แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1025 สามีย่อมรู้จักภรรยาตัวเองดี
ตำรวจยังต้องซูฮกให้ หมอคนนี้สุดยอดมาก! อีกหน่อยต้องลองยื่นเรื่องขอให้หมอคนนี้มาบรรยายหน่อยแล้ว ถ้าคนเรามีจิตสำนึกได้แบบนี้ โอกาสเกิดอาชญากรรมต้องลดลงแน่นอน
“ขอบคุณพวกคุณมากที่ให้ความช่วยเหลือครับ—ว่าแต่พวกคุณเป็นสามีภรรยากันจริงเหรอครับ?” กำลังจะไปแล้ว แต่ตำรวจก็ยังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่หาย
“จริงแท้แน่นอนครับ อันที่จริงตอนนี้ควรเป็นช่วงที่พวกเราไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่คุณก็เห็นแล้วว่าภารกิจต้องมาก่อน” ในที่สุดอวี๋หมิงหลางก็ได้ผ่อนคลายลงบ้าง เขากับเสี่ยวเชี่ยนออกไปส่งตำรวจ
วันนี้ตำรวจได้เนื้องานกลับไปมากทีเดียว ไม่เพียงแต่จะได้พยานที่กลับเนื้อกลับตัวยอมให้ปากคำ แถมยังได้ตัวคนร้ายกลับไปด้วย แต่ก็มีเรื่องลำบากใจนิดหน่อย เนื้อตัวคนร้ายมันเหม็นมาก!
เท่าที่ถามอวี๋หมิงหลางกับลูกน้อง คนร้ายคนนี้ตอนแรกทำตัวขัดขืน คิดจะทำร้ายทหาร จกานั้นเลยโดนซ้อมอย่างหนัก ตอนนั้นอวี๋หมิงหลางแจกลูกถีบเผด็จการออกไปเพื่อปกป้องตัวเอง ‘ไม่ทันระวัง’ถีบหมอนี่ไปจมกองขี้ ‘พอดี’
ถึงคนร้ายจะบอกว่าตัวเองกลัวจนจะฉี่ราดยกมือยอมแพ้ตั้งแต่เห็นปืนของจริงแล้วก็ตาม แต่ทหารพรางเหล่านี้กลับพูดเสียงดังฟังชัดว่าคนร้ายจ้องจะโจมตีก่อน พวกเขาเลยจับยัดใส่กระสอบแล้วซ้อมนิดหน่อย พอเสร็จแล้วก็ลากมาที่นี่ แจกไปอีกลูกถีบให้กลิ้งเอาหน้าขึ้นสวยๆ และก็ไม่รู้ว่าคนร้ายอมขี้เข้าไปได้ยังไง ตอนนั้นเห็นแค่หน้าเข้าไปแตะๆ ไม่รู้ทหารคนไหนช่างใจร้ายเผลอไปเหยียบหน้าคนร้ายด้วย จากนั้น…ขี้ไม่อร่อยเลย!
แต่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคนร้าย คำพูดของคนเลวที่เอามีดขู่ทำร้ายคนอื่นย่อมไม่มีคนเชื่อ!
และที่น่าแค้นใจยิ่งกว่าก็คือ เป็นตายคนร้ายก็ยืนยันว่าเรื่องทุกอย่างที่ทำไปเป็นเพราะเมา จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
อวี๋หมิงหลางที่เรียนด้านกฎหมายมาย่อมไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ให้ความรู้หลุดลอยไป บอกกับคนร้ายไปว่าต่อให้เมาแล้วทำผิดก็ไม่มีทางจะได้รับโทษเบา เสี่ยวเชี่ยนจัดให้อีกหนึ่งดอก ในมุมมองของจิตแพทย์คนเราเวลาเมาไม่มีทางทำเรื่องที่ขัดกับความต้องการของตัวเอง ลวนลามเพราะเมาไม่ใช่เหตุผลที่จะช่วยให้โทษเบา เธอแนะนำให้ตำรวจกลับไปสืบประวัติคนๆนี้ให้ดี ไม่แน่อาจเคยก่อคดีมาก่อน
สรุปก็คือ มาเจอครอบครัวนี้ถือเป็นคราวซวยของคนร้าย ตำรวจเองก็เหมือนได้เปิดหูเปิดตา รู้สึกว่าครอบครัวนี้สุดยอดมาก
สามีเป็นทหารหน่วยรบพิเศษขั้นเทพ ภรรยามีวิชาสะกดจิตอันน่าทึ่ง แถมยังมีพี่สาวดาราดังที่กล้าเอามือเปล่าไปรับคมมีด…นี่มันเทพทั้งนั้น
พอพวกตำรวจพาคนไปหมดแล้วอาเพียวก็วิ่งเข้ามาด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธาในตัวเสี่ยวเชี่ยน
“คุณทำอะไรกับพวกเขากันแน่? สะกดจิต? มันสุดยอดมาเลยนะ ทำได้ไงอะ?”
