ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 377-3 บัลลังก์และสำยเลือด
เยี่ยหลียิ้มพลางลูบศีรษะของแม่สาวน้อย แล้วถาม ขึ้นว่า “อาการของเด็กคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อได้ยินค าถามของเยี่ยหลี ใบหน้าจิ้มลิ้มของอวิ๋น เกอก็ห่อเหี่ยวลงทันที นางมองเยี่ยหลีด้วยดวงตาที่มี น้ าตาคลอเบ้า เยี่ยหลีเงียบไปครู่หนึ่ง ถามขึ้นว่า “ไม่ดี หรือ” อวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างท้อใจ พูดว่า “เด็กคนนั้น ไม่แข็งแรงตั้งแต่ก าเนิด ตอนเด็กก็น่าจะมีชีวิตที่ไม่ดีนัก พิษในร่างกายท าลายอวัยวะของเขาพังจนไม่เหลือชิ้นดี ถึงแม้แต่เดิมไม่ถูกวางยาพิษ เด็กคนนั้นก็คงมีชีวิตอยู่ไม่ ถึงยี่สิบปี แต่ว่าตอนนี้… เด็กคนนั้นตกอยู่ในความ หวาดกลัวมาเป็นเวลานาน แม้ข้าช่วยแก้พิษให้ได้ ก็ต้อง ดูแลเขาอย่างระมัดระวัง เพราะหากเขาตระหนกตกใจ กับอะไรอีกครั้ง คงรับไม่ไหวอีก แต่ว่าพี่ฉินเฟิงและพี่ หลินหานบอกว่าพาเขากลับมาไม่ได้” เมื่อพูดถึงคนป่วย
书呆子
อวิ๋นเกอก็สะเทือนใจเล็กน้อย อีกทั้งนางอาศัยในป่าลึก มานาน ไม่เคยประสบกับเรื่องราวบนโลกมากนัก เมื่อ เห็นเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ ย่อมอดรู้สึกเห็นใจไม่ได้
เยี่ยหลีพยักหน้าพูดว่า “เด็กคนนั้นคือฮ่องเต้องค์ ปัจจุบัน หากพาเขาออกมาจากต าหนักหลีอ๋อง จะเกิด เรื่องใหญ่เอาเสีย”
อวิ๋นเกอพยักหน้า นางเป็นเด็กจิตใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่ เด็กไม่รู้ประสา หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งนางก็พูดว่า “คืน นี้ข้าจะท ายาเม็ด พรุ่งนี้พี่หลีเอ๋อร์เอาไปให้เด็กคนนั้นเถิด แม้จะไม่สามารถรักษาอาการป่วยของเขาได้ แต่อย่าง น้อยก็ท าให้เขาทรมานน้อยลงได้เล็กน้อย” เยี่ยหลีพูด อ่อนโยนว่า “คืนนี้เจ้าเหนื่อยมากแล้ว มิต้องรีบหรอก พรุ่งนี้ค่อยเตรียมก็ยังทัน เดี๋ยวข้าให้พวกเขาเตรียม สมุนไพรที่เจ้าต้องใช้ไว้ให้”
书呆子
“ได้… สวีชิงเฉิน…” อันที่จริง คนที่อวิ๋นเกอสนิท สนมด้วยมากที่สุดยังคงเป็นสวีชิงเฉิน นางจึงคอยเรียก หาสวีชิงเฉินด้วยความเคยชิน แท้จริงแล้วที่นางวางใจเยี่ย หลี ฉินเฟิงและหลินหาน คนเหล่านี้ที่เคยเจอกันเพียงแค่ สองครั้ง เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนรู้จักของสวีชิงเฉิน
สวีชิงเฉินยิ้มพูดว่า “อวิ๋นเกอเหนื่อยมากแล้ว รีบ ไปพักผ่อนเถิด”
“อื้ม อย่างนั้น… พวกเจ้าก็รีบพักผ่อนนะ” อวิ๋ นเกอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วจึงเดินตามสาวใช้ที่ยืนรอ อยู่ที่ประตูกลับห้องของตนไป
เมื่ออวิ๋นเกอจากไป ประตูห้องหนังสือปิดลงอีกครั้ง ในห้องหนังสือก็เงียบลง
ผ่านไปนาน สวีชิงเฉินจึงพูดขึ้น “หลีเอ๋อร์อย่าคิด มากเลย เรื่องถึงตรงนี้แล้ว… ต าหนักติ้งอ๋องก็ท าผิดต่อ เด็กคนนั้น” ม่อซู่อวิ๋นเป็นผู้บริสุทธิ์และน่าสงสารมาก
书呆子
จริงๆ แต่ว่าในสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้เหล่าประชาคน ธรรมดามีใครบ้างที่ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ มีใครที่ไม่น่าสงสาร บ้างหรือ อย่างน้อยเยี่ยหลีก็ให้โอกาสม่อจิ่งหลีและเยี่ยอิ๋ง ได้ชดเชยแล้ว เยี่ยหลียิ้มเล็กน้อยพูดว่า “พี่ใหญ่มิต้อง ปลอบใจข้าหรอก ข้าเข้าใจดี”
ในคืนนั้น กระดาษใบหนึ่งถูกวางลงบนหัวเตียงของ เยี่ยอิ๋งอย่างเงียบเชียบ ในกระดาษมีเพียงตัวอักษรง่ายๆ สามตัว ม่อซู่อวิ๋น
เยี่ยอิ๋งถือกระดาษใบนั้นไว้อยู่นานแสนนาน จากนั้นสีหน้าก็ซีดลงเรื่อยๆ
“ท่านอ๋อง! ท่านอ๋อง?!”
