ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 368-4 ควำมอำลัยรักของทั้งคู่ ข่ำวด่วนจำก เจียงหนำน
“ภายหน้าจะไม่มีอีกแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ท าให้อาหลี
ต้องเป็นห่วง รอให้ข้าสังหารตระกูลน่าร าคาญพวกนั้นทิ้ง
ให้หมดเสียก่อน เราจะไปท่องเที่ยวให้ทั่วใต้หล้าด้วยกัน
ไม่สนใจเรื่องพวกนี้กันอีก ถึงเวลานั้นอาหลีอยากไปที่ใด
ข้าก็จะไปที่นั่นกับอาหลี” ม่อซิวเหยารีบรับปากทันที
พลางครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ ที่แท้เป็นเฮ่อเหลียนเผิงที่
เผยเรื่องนี้ของเขาออกมา ดียิ่ง ดียิ่ง…ติ้งอ๋องผู้เจ้าคิดเจ้า
แค้นคนก าลังผูกความแค้นกับเฮ่อเหลียนเผิงไว้ในใจอย่าง
หนักแน่น
แม้ว่าหลายปีมานี้จะสงบและเป็นธรรมชาติมา
ตลอด แต่ความมั่นใจและศรัทธาของม่อซิวเหยาที่คิดจะ
สังหารคนบางจ าพวกกลับเด็ดเดี่ยวมั่นคงยิ่ง เยี่ยหลีจึงไม่
ไปยุ่งกับเขา เทียบกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านั้น ขอแค่บุรุษ书呆子
ตรงหน้าผู้นี้ปลอดภัยไร้เรื่องราวจึงเป็นเรื่องที่ส าคัญที่สุด
“ดี ข้าจะรอเจ้า”
ม่อซิวเหยาลอบถอนหายใจ นานๆ ทีอาหลีจะโกรธ
แต่พอได้โกรธขึ้นมากลับปลอบยากมากนัก ไข่มุก
ของขวัญค าป้อยออ่อนหวานที่สตรีชื่นชอบใช้ไม่ได้กับนาง
สักนิด ทว่าเมื่อเห็นเยี่ยหลีเป็นห่วงตนเช่นนี้ ม่อซิวเหยา
กลับแสนเปรมปรีอยู่ในใจ เขาใช้ปลายจมูกถูไถแขนเรียว
บางของนางไปมาอย่างสนิทสนม ประทับจูบลงบนริม
ฝีปากอย่างละเมียดละไม “อาหลี ดีจริงๆ ที่มีเจ้าอยู่เคียง
ข้างข้า…อย่าจากข้าไปนะ…”
หากชีวิตนี้ไม่ได้พบเจอนาง ม่อซิวเหยาก็แทบจะจิต
นาการถึงชีวิตของตนเองว่าจะเป็นเช่นไร ต้องมีสักวันที่
เขาหมดหนทางที่จะระงับความอาฆาตแค้นและไอสังหาร
ในจิตใจเอาไว้ได้ เขาต้องใช้ความเร็วที่สุดท าลายต้าฉู่และ
ทั่วทั้งใต้หล้าไปอย่างไม่ลังเลแน่ กระทั่งด้วยเหตุนี้ก็จะ书呆子
ท าลายกองทัพตระกูลม่อกับต าหนักติ้งอ๋องไปอย่างไม่
เสียดาย แต่เพราะมีเยี่ยหลีแท้ๆ เขาอยากจะอยู่กับเยี่ย
หลีไปชั่วนิรันดร์ ดูอาหลีใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเปรมปรี
เบิกบานอยู่ข้างกายตน ต่อมาก็มีม่อตัวน้อย แม้ว่าเจ้าเด็ก
นี่จะดื้อรั้นและตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเขาโดยเฉพาะ ท า
เอาแทบอยากจะไม่ให้เกิดมา แต่เขาก็ยังคงอยากให้ลูก
เติบโตอย่างสงบสุข แล้วไปก่อเรื่องท าร้ายคนอื่นต่อ ไม่ใช่
เหมือนเขาในอดีตที่เต็มไปด้วยความล าบากทรมาน แอบ
เอาความโกรธแค้นพยาบาทมาหล่อเลี้ยงสิ่งชั่วร้ายและไอ
สังหารในจิตใจอย่างเงียบๆ แต่ด้วยเพราะมีสิ่งเหล่านี้ เขา
จึงสามารถผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ค่อยๆ ปรับสมดุล ค่อยๆ
วางแผน อ านาจของต าหนักติ้งอ๋องค่อยๆ เติบโตอย่าง
แข็งแกร่ง ให้ตนเป็นผู้ไร้พ่ายท่ามกลางความวุ่นวายใน
โลกหล้า จากนั้นค่อยไปก าจัดคนที่ท าให้เขาบังเกิด
ความแค้นในจิตใจ ไม่ใช่เลือกที่จะพินาศไปด้วยกันตั้งแต่
แรก书呆子
ในขณะที่ม่อซิวเหยาพึมพ าเบาๆ ก็แฝงไว้ด้วยความ
หมกมุ่นที่ซึมลึกไปถึงกระดูก ท าเอาเยี่ยหลีซาบซึ้งตรึงใจ
ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ชาติก่อนกับชาตินี้ ทั้งสองชาติภพ
เคยมีคนที่รักนางอย่างลึกซึ้งได้เหมือนม่อซิวเหยาด้วย
หรือ ไม่ใช่เพราะชาติตระกูลของนาง ไม่ใช่เพราะ
ความสามารถของนาง มีเหตุผลเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ
เพราะนางคือเยี่ยหลีคนนี้ ส่วนนางเอง เคยสงสารและรัก
ใครอย่างสุดซึ้งเช่นนี้หรือไม่ แม้จะรู้ดีว่าบุรุษตรงหน้านี้
ไม่ได้ไร้พิษสงอย่างที่ก าลังแสดงออกตรงหน้านาง กระทั่ง
มีความเคียดแค้นและไอสังหารที่แอบแฝงอยู่ในจิตใจเขา
อย่างนับไม่ถ้วนก็ตาม หากเป็นเมื่อก่อน เกรงว่าคงจะ
ระแวงระวังต่อคนขวางโลกที่มีแนวโน้มต่อต้านสังคมคนนี้
ไปนานแล้ว แต่ยามนี้ นางกลับเป็นห่วงว่าสิ่งนี้จะท าร้าย
ตัวเขาเอง书呆子
“คนโง่ นอกจากข้างกายท่านแล้วข้าจะไปที่ใดได้
อีกเล่า” นางลูบใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ซบอยู่บนตัว
นาง แล้วเงยหน้าขึ้นจูบลงบนริมฝีปากบางที่เย็นเล็กน้อย
อย่างเนิบช้า “ซิวเหยา ข้ารักท่าน ท่านเข้าใจหรือไม่
ท่านเป็นคนส าคัญที่สุดในใจของข้า ไม่ว่าท่านจะเป็น
อย่างไร ท่านก็ยังเป็นคนที่ข้ารัก”
ม่อซิวเหยาตะลึงงัน เขารู้สึกปลาบปลื้มอย่างยาก
จะอธิบายกับค าพูดที่คล้ายหล่นลงมาจากฟากฟ้าราวกับ
เสียงสวรรค์เช่นนี้ เขาจับท้ายทอยเยี่ยหลีไว้ พลิกจากคน
รับมาเป็นคนรุกบดจูบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น “อาหลี ข้ารักเจ้า…
ม่อซิวเหยาจะรักเพียงเจ้าผู้เดียวชั่วนิรันดร์…”
ณ กระโจมใหญ่ สามีภรรยาคู่หนึ่งที่ผูกสมัครรัก
ใคร่กันมาสิบปีก าลังกอดกันอย่างแนบแน่นด้วยความรัก
เกี่ยวพันไปกับความเศร้าระทมจนแยกจากกันไม่ได้…书呆子
“เรียนท่านอ๋อง พระชายา เฟิ่งจือเหยาขอพบพ่ะ
ย่ะค่ะ!” ด้านนอกกระโจมใหญ่ เสียงของเฟิ่งจือเหยาดัง
ขึ้นมาอย่างไม่ดังไม่เบานัก แต่ขัดจังหวะคู่รักที่ก าลังแสดง
ความรักใคร่อาลัยต่อกันเข้าพอดี ม่อซิวเหยาสีหน้าทะมึน
ขึ้นมาทันใด แทบอยากจะโยนเฟิ่งจือเหยาออกไปให้ไกล
หนึ่งหมื่นแปดพันลี้
เห็นเขาเป็นเช่นนี้ เยี่ยหลีก็แย้มยิ้มบางออกมา
อย่างอดไม่ได้ นางยื่นมือไปผลักม่อซิวเหยาออกแล้วลุก
ขึ้นเดินเข้าไปจัดเสื้อผ้าด้านใน ม่อซิวเหยาจึงได้มอง
