่สถาบันวิจัยก็เป็นเรื่องปกติ วันนี้เหตุใดจิตใจถึงได้ว้าวุ่นขนาดนี้นะ ช่างแปลกเสียจริง
คิดถึงเมื่อครู่นั้น ตอนแรกนางไม่ได้คิดจะหอมแก้ม แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจให้หอมแก้มเขาไป ชั่วพริบตาผิวกายใต้ริมฝีปากก็แปลกประหลาดเล็กน้อย จากนั้นจึงรู้สึกว่ามีไอร้อนแรงดุจเพลิงพวยพุ่งขึ้นมาคล้ายมองเห็นเปลวอัคคีสีแดงเข้มของอีกฝ่าย แม้จะขวางกั้นด้วยทะเลสาบเย็นยะเยือกแห่งหนึ่ง
จากนั้นจึงรู้สึกถึงความอบอุ่นนุ่มนวล ความสั่นเทาในชั่วขณะซึมแทรกจากบนแก้มสู่ในริมฝีปาก กระทั่งดวงใจยังคล้ายสั่นสะท้าน
แม้จะรู้แจ่มแจ้งว่านี่คือความรู้สึกไร้สาระ ทว่าจิตใจคล้ายเตือนสติตนเอง
จิ่งเหิงปัวแค่นเสียงออกมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าเพียงแนบหน้าครั้งเดียว เหตุใดถึงพาให้จิตใจของตนว้าวุ่นได้ เมื่อก่อนเชียร์ฟุตบอลที่สถาบันวิจัย พอตื่นเต้นดีใจมักจะลากจวินเคอกับเหวินเจินมาแนบหน้าก็ไม่ได้สะท้านใจขนาดนี้นี่น่า
ประสาท
นางพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง บังคับตนเองให้เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ แล้วพุ่งเข้าไปตะโกนลั่นเปิดสงครามอีกครั้ง
“ต่ำ!” เจ้ามือเปิดถ้วย
“โอ๊ย เหตุใดแพ้อีกแล้วเล่า!” จิ่งเหิงปัวตะโกนออกมาอย่างเศร้าสร้อย หางตาชำเลืองมองอีกครั้ง
เฮ้อ ไอ้บัดซบเมื่อครู่นั่นได้เช็ดหน้าหรือยังนะ?
…
คนชุดครามรูปร่างสูงเดินออกมาจากประตู
แผนการไม่รวดเร็วเท่าความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะยามที่เผชิญหน้ากับสตรีไร้เหตุผลอย่างนาง เรื่องราวมักจะเปลี่ยนแปลงจนรับมือมิได้
เดิมทีเขาคิดจะอยู่ที่บ่อนพนันด้วยตนเอง มองดูสตรีนางนั้นชนะเต็มถุงเงินแล้วค่อยจากไป
อีกทั้งเมื่อครู่สตรีนางนั้นก็วิปลาสเพียงนั้น เขายิ่งควรจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เพื่อเลี่ยงไม่ให้นางมองเห็นผู้ใดก็อิงแอบแนบชิดได้
ทว่าดอกซิ่งและฝนวสันต์บนแก้มในพริบตานั้น กลิ่นหอมของนางกำจายจากเรือนร่างคล้ายจะปลุกความรู้สึกมากมายที่หลับใหลในนิทราของเขาให้ฟื้นคืน ส่วนเขาในชั่วครู่นั้นไม่รู้ว่าคลื่นโหมซัดสาดหรือว่าไม่รู้จะทำเช่นไรจึงได้จากไปรวดเร็ว
ความรู้สึกเก่าๆ หลากหลายเปิดออกดังพึ่บพั่บ ในความชิดใกล้ไร้กาลเวลานั้น หมอกควันสีเทาเหลืองลอยสูงใต้ทิวาแจ่มแจ้ง กลบกลืนฟ้าดินที่เขากุมไว้ในฝ่ามือตลอดมา ทว่าเขามัวเมาพินิจทิศทางไม่ชัดแจ้ง
ผิวกายบนแก้มคล้ายจะชื้นขึ้นบ้างเล็กน้อย และแห้งผากเพียงน้อย? ยังตึงแน่นอยู่คล้ายยังคงมีริมฝีปากงามโสภานั้นกำลังสะอื้นแผ่วเบาน่ารักใคร่
เขารู้สึกว่าเหลวไหลสิ้นดี
สวมหน้ากากอยู่แท้ๆ แล้วยังจะมีความรู้สึกละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
เขายกมือขึ้นหวังลูบความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นออกไป ประดุจลูบดวงใจที่พลันยับเยินให้ราบเรียบ
เมื่อมือยกถึงข้างแก้มก็พลันหยุดชะงัก สุดท้ายก็วางลงเชื่องช้า
เขาก้าวออกมามองอาทิตย์อัสดงดวงหนึ่งที่ลับลงหลังเทือกเขาสีเขียวชอุ่มห่างไกล ก่อนถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
อาจจะออกมาเนิ่นนานเกินไปเสียแล้ว
ควรจะให้สรรพสิ่งกลับคืนสู่วัฏจักร
ราชินี ราชครู หกแคว้น แปดชนเผ่า ทั่วหล้าวุ่นวาย คลื่นใต้น้ำแห่งต้าฮวง
——
[1] ลาลาลาฝาไห่ พระเถระผู้ปราบปีศาจในตำนานนางพญางูขาว