เสียงเร่งรีบของเยี่ยอิ๋งดังขึ้นจากนอกห้องหนังสือ ของม่อจิ่งหลีตั้งแต่เช้าตรู่ ม่อจิ่งหลีที่ก าลังวุ่นอยู่กับงาน บ้านเมืองก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ เรื่องการหายตัวไป ของฉู่จวินเหวยก่อนหน้านี้ ท าให้ม่อจิ่งหลีไม่พอใจมากอยู่
书呆子
แล้ว ณ เวลานี้เขาไม่มีอารมณ์มาสนใจเยี่ยอิ๋งจริงๆ แต่ เดิมเคยคิดว่าทุกอย่างในหนานจิงอยู่ในก ามือของตน แต่ เพียงเวลาสั้นๆไม่ถึงหนึ่งเดือนนี้ ฉู่จวินเหวยและตงฟาง โยวกลับหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขาอย่างไร้ร่องรอย เช่น นี้ม่อจิ่งหลีจะไม่โมโหและไม่ระแวดระวังได้อย่างไร
“พระชายา ท่านอ๋องห้ามมิให้คนเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ” เสียงองครักษ์ดังขึ้นจากข้างนอก
“หลีกไป! ข้ามีเรื่องส าคัญต้องคุยกับท่านอ๋อง!” เยี่ยอิ๋งโวยวายอย่างหงุดหงิด
“พระชายา…”
เมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยอิ๋งราวกับว่าหากไม่ได้เข้ามา จะไม่ยอมหยุดโวยวาย ม่อจิ่งหลีจึงวางพู่กันลง ขมวดคิ้ว เล็กน้อยพูดว่า “ให้นางเข้ามา”
书呆子
เยี่ยอิ๋งผลักประตูเข้าไป รีบเดินเข้าไปหาเขาโดยไม่ สนใจว่าต้องคารวะม่อจิ่งหลี “ท่านอ๋อง! ข้าหาลูกของเรา เจอแล้ว!” ม่อจิ่งหลีชะงัก แล้วรีบดึงสติกลับมา เขาพูด ด้วยน้ าเสียงราบเรียบว่า “เจ้าพล่ามไร้สาระอะไรอยู่” ไม่ใช่เพราะม่อจิ่งหลีไม่เชื่อเยี่ยอิ๋ง แต่เพราะว่าเยี่ยอิ๋งอยู่ ในต าหนักหลีอ๋องทั้งวันทั้งคืน ซ้ ายังไม่มีอ านาจกระท าสิ่ง ใด แม้แต่ม่อจิ่งหลีก็ไม่ทราบเรื่องนี้แม้เพียงเล็กน้อย แล้ว เยี่ยอิ๋งจะรู้ได้อย่างไร
เยี่ยอิ๋งพูดอย่างร้อนรน “จริงๆ นะเพคะ! ท่านอ๋อง ท่านเชื่อข้าเถิด”
ม่อจิ่งหลีขมวดคิ้ว พูดอย่างขอไปทีว่า “ได้ เจ้าพูด มาสิ ลูกอยู่ที่ไหน”
เยี่ยอิ๋งพูดว่า “คือฮ่องเต้… ท่านอ๋อง ท่านช่วยเขา ด้วยเถิด เขาเป็นลูกของเรานะเพคะ”
书呆子
“เจ้าเสียสติไปแล้ว!” ม่อจิ่งหลีสลัดนางออกไป พูด อย่างไม่สบอารมณ์ เยี่ยหลีที่ถูกผลักออกไป คว้าแขนเสื้อ เขาไว้อีกครั้ง พูดว่า “จริงๆ นะเพคะ ท่านเชื่อข้าเถิด เขา เป็นลูกของเราจริงๆ ฮือๆ… ขอร้องล่ะ ช่วยเขาด้วย เขา จะตายอยู่แล้ว… ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาคือลูกของเรา” ม่อจิ่งหลี ถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เยี่ยอิ๋งพลันเงียบ นางรู้ดีว่ากระดาษแผ่นนั้นคือ กระดาษที่เยี่ยหลีส่งคนให้เอามาให้ตนเอง แต่นางบอก ไม่ได้ หากพูดเรื่องเยี่ยหลี ไม่เพียงม่อจิ่งหลีเท่านั้นที่จะไม่ ปล่อยนางไป แม้แต่คนต าหนักติ้งอ๋องก็ไม่ปล่อยนางไว้ เช่นกัน นางส่ายศีรษะอย่างหวาดกลัว “ไม่… ข้าบอก ไม่ได้…”