เฟิ่งจือเหยาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าถมึงทึง พอเฟิ่งจือเหยา
เข้ามาในกระโจมใหญ่ก็รู้สึกได้ถึงความเคืองขุ่นอันเย็น
เยียบสาดเข้าใส่ พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นม่อซิวเหยาที่จ้อง
ตนเขม็งก็คิดว่าแปลกพิกล หรือท่านอ๋องจะถูกพระชายา
ต าหนิเข้า จึงได้อารมณ์ไม่ดี แต่ว่า…ถูกภรรยาต่อว่าแล้ว书呆子
เอาความโกรธมาลงที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเบื้องล่างเช่นนี้ คือ
สิ่งที่ผู้เป็นใหญ่พึงกระท ารึ
ทว่า เห็นได้ชัดว่าคุณชายเฟิ่งซานประเมินติ้งอ๋อง
สูงส่งเกินไป อย่าว่าแต่เอาความโกรธมาลงกับคนอื่นเลย
ต่อให้ลากเอาเขามาระบายอารมณ์ด้วย ท่านติ้งอ๋องก็คง
ไม่มีความรู้สึกผิดสักนิดหรอก นับประสาอะไรกับยามนี้ที่
ถูกคนบางคนมาขัดขวางเรื่องดีๆ เข้า ม่อซิวเหยาจ้อง
เฟิ่งจือเหยาด้วยสีหน้าอึมครึม “เฟิ่งซาน มีเรื่องอะไร”
ทางที่ดีควรจะมีธุระเป็นดีที่สุด หากเฟิ่งจือเหยากล้าบอก
ว่ามาหาเขาเพื่อดื่มสุราพูดคุยเล่นล่ะก็ เตรียมตัวกลับไป
เก็บข้าวของไปอยู่ที่ชายแดนซีเป่ยทั้งชาติได้เลย
เฟิ่งจือเหยาเลิกคิ้วขึ้น เขามีเรื่องส าคัญจริงๆ “เมื่อ
ครู่ได้รับข่าวว่าเฮ่อเหลียนเจินออกจากค่ายใหญ่เป่ยหรง
ไปยังทางใต้อย่างเงียบๆ”书呆子
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ว “ลงใต้รึ เฮ่อเหลียนเจินลงใต้
เพื่อการใด” ตลอดชีวิตของเฮ่อเหลียนเจินไม่เคยไปเจียง
หนานมาก่อน เขาจะไม่หลงทางหรือ เฟิ่งจือเหยากรอก
ตามองบนใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ พอพระชายากลับมา
สมองของคนบางคนก็ใช้การไม่ได้แล้วหรือ “เราก าลังท า
ศึก ชาวเป่ยหรงยังถอยร่นไป เฮ่อเหลียนเจินไม่อยู่ในค่าย
ทหาร ซ้ ายังลงใต้ไปอีก ท่านอ๋องคิดว่าเขาไปท่องเที่ยว
หรือไร”
ครานี้ม่อซิวเหยานับว่าดึงเอาความคิดกลับมาจาก
ความรักใคร่เมื่อครู่และความขุ่นเคืองต่อเฟิ่งจือเหยา
กลับมาได้เสียที เอ่ยเสียงเรียบว่า “เขาคิดจะไปร่วมมือ
กับเหลยเจิ้นถิงมาจัดการต าหนักติ้งอ๋อง”
“ยินดีด้วย ที่แท้สมองของท่านก็ยังอยู่” เฟิ่งจือเห
ยาเหน็บแนมให้อย่างไม่สบอารมณ์书呆子
ม่อซิวเหยาจ้องเขานิ่ง ทันใดนั้นก็แย้มยิ้มทะมึน
ขึ้นมา “เฟิ่งซาน ข้าว่าหมู่นี้เจ้าไม่พอใจข้าอย่างมาก
ทีเดียว” เฟิ่งจือเหยาตัวสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จึงเพิ่งจะ
นึกขึ้นได้ว่าเจ้านายตรงหน้านี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่คน
จิตใจกว้างใหญ่ ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น เขาไม่พอใจม่อซิวเหยา
มากจริงๆ แต่ก็ไม่จ าเป็นต้องให้อีกฝ่ายได้ทราบ หากภาย