“อยากรู้เหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“อื้อ!” อาเพียวพยักหน้ารัวๆ
“ไม่บอกหรอก!”
“…” ทำไมกวนแบบนี้!
ในที่สุดไฟป่าก็ควบคุมได้หมดด้วยการร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย เวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน สงครามที่ยื้อยุดกันมาหลายชั่วโมงเหล่าทหารได้รับชัยชนะแล้ว พวกเขาผลัดกันพักผ่อน หมูน้ำแดงกลิ่นหอมหวนโชยมาจากตรงจุดที่ทำครัว ในที่สุดเหล่าทหารที่ยุ่งกันมาทั้งวันก็จะได้กินอาหารร้อนๆกันแล้ว
อวี๋หมิงหลางเข้าไปดับไฟมาทั้งวันพอออกมาเสียวเชี่ยนแทบจำไม่ได้ สภาพของเขามอมแมมมาก หน้าดำไปหมด นั่งกินหมั่นโถวที่พื้น เสี่ยวเชี่ยนเอาผ้าขนหนูเช็ดคราบเขม่าให้เขาพลางป้อนเนื้อให้กิน จังหวะที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ในที่สุดอวี๋หมิงหลางก็มีเวลาถามเสี่ยวเชี่ยนเรื่องเมื่อตอนกลางวัน
“สรุปก็คือคุณแค่สะกดจิตปรับทัศนคติให้คนพวกนั้น?” อวี๋หมิงหลางไม่เชื่อว่าเมียเขาจะใจดีทำแค่นั้น
“โอ๊ย ดูทำมองเข้า ผู้หญิงที่แสนดีอย่างฉันเหมือนคนที่ทำเรื่องไร้สาระอย่างอื่นเป็นด้วยเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนเอาสองมือประคองหน้าแสร้งทำท่าแบ๊ว
อวี๋หมิงหลาง หึ ออกมาหนึ่งทีแล้วเอาหมูน้ำแดงยัดใส่ปากเธอ “งั้นไม่พูด ‘เรื่องไร้สาระ’ พวกนั้น มาพูดเรื่อง ‘มีสาระ’ กันดีกว่า นอกจากคุณจะจัดการปรับทัศนคติคนพวกนั้นแล้ว ยังทำอะไรอีก?”
ไม่มีใครรู้จักเมียดีเท่าเขาอีกแล้ว!
เสี่ยวเชี่ยนน่ะเหรอจะทำแค่เรื่องผิวเผินแบบนั้น ตีให้ตายอวี๋หมิงหลางก็ไม่เชื่อ
การที่เรื่องครั้งนี้พี่สาวของเขาไม่เป็นอะไรมากเพราะความฉลาดและดวงดีด้วย หากเป็นอะไรขึ้นมา คนพวกนั้นก็จะมีความผิดไปด้วย
ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยก็น่าละอายสุดๆแล้ว เสี่ยวซีอุตส่าห์ช่วยพาหนี คนพวกนั้นกลับกลัวถูกตามล้างแค้นบังคับให้เสี่ยวซีหยุดรถ สุดท้ายแยกกันหนีก็ยังไม่วายมีความคิดโสมม คิดว่าอีกเดี๋ยวคนร้ายจะต้องไล่ตามอวี๋หมิงซีแน่ เลยกลัวจะโดนไปด้วย คนแบบนี้ขนาดอวี๋หมิงหลางยังรู้สึกอยากจะอัดให้หายแค้น แล้วเสี่ยวเชี่ยนที่โหดกว่าเขามีเหรอจะปล่อยไปง่ายๆ?
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของอวี๋หมิงหลาง เสี่ยวเชี่ยนแกล้งไอออกมาแล้วพูดเสียงเบา
“ฉันพูดตามตรงนะ นอกจากสะกดจิตให้พวกเขายอมไปเป็นพยานแล้ว ฉันไม่ได้ทำการรักษาอะไรเลย”
“มีอีก!” เขาจี้ถามต่อ
เสี่ยวเชี่ยนมองบน เบื่อคนรู้ทัน จะฉลาดขนาดนั้นไปทำไม! จะขอมีความลับบ้างไม่ได้เลยเหรอ!