นัยน์ตาม่อจิ่งหลีมีประกายความเย็นชาแล่นผ่าน เขายิ้มเย็นชาพูดว่า “บอกไม่ได้หรือ บอกไม่ได้แล้วเจ้าจะ
书呆子
มาหาข้าท าไมเล่า ออกไปเถิด” เยี่ยอิ๋งชะงัก พูดกัดปาก ว่า “แต่ว่าลูก…” ม่อจิ่งหลีพูดอย่างไม่แยแส “ลูกอะไร กัน ม่อซู่อวิ๋นคือลูกของม่อจิ่งฉี”
“ไม่! นั่นคือลูกของเรา ท่านอ๋อง เขาเป็นลูกชาย เพียงหนึ่งเดียวของท่านนะเพคะ” เยี่ยอิ๋งร้องตะโกน อย่างตื่นตระหนก หากม่อจิ่งหลีไม่ยอมรับเด็กคนนี้ เขา ในฐานะที่เป็นลูกของม่อจิ่งฉี ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน คงต้อง ตายสถานเดียว เยี่ยอิ๋งมองสีหน้าเย็นชาที่ไม่แม้แต่จะ กะพริบตาของม่อจิ่งหลี ทันใดนั้นนางพลันรู้สึกเย็นยะ เยือก มิรู้เหตุใดจู่ๆ นางจึงคิดถึงวันที่องค์หญิงซีสยาตาย ขึ้นมา แล้วขนนางก็พลันลุกชัน
“ทหาร ส่งพระชายากลับห้อง ไม่มีค าสั่งของข้า ห้ามใครเข้าพบเด็ดขาด” ม่อจิ่งหลีพูดเสียงขรึม
เยี่ยอิ๋งที่ไม่สามารถต่อต้านใดๆ จึงถูกองครักษ์ ส่งกลับเรือนของตนไป เมื่อกลับถึงห้องนางก็ฟุบหน้าลง
书呆子
บนเตียงปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมา ตอนนี้นางเพิ่งเข้าใจ ว่าเหตุใดเยี่ยหลีจึงบอกว่านางจะเสียใจ เพราะว่าตอนนี้ นางรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆ
ในห้องหนังสือ สีหน้าม่อจิ่งหลีเคร่งขรึม แม้จะไล่ เยี่ยอิ๋งออกไปอย่างไร้เยื่อใย แต่ค าพูดของเยี่ยอิ๋งกลับฝัง อยู่ในใจเขา เยี่ยอิ๋งย่อมไม่น าเรื่องเช่นนี้มาพูดโกหก แต่ ว่าเมื่อบอกว่าม่อซู่อวิ๋นคือลูกที่สูญหายไปหลายปี… มิรู้ เพราะเหตุใด ในใจของม่อจิ่งหลีกลับไม่รู้สึกดีใจที่พบลูกที่ หายตัวไปในฐานะพ่อคนหนึ่งเลย มีแต่จะยิ่งหงุดหงิดและ แค้นเคืองมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ม่อจิ่งหลีก็เริ่มคิดว่าเหตุใดม่อจิ่งฉีจึง มอบบัลลังก์ให้ม่อซู่อวิ๋น ม่อซู่อวิ๋นเป็นองค์ชายที่มี ความสามารถน้อยที่สุด และอยู่ในต าแหน่งต่ าต้อยที่สุด ในบรรดาองค์ชายทั้งหมดของฝั่งมารดา การสืบบัลลังก์ ให้กับฮ่องเต้เช่นนี้ เท่ากับว่าจงใจให้เขามีโอกาสเข้ายึด
书呆子
กุมอ านาจ หรือว่า… ม่อจิ่งฉีต้องการให้พ่อลูกบาดหมาง กันเอง