หน้าเกิดเป็นเช่นนี้ขึ้นอีกก็ยิ่งจะท าให้เขาไม่พอใจมากขึ้น
ที่ส าคัญที่สุดคือ หากม่อซิวเหยาต้องการจะสั่งสอนเขา
ขึ้นมาจริงๆ เขาคงทนไม่ไหว ม่อจิ่งหลีที่โชคร้ายมาตั้งแต่
เด็กจนโตจนนิสัยบิดเบี้ยวเป็นสิ่งเตือนใจชั้นดี
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านอ๋องคุณธรรมสูงส่ง
อิทธิพลน่าย าเกรงไปทั่วทุกสารทิศ อยากจะสนิทคุ้นเคย
เลื่อมใสจะแย่” เฟิ่งจือเหยาแย้มยิ้มเอ่ย
“จอมปลอม” ม่อซิวเหยาส่งเสียงเฮอะออกมา
เบาๆ书呆子
เฟิ่งจือเหยาแหงนหน้ามองฟ้าอย่างหมดค าจะพูด
เจ้ามีความสุขบ่อยๆ ก็ดีแล้ว เสแสร้งจอมปลอมใน
บางครั้ง…ก็ไม่ผิดนี่นา
“พวกเจ้าว่าอันใดนะ” เยี่ยหลีเดินออกมาจากด้าน
ใน มองทั้งคู่ที่มีสีหน้าต่างกันด้วยความสนใจ เฟิ่งจือเหยา
มองพระชายาที่ออกมาจากด้านใน แล้วหันไปมองม่อซิว
เหยาที่มีสีหน้าอึมครึมไม่สดใส เขาลูบจมูกไปมา ทันใด
นั้นก็คิดว่าตัวเองกระจ่างแจ้งแล้ว
“เรียนพระชายา เฮ่อเหลียนเจินแอบลงใต้ไปอย่าง
ลับๆ ข้าน้อยก าลังขอค าสั่งจากท่านอ๋องให้ส่งคนไปสกัด
ไว้ดีหรือไม่” เฟิ่งจือเหยาเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เยี่ยหลีได้ยินดังนั้นก็มองไปยังม่อซิวเหยา ม่อซิว
เหยาเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “จะไปขวางไว้ท าไม สกัด
กั้นเฮ่อเหลียนเจินไว้ก็ยังมีคนอื่นอีก ต่อให้ไม่มี ไม่ช้าก็เร็ว
พวกเราก็ต้องลงมือกับเหลยเจิ้นถิงอยู่ดี” เฟิ่งจือเหยา书呆子
มองม่อซิวเหยาอย่างล าบากใจแล้วเอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ช้าก็
เร็วเราจะต้องรับมือกับเหลยเจิ้นถิง แต่ยามนี้รับมือกับ
สองตระกูลพร้อมกัน จะเป็นการ…” โจมตีทีละฝ่ายย่อม
ง่ายกว่ารับมือสองแคว้นที่แข็งแกร่งพร้อมกันอยู่เล็กน้อย
ม่อซิวเหยาอมยิ้มมองเขา ยกนิ้วนิ้วหนึ่งโบกไปมา
ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่สองตระกูล สามตระกูลต่างหาก เจ้าคิด
ว่าม่อจิ่งหลีเป็นคนถือศีลกินเจหรือไร”
เฟิ่งจือเหยาฟังม่อซิวเหยาเอ่ยเช่นนั้นสีหน้าก็พลัน
เปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ กองทัพตระกูลม่อรับมือเป่ยหรงอ
ย่างเดียวบางทีอาจชนะได้ หากมีเหลยเจิ้นถิงมาเพิ่มเข้า
มาก็คงจะล าบาก แต่หากเพิ่มม่อจิ่งหลีเข้าไปอีก…ต่อ
ให้ม่อจิ่งหลีโง่กว่านี้ก็มีกองก าลังมากกว่าแสนนายอยู่ดี
รวมสามทัพเข้าด้วยกันต่อให้เป็นหมูหลายแสนตัวก็
สามารถเหยียบกองทัพตระกูลให้ตายเกลี้ยงได้
“ท่านอ๋อง…”书呆子
ม่อซิวเหยาโบกมือยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลไป ถึงจะ
ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ข้ายังเล่นกับพวกเขาไม่พอเลย”
