ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 369-1 ลงใต้ สถำนกำรณ์ยำกล ำบำกของเหยำ จี
“นกพิราบของเว่ยลิ่นส่งจดหมายมาว่า คุณชายชิง
เฉินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพ่ะย่ะค่ะ!”
“อะไรนะ!” พอได้ยิน ไม่เพียงแต่เยี่ยหลีเท่านั้น
ขนาดม่อซิวเหยากับเฟิ่งจือเหยาก็ยังตกใจไปด้วย เยี่ยหลี
ใบหน้าซีดเผือด ลุกขึ้นพรวดแต่ก็ท าท่าเหมือนจะล้มลง
ไปกองกับพื้น ม่อซิวเหยารีบโอบเอวนุ่มไว้ประคองให้นาง
นั่งลง เขามองจั๋วจิ้งเอ่ยว่า “พูดให้ละเอียดซิ”
จั๋วจิ้งรีบเปิดจดหมายลับออกทันทีพลางเอ่ยว่า
“หลังจากคุณชายชิงเฉินจัดการเรื่องภูเขาซางหมางแล้วก็
พาเว่ยลิ่นขึ้นเหนือเพื่อเตรียมกลับเมืองหลี แต่ระหว่าง
ทางเจอโจรมาโจมตีเข้า องครักษ์ติดตามบาดเจ็บล้มตาย
ไปกว่าครึ่ง เว่ยลิ่นก็เจ็บหนักเช่นกัน ส่วนคุณชายชิงเฉิน
หายไปอย่างไร้ร่องรอยพ่ะย่ะค่ะ”书呆子
เยี่ยหลีอ่านจดหมายที่เว่ยลิ่นส่งมาเงียบๆ จนจบ
แม้จะเขียนมาสั้น แต่เยี่ยหลีก็พอที่จะเข้าใจก าลังการรบ
ของเว่ยลิ่นและหน่วยกิเลนดี หากสามารถท าให้เว่ยลิ่น
และหน่วยกิเลนกว่าครึ่งบาดเจ็บหนัก ทั้งยังลักพาตัวสวี
ชิงเฉินไปได้ ก็ยืนยันได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาแน่นอน
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายวางแผนมานานแล้ว ครานี้
แตกต่างกับการหายตัวไปของสวีชิงเฉินที่หนานจ้าวเมื่อ
หลายปีก่อน ครานั้นที่สวีชิงเฉินถูกจับไปล้วนอยู่ภายใต้
การคาดเดาของเขา นอกจากคนนอกที่ไม่รู้ความจริงแล้ว
คนที่ร้อนใจจริงๆ มีอยู่ไม่มาก แต่ครานี้อีกฝ่ายสามารถ
ชิงตัวสวีชิงเฉินไปจากหน่วยกิเลนที่ฝีมือยอดเยี่ยมของ
ต าหนักติ้งอ๋องได้ จึงย่อมไม่อาจวางใจในความปลอดภัย
ของสวีชิงเฉินได้
ม่อซิวเหยาพยุงเยี่ยหลีไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่ต้อง
กังวลไป หากอีกฝ่ายคิดจะเอาชีวิตสวีชิงเฉิน ก็น่าจะฆ่า书呆子
ไปตั้งแต่ที่เกิดเหตุแล้ว ไม่เสียเวลาพาตัวเขาไปหรอก ใน
เมื่อเอาตัวไป ก็ย่อมไม่ท าร้ายเขาง่ายๆ แน่”
เยี่ยหลีปิดเปลือกตาลง ฝืนตัวเองให้สงบเยือกเย็น
ขึ้น พวกเขาเคยชินกับความฉลาดปราดเปรื่องของ
คุณชายชิงเฉิน สติปัญญาของเขาเทียบเท่ากับเทพสวรรค์
แต่ลืมไปว่าต่อให้เก่งกาจเพียงใด สวีชิงเฉินก็เป็นแค่
บัณฑิตที่อ่อนแอไร้วรยุทธคนหนึ่ง ประโยชน์สูงสุดของ
สติปัญญาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เขา
ปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่หากเจอเข้ากับคนมีวร
ยุทธทั้งยังไม่พูดคุยกันด้วยเหตุผลแล้ว คุณชายชิงเฉินก็คง
ท าอันใดไม่ได้เช่นกัน
“ซิวเหยา…พี่ใหญ่…” เยี่ยหลีนึกไปถึงว่าสวีชิงเฉิน
อาจจะเจออันตรายเข้าก็สั่นสะท้านขึ้นมาทั้งร่างอย่างอด
ไม่ได้ คุณชายชิงเฉินผู้มีวาทะศิลป์อันน่าทึ่งของตระกูลสวี
ในปัจจุบัน…หากเกิดอะไรขึ้นมา…เยี่ยหลีแทบจะ书呆子
จินตนาการได้ว่าตระกูลสวีจะเป็นเช่นไร นางตั้งสติแล้ว
กุมมือม่อซิวเหยาไว้ ราวกับคิดจะดึงพลังจากเขามา
“เรื่องนี้ อย่าเพิ่งบอกท่านลุงใหญ่กับท่านตา”
ม่อซิวเหยายามนี้ก็ไม่มีอารมณ์ไปหึงหวงจึงพยัก
หน้าเอ่ยว่า “ข้ารู้ อาหลีอย่าได้กังวลไปเลย พี่ชิงเฉิน
ฉลาดเฉลียวกว่าใคร ไม่เกิดเรื่องขึ้นง่ายๆ แน่นอน”
เฟิ่งจือเหยาเห็นเยี่ยหลีแทบจะตั้งสติไม่อยู่ จึง
ออกมากับจั๋วจิ้งเงียบๆ
ณ กระโจมใหญ่ ม่อซิวเหยากอดเยี่ยหลีไว้ให้นาง
พิงมายังอกตน เขารู้สึกถึงความเปียกชื้นบริเวณหน้าอก
ในใจก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมา ชายหนุ่มลูบผมสวยสีด าขลับ
ของนางอย่างอ่อนโยน เอ่ยปลอบเสียงนุ่มว่า “อาหลี
อย่ากังวลไปเลย ข้าจะรีบส่งคนออกไปตามหาเขา ไม่เกิด
เรื่องขึ้นแน่นอน”书呆子
เยี่ยหลีเอ่ยเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่เป็นคนไม่ธรรมดา
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกโลกีย์ หากไม่ใช่เพราะข้า…ตระกูลสวี
และพี่ใหญ่คงไม่….” ม่อซิวเหยากระชับกอดนางแน่นขึ้น
เอ่ยว่า “ไม่ใช่ความผิดของอาหลี ทั้งหมดเป็นความผิด
ของข้าเอง เป็นข้าที่ลากอาหลีกับพี่ชิงเฉินมาล าบากด้วย
อาหลี อย่าได้โทษตัวเองไปเลย เป็นข้าเองที่ไม่ดี…แต่ว่า
ต่อให้อาหลีคิดว่าข้าไม่ดีก็อย่าได้จากข้าไป ข้าไม่ปล่อย
มือเจ้าไปแน่นอน” ม่อซิวเหยามองเยี่ยหลีที่ดวงตาแดง
ก่ าพลางเอ่ยเสียงขรึม
“ข้าไม่จากท่านไปไหนแน่นอน” เยี่ยหลีก ากระเป๋า
เสื้อเขาไว้แน่น เอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ตราบใดที่ข้ายังมี
ชีวิตอยู่ จะไม่จากท่านไปไหนเด็ดขาด แต่…แต่ข้ากลัว
เหลือเกิน หากเกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่จริงๆ…”
“พวกเรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ท าตัวเอง
หวาดกลัวเสียแล้ว” ม่อซิวเหยายิ้มบางเอ่ยว่า “อาหลี书呆子
หรือเจ้าไม่เชื่อในความสามารถของพี่ใหญ่เจ้า คิดว่าต้อง
เกิดเรื่องขึ้นกับเขาแน่ๆ ยามนี้เราควรคิดหาวิธีว่าจะท า
อย่างไรจึงจะถูก”
เยี่ยหลีสงบใจลงได้ในไม่ช้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หรือไม่การหาสวีชิงเฉินให้พบถือเป็นเรื่องส าคัญที่สุด
มิฉะนั้นร้องไห้จนขาดใจอยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์ นางตั้ง
สติแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านว่า…คนเช่นใดที่จับพี่ใหญ่
ไป”
ม่อซิวเหยาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “คนที่
สามารถลักพาตัวเขาไปจากมือเว่ยลิ่นได้ในแดนใต้มีเพียง
สามคนเท่านั้น เหลยเจิ้นถิง ฮ่องเต้แห่งซีหลิง แล้วก็ม่อ
จิ่งหลี แต่ว่า ฮ่องเต้แห่งซีหลิงไม่ใจกล้าเพียงนั้น อีกทั้งยัง
ไร้ความจ าเป็นที่จะท าเช่นนี้ ส่วนเหลยเจิ้นถิง…พี่สวีหาย
ตัวไปในดินแดนของเขา เราควรสงสัยเขาเป็นคนแรก
หากเขาคิดอยากลักพาตัวไปจริง สู้ลงมือจับตัวเขาไปเลย书呆子
ตรงๆ ไม่ดีกว่าหรือ ในเมื่ออย่างไรก็ต้องเป็นศัตรูกันแล้ว
เช่นนั้นก็ไม่จ าเป็นต้องท าลับๆ ล่อๆ อีกแล้ว”
“เช่นนั้นเป็นม่อจิ่งหลีหรือ” เยี่ยหลีดวงตาเป็น
ประกายเย็นเยียบ “เหตุใดเขาต้องจับพี่ใหญ่ไปด้วย เพื่อ
ข่มขู่ต าหนักติ้งอ๋องหรือ”
ม่อซิวเหยาก็สงสัยอยู่เช่นกัน ม่อจิ่งหลียามนี้มี
เหลยเจิ้นถิงมากั้นไว้ระหว่างพวกเขา ต่อให้เขาจับสวีชิง
เฉินไปแล้วจะสามารถแลกเปลี่ยนอะไรกับต าหนักติ้งอ๋อง
ได้ เขาส่ายหน้าเอ่ยว่า “ความคิดของม่อจิ่งหลีบางครั้งก็
ท าคนยากจะคาดเดาได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเพียง
การคาดเดาของเราเท่านั้น ข้าว่าไม่นานทางแดนใต้ต้องมี
ข่าวส่งมาแน่ อาหลีไม่ต้องร้อนใจไป”
เยี่ยหลีพยักหน้าอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก นางเงียบ
ไปพักใหญ่จึงเอ่ยขึ้นว่า “หากยังไม่มีข่าวคราวของพี่ใหญ่
มาอีก ข้าจะลองไปเจียงหนานดู” ม่อซิวเหยาชะงัก นาน书呆子
ทีเดียวที่ไม่ได้เอ่ยค าใดออกมา ครู่ใหญ่ต่อมา ในขณะ
ที่เยี่ยหลีคิดว่าเขาจะปฏิเสธนั้นก็ได้ยินอีกฝ่ายถอนใจ
ออกมาเบาๆ และเอ่ยว่า “ข้าไปกับเจ้าด้วยมิได้ อาหลี
ต้องระวังตัวให้มากๆ หากกลับมาก่อนที่เป่ยหรงกับซีหลิง
จะร่วมมือกันได้จะยิ่งดี มิฉะนั้นเจ้าอยู่ทางนั้นจะมี
อันตรายได้”
เยี่ยหลีพยักหน้าเอ่ยเสียงต่ าว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้า
จะรีบไปรีบกลับแน่นอน”
แล้วก็เป็นไปดังที่ม่อซิวเหยาว่าไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นมี
จดหมายลับที่เว่ยลิ่นให้คนมาส่งจากแดนใต้ รายละเอียด
บอกเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่แท้เว่ยลิ่นห่วงว่าจะเกิด
เหตุการณ์ไม่คาดฝันกับพิราบส่งสารเข้า พอส่งจดหมาย
ออกไปแล้วก็ให้คนควบม้าเร็วเอาจดหมายนี้ส่งกลับมา
ด้วย เยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาอ่านจดหมายจบก็ขมวดคิ้วมุ่น
ยิ่งกว่าเดิม เรื่องที่คุณชายชิงเฉินหายตัวไปในดินแดนของ书呆子
เหลยเจิ้นถิงใหญ่โตเพียงนี้ไม่อาจไม่สะเทือนไปถึงเหลย
เจิ้นถิงได้ นึกไม่ถึงว่าจดหมายจะระบุว่าเหลยเจิ้นถิงมี
เจตนาคิดจะกักตัวเว่ยลิ่นและคนอื่นๆ เอาไว้เงียบๆ
แต่เยี่ยหลีกลับไม่ห่วงความปลอดภัยของเว่ยลิ่น จาก
ความสามารถของพวกเขาหากคิดจะหนีไปล่ะก็ ย่อมไม่มี
ใครสามารถรั้งเขาไว้ได้ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในสี่ยอดฝีมือ
แห่งใต้หล้าอย่างเหลยเจิ้นถิงก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น จาก
สถานะของเหลยเจิ้นถิงก็ไม่น่าจะลงมือท าร้ายเว่ยลิ่นและ
คนอื่นๆ ด้วยตัวเอง
เยี่ยหลีอ่านจดหมายของเว่ยลิ่นจบก็ท าได้เพียง
ถอนใจออกมาแล้วเอ่ยว่า “ดูท่าแล้วข้าคงต้องไปเจียง
หนานดูสักครา ข้ากลัวว่า…พี่ใหญ่จะถูกม่อจิ่งหลีพาไป
ยังต้าฉู่” เทียบกับม่อจิ่งหลีแล้ว เยี่ยหลียอมไปทักทาย
เหลยเจิ้นถิงเสียยังดีกว่า เหลยเจิ้นถิงเป็นคนฉลาด คน
ฉลาดย่อมรู้ว่าอะไรควรท าอะไรไม่ควรท า กลับกันนั้นคน书呆子
อย่างม่อจิ่งหลี บางครั้งก็จะท าเรื่องที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร
ท า แต่ก็ยังจะไปท าจนได้ เรื่องที่เขาท านั้นล้วนเป็นเรื่องที่
ไม่ควรทั้งนั้น
ม่อซิวเหยารู้ดีว่าความปลอดภัยของสวีชิงเฉินนั้น
ส าคัญ จึงไม่พูดอะไรมาก เพียงเอ่ยเสียงนุ่มไปว่า “ระวัง
ตัวให้มาก”
เยี่ยหลีพยักหน้า สัญญาเสียงขรึมว่า “ข้าจะรีบ
กลับมา อย่ากังวลไป”