“ก็คือ ฉัน…”
เธอพูดเสียงเบา
“พูดดังๆ!”
“ฉันเอาฝันร้ายยัดใส่สมองคนพวกนั้น พวกเขาจะฝันว่าถูกโจรคนนั้นทำเรื่องอย่างว่าบนรถไปหนึ่งอาทิตย์..”
“อุ๊บ!” อวี๋หมิงหลางเกือบพ่นหมูน้ำแดงในปากออกมา แต่ห้ามสิ้นเปลืองทรัพยากรเด็ดขาด อยู่ในที่แบบนี้การจะได้กินอาหารร้อนๆไม่ใช่เรื่องง่าย!
“พวกนั้นมีแต่ผู้ชายไม่ใช่เหรอ?” หรือบนรถมีผู้หญิงด้วย?
“เพราะแบบนี้ฉันเลยใส่ความฝันว่า…” ตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นคนมีการศึกษาต้องเลือกใช้คำให้เหมาะสม เสี่ยวเชี่ยนจึงหาคำใหม่มาทดแทน
“ไปเก็บดอกเบญจมาศที่ริมรั้วจนเอวเคล็ดตื่นเช้าไม่ได้ นายเข้าใจนะ?”
“แค่กๆ!” อวี๋หมิงหลางเนื้อติดคอ ต่อไปเวลากินข้าวห้ามให้เมียเขาพูดเรื่องแบบนี้จะดีกว่า เกือบทำเขาอาหารติดคอตาย!
“ฉันแค่อยากบอกคนพวกนั้นว่า ท่าทีที่เย็นชาในวันนี้อาจกลายเป็นการนองเลือดในวันพรุ่งนี้ การนิ่งเฉยเวลาคนอื่นเจอเรื่องเดือดร้อนหรือแม้แต่ความสงสารที่มนุษย์ควรมีก็ไม่มีให้ วันหนึ่งหากพวกเขาเกิดอันตรายแล้วจะพบว่าข้างกายไม่มีใครให้ขอความช่วยเหลือ ฉันเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม นายว่าถูกไหมล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนยื่นน้ำให้อวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางแกล้งหยิกจมูกเธอ “คุณสวยมาก คุณพูดถูกแล้ว!”
“สวยอะไร ไม่เห็นเหรอว่าตัวฉันสกปรกขนาดนี้?” เสี่ยวเชี่ยนดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาดู มีทั้งเลอะแป้ง เลอะดิน
“ตอนนี้คุณดูสวยเป็นพิเศษ เชื่อผมสิ”
ผู้หญิงที่ปกป้องครอบครัว ปกป้องคนอื่น สวยที่สุดแล้ว
“หมอตี๋ ดูอะไรอยู่น่ะ?” อาเพียวแอบขโมยหมูในชามของหมอตี๋ แล้วสะกิดหมอตี๋
หมอตี๋ละสายตาจากเสี่ยวเชี่ยน
“เปล่า แอบกินหมูของฉันอีกแล้วเหรอ?”
“ยังไงนายก็กินไม่ได้สุดท้ายก็ต้องให้ฉันอยู่ดี”
“นายมันหมูตอน เอาไปเลยเอาไปให้หมดเลย” หมอตี๋เอาหมูให้อาเพียว อาเพียวดีใจจนดวงตาเป็นประกาย
“เยี่ยมเลย! เดี๋ยวฉันไปเอาหมั่นโถวเพิ่มดีกว่า~ หมูน้ำแดงเด็ดสะระตี่ ฉันจะกินมันให้เรียบ!”
“จอมตะกละเอ๊ย…” หมอตี๋ส่ายหน้าให้อาเพียว จอมตะกละที่เห็นแก่กินยังคิดจะงัดข้อกับเฉินเสี่ยวเชี่ยน เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นแสดงฝีมือเมื่อตอนบ่ายเพียงพอที่จะทำให้อึ้งกันหมดทุกคน
ล้างสมองผู้ชายได้หลายคนภายในช่วงเวลาสั้นๆ แถมยังทำสำเร็จด้วย หมอตี๋ยิ่งสงสัยในตัวเสี่ยวเชี่ยนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เหมือนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ เหมือนมืออาชีพในแวดวงจิตวิทยาที่มากไปด้วยประสบการณ์การรักษามากกว่า