ข้ากลัวก็แต่ว่าท่านจะเล่นจนพวกเราตายกัน
หมดน่ะสิ เฟิ่งจือเหยาแอบวิจารณ์อยู่ในใจพลางเหลือบ
ไปมองเยี่ยหลี เยี่ยหลีก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ ในหัวกลับ
ค านวณสถานการณ์ตรงหน้าไม่หยุด “เรารีบรบรีบจบ
สามารถจัดการเป่ยหรงไปก่อนได้หรือไม่”
ม่อซิวเหยาส่ายหน้าเอ่ยว่า “ในเมื่อเฮ่อเหลียนเจิน
จากไปแล้ว ภายหน้าเยียหลี่ว์เหยี่ยต้องเอาแต่เฝ้าปกป้อง
อย่างเดียวไม่ออกมาแน่ คิดจะรีบรบรีบจบนั้นเป็นไป
ไม่ได้” เยียหลี่ว์เหยี่ยไม่ใช่คนไร้ปัญญาที่พอกระตุ้นเข้า
หน่อยก็จะออกมาทุ่มสุดก าลัง หากเขาคิดแต่จะหดหัวอยู่
ในกระดองไม่ออกมา ในระยะเวลาเท่านี้ก็ไม่มีหนทางใด
ให้ท าอะไรได้ “ไม่เพียงแต่เจิ้นหนานอ๋องกับม่อจิ่งหลี书呆子
เท่านั้น เกรงว่าเยียหลี่ว์เหยี่ยคงส่งคนไปยัง
พระราชวังเป่ยหรงเพื่อขอความช่วยเหลือเช่นกัน”
เฟิ่งจือเหยาสีหน้าทะมึนขึ้นมา “ท่านรีบบอกข้ามา
ว่าพวกเราต้องเผชิญหน้ากับก าลังพลเท่าใด ข้าจะไป
ตรองให้ดีว่ายังมีเรื่องใดอีกที่ยังต้องไปเตรียมการอีก
หรือไม่”
ม่อซิวเหยาโอบเยี่ยหลีหัวเราะกังวานเอ่ยว่า “ไม่
ต้องกังวลถึงเพียงนั้น กองหนุนของพระราชวังเป่ยหรงจะ
มาหรือไม่ยังบอกได้ยาก”
คิ้วงามของเยี่ยหลีกระตุก เอ่ยว่า “เยียหลี่ว์หงรึ”
ม่อซิวเหยาพยักหน้าเอ่ยว่า “ใช่ ต่อให้เยียหลี่ว์หง
คิดจะนั่งภูดูเสือกัดกันก็ต้องกังวลว่าเยียหลี่ว์เหยี่ยจะเอา
กองก าลังเป่ยหรงทั้งหมดเข้ามายังจงหยวนที่ซึ่งไร้ก้นบึ้ง
แห่งนี้หรือไม่อยู่ดี” ตั้งแต่เป่ยหรงใช้ทหารต่อสู้กับต้าฉู่
ตลอดสองปีที่ผ่านมา เยียหลี่ว์เหยี่ยก็เคลื่อนก าลังพล书呆子
ทั้งหมดไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านห้าแสนนายแล้ว ส่วนกอง
ก าลังในมือเยียหลี่ว์เหยี่ยยามนี้กลับมีไม่ถึงเจ็ดแสน กอง
ก าลังเจ็ดแปดแสนเข้ามาจงหยวน ในความเป็นจริงแล้ว
ผลประโยชน์ที่พระราชวังเป่ยหรงได้รับกลับมีจ ากัดมาก
ยามนี้เฟิ่งจือเหยาจึงได้วางใจลงมาเล็กน้อย เขา
พยักหน้าเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี แต่ว่า…นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋อง
จะไม่คิดขัดขวางเฮ่อเหลียนเจิน เราควรวางแผนสัก
หน่อยหรือไม่” อย่ากระนั้นเลย แค่ยามนี้กองก าลังใน
บังคับบัญชาอย่างทหารตระกูลม่อมีไม่ถึงหนึ่งล้านนาย
แล้วคิดจะไปต่อกรกับพันธมิตรสามแคว้นนั่น หากเป็น
เช่นนี้ เฟิ่งจือเหยาคิดว่าตัวเองคงได้ไปตายจริงๆ แน่
ม่อซิวเหยาไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยถามว่า “อา
หลี ยามนี้เราเพิ่มทหารได้อีกเท่าใด”
เยี่ยหลีค านวณครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “อย่างเร็วที่สุด
