แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1047 ฉิวฉิวปฏิเสธคำขอโทษ
“ฉิวฉิว?! มาได้ไง?” พ่อฉิวฉิวยังแอบคิดว่าตัวเองตาฝาด
เขาทั้งตกใจทั้งดีใจ ลูกมาเยี่ยมเขาแล้ว!
“ได้ยินว่าใกล้ตาย ผมเลยมาดูว่ายังหายใจอยู่หรือเปล่า ก็ยังไหวนี่ ดูยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจบ้าบอนั่น สงสัยยังตายไม่ได้”
ฉิวฉิวเอาผลไม้ที่ซื้อมาไปวางที่โต๊ะข้างหัวเตียงพลางเหลือบมองผู้ชายที่อยู่บนเตียง
ห่างจากที่เจอครั้งก่อนแค่ไม่กี่วัน แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตาแก่ที่ชอบทำตัวขวางหูขวางตานี่แก่ลงไปเยอะ?
ร่างกายซูบซีดลงไปมาก ตาก็โปน
“ฉิวฉิว อย่าพูดกับพ่อตัวเองแบบนั้นสิ ก่อนหน้านี้ที่อาไปคุยธุรกิจกินยาแก้ปวดไปก่อนทั้งนั้น” พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของฉิวฉิวกลัวฉิวฉิวจะทำคนป่วยสะเทือนใจรีบพูดแก้สถานการณ์ขึ้นมาก่อน
ฉิวฉิวชี้ไปที่ประตู “ออกไป ผมมีเรื่องจะคุยกับลุงนี่”
“แต่ว่า—” พี่ชายรู้สึกไม่วางใจ สองพ่อลูกคู่นี้เจอกันทีไรก็ทะเลาะกัน จากสถานการณ์ในตอนนี้กลัวคนป่วยจะโมโหตาย
“ออกไป!”
ฉิวฉิวตะโกน พี่ชายไม่กล้าอยู่ต่อรีบเดินออกทันที
ฉิวฉิวหยิบกล้วยออกมาจากถุง ปอกไปพูดไป
“ระยะสุดท้ายแล้ว?”
“ใช่…”
“ผ่าตัดแล้วจะอยู่ได้อีกกี่ปี?” เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรที่รู้ว่าพ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รู้แค่ว่าคนบางคนจากที่เคยเรี่ยวแรงดีหาเรื่องให้โมโหได้ไม่หยุดหย่อน แต่แค่ชั่วพริบตากลับป่วยหนัก
ราวกับฝันไป ไม่ใช่ความจริง
“ไม่แน่นอน หมอบอกว่าอาการพ่ออยู่ในช่วงเริ่มต้นของระยะสุดท้าย หลังผ่าตัดถ้ามันไม่ลุกลามก็อยู่ได้อีกสามถึงห้าปี แต่ถ้ามองในแง่ดีก็อาจมีปาฏิหาริย์”
พ่อฉิวฉิวไม่คิดว่าจะมีวันที่คุยเรื่องเป็นเรื่องตายกับลูกโดยไม่ทะเลาะกัน ช่วงเวลานี้เรื่องราวในอดีตทั้งหมดไม่สำคัญแล้ว
ฉิวฉิวรู้ว่าพ่อพูดแต่ในกรณีที่สถานการณ์เป็นไปในทางที่ดี ยังมีกรณีที่หากผ่าตัดล้มเหลวแล้วมะเร็งแพร่กระจายด้วย บางทีอาจเสียชีวิตเลยก็ได้
เขาแน่ใจว่าตัวเองเกลียดตาแก่คนนี้ แต่เวลานี้ในใจของเขากลับเกิดความเสียใจที่ตัวเองควบคุมไม่ได้
“เห็นแก่ตัวจริงนะ เอาความเจ็บปวดมาให้ผมทั้งชีวิต ผมอยากจะพิสูจน์ให้เห็น ไม่ว่าผมจะเป็นหญิงหรือชายก็ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติได้ ตอนนี้ผมกำลังจะประสบความสำเร็จ แต่พ่อกลับจะมาจากไป พ่อไปสบายแล้วนึกถึงผมบ้างไหม?”
พ่อฉิวฉิวดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาเริ่มไหล “ขอโทษนะฉิวฉิว พ่อเองก็ไม่อยากป่วย ตรวจเจอก็ระยะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้พ่อเป็นห่วงอยู่อย่างเดียวก็คือลูก—”
“หุบปาก!” ฉิวฉิวไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้ เขาชี้พ่อด้วยความโกรธ พอคิดได้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคือคนป่วยเขาจึงเอามือลง สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พยายามควบคุมอารมณ์
“เราถอยกันคนละก้าว เรื่องบริษัทนับจากนี้ไปผมจัดการเอง พ่อพักผ่อนรักษาตัวไป พ่อยังติดค้างชีวิตคนปกติที่ยังไม่ได้คืนให้ผม เพราะฉะนั้นยังไปไหนไม่ได้ พ่อต้องอยู่ชดใช้ความผิด ผมจะให้พ่ออยู่ดูว่าผมมีความสุขยังไง ผมจะทำให้พ่อรู้ว่าเรื่องในอดีตที่พ่อเคยทำพวกนั้นมันผิดพลาดขนาดไหน พ่อยังตายไม่ได้เข้าใจไหม? พ่อติดค้างผม พ่อต้องอยู่ต่อ”
พ่อฉิวฉิวฟังแล้วก็สะอื้น “พ่อขอโทษ…”
หลังจากที่ได้คุยกับเสี่ยวเชี่ยนไป ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าความผิดปกติของฉิวฉิวมีต้นเหตุมาจากเขา แต่ตอนนี้ต่อให้เขาอยากชดใช้ความผิดก็จนปัญญาแล้ว ใครจะไปรู้ว่าสวรรค์จะให้เขาจากไปเมื่อไร
สิ่งที่ติดค้างไว้ก็คงต้องติดค้างต่อไป
“ไม่ต้องมาพูดขอโทษกับผม! โลกนี้คำที่ไร้ประโยชน์ที่สุดก็คือคำว่าขอโทษ พ่อทำชีวิตผมเป็นแบบนี้แล้วมาพูดขอโทษมันได้อะไร? มันทำให้ชีวิตผมกลับไปเป็นอย่างคนปกติได้เหรอ? ตอนนี้สิ่งที่พ่อทำได้ก็คือหาทางดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไป แบบนั้นมันถึงจะเป็นการชดใช้ให้ผมเข้าใจไหม?”
ตาแก่คนนี้เป็นคนที่ฉิวฉิวเกลียดเข้ากระดูกดำ แต่ฉิวฉิวกลับไม่อยากให้เขาตายไปแบบนี้ เพราะอะไรเขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน นี่เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อน
“พ่อก็อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ว่า…ความตายมันสั่งได้ดั่งใจเหรอ? ฉิวฉิว พ่อเขียนพินัยกรรมไว้แล้ว ถ้าการผ่าตัดล้มเหลว กิจการเหมืองแร่ของบ้านเราก็จะเป็นของลูก อีกหน่อยถ้าลูกอยากรับช่วงต่อก็ทำไป ถ้าไม่ก็แต่งงานกับผู้ชายสักคนแล้วให้เขามาดูแลแทน”
“ผมไม่อยากได้เงินของพ่อหรอก เรามาเจรจาต่อรองกัน ผมจะดูแลเหมืองแร่ของพ่อ ธุรกิจที่พ่ออยากเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นผมก็จะสานต่อให้ แต่พ่ออย่ามาก้าวก่ายเรื่องชีวิตคู่ของผม ผมจะแต่งงานหรือไม่มันก็เรื่องของผม อีกหน่อยผมเลือกจะอยู่กับใครพ่อก็ไม่ต้องมาสน ถ้าพ่อรับปากได้ผมจะอยู่ แต่ถ้าไม่รับปากผมก็จะไปเดี๋ยวนี้”
พอได้ยินว่าฉิวฉิวยอมรับช่วงกิจการต่อ ใบหน้าพ่อฉิวฉิวก็เริ่มฉายแววดีใจ ถึงตอนนี้ฉิวฉิวจะบอกว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องแต่งงาน แต่ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้วช่องว่างระหว่างพ่อลูกก็แคบลงไปมาก มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาคืนดีกัน
ถ้าก่อนตายได้