ประมาณสองเดือน น่าจะเรียกก าลังพลได้ถึงหนึ่งแสน书呆子
นาย จากนั้นที่สามารถลงสนามรบได้มีห้าหกแสน
มากกว่านี้ล่ะก็ เกรงว่าจะเสียรากฐานของต าหนักติ้งอ๋อง
ไป”
ที่แต่ไหนแต่ไรมากองทัพตระกูลม่อมีทหารจ านวน
ไม่มาก เป็นเพราะต าหนักติ้งอ๋องเอาทรัพยากรจ านวน
มากไปใช้กับการปกครองประชาชน เช่นนี้แล้ว จึงมีทั้ง
ข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียก็คือกองก าลังไม่เพียงพอ กองทัพ
ตระกูลม่อถึงจะน้อยแต่ก็เป็นยอดฝีมือ ส่วนข้อดีคือกอง
ก าลังในบังคับบัญชาของต าหนักติ้งอ๋องมีทรัพยากรทุก
ด้านอย่างเฟื่องฟู ความสามารถในการรบต่อเนื่องและมี
ศักยภาพสูง ต่อให้สู้รบต่อเนื่องหลายปีก็ไม่ต้องกังวลว่า
ทหารจะต้องการเสบียง กระทั่งไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิต
ความเป็นอยู่ของประชาชนในความปกครองของ
ต าหนักติ้งอ๋องอีกด้วย书呆子
ทว่า ต่อให้ไพ่ดีแค่ไหนหากไม่มีโอกาสได้ลงไพ่นั้นก็
กลายเป็นไพ่ที่ไร้ประโยชน์ ดังนั้น หากถึงคราวที่ต้องเดิม
พันความเป็นความตายจริงๆ ต่อให้สูญเสียรากฐาน
ประชาชนในเขตการปกครองของต าหนักติ้งอ๋องไป ก็
จ าต้องพิจารณาในเรื่องการเกณฑ์ประชาชนเข้ากองทัพ
แล้ว
ม่อซิวเหยาครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้อง เรียก
ออกมาแปดแสนนายก่อน ที่เหลือให้เตรียมตัวไว้ หลัง
การไถพรวนในปีหน้าค่อยเสริมเข้ามาก็ยังทัน”
“ท าเช่นนี้ได้จริงหรือ” เฟิ่งจือเหยาเอ่ยอย่างกังวล
คิดว่าม่อซิวเหยาคาดการณ์ในแง่ดีเกินไปแล้ว ทั้งคิดจะไม่
ท าลายการเพาะปลูกของประชาชน และคิดจะเอาชนะ
ศึกใหญ่ จะมีเรื่องดีเช่นนั้นได้ที่ใดกัน书呆子
ม่อซิวเหยามองเขาเรียบนิ่งแล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้ก็ต้อง
ได้ หรือเจ้าคิดว่าศึกครานี้จะจบลงภายในสองสามเดือน
ได้”
เฟิ่งจือเหยาลูบจมูกไปมาเงียบงันไม่เอ่ยค าใด เรื่อง
การรบมากมายพอสู้รบแล้วก็กินเวลาสี่ห้าปีเป็นเรื่องปกติ
ทหารตระกูลม่อต้องรับมือกับสามแคว้นในเวลาเดียวกัน
หากไม่เหลือไพ่ไว้ให้ลง เกรงว่าต่อให้ไม่พ่ายแพ้ในสนาม
รบ ผลภายหน้าคงได้ถูกลากเอาชีวิตประชาชนไปด้วยแน่
เขาถอนในอย่างจนปัญญาแล้วเอ่ยว่า “ข้าทราบแล้ว”
“เรียนท่านอ๋อง พระชายา ข่าวด่วนจากเจียงหนาน
พ่ะย่ะค่ะ!” เสียงของจั๋วจิ้งดังขึ้นจากด้านนอกอย่างรีบ
ร้อน เยี่ยหลีรู้สึกใจคอไม่ดี มองม่อซิวเหยาแวบหนึ่งแล้ว
รีบเอ่ยขึ้นว่า “เข้ามาเถิด”书呆子
จั๋วจิ้งรีบเข้ามาด้านใน ในมือถือจดหมายฉบับหนึ่ง
ไว้ เอ่ยว่า “นกพิราบของเว่ยลิ่นส่งจดหมายมาว่า
คุณชายชิงเฉินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพ่ะย่ะค่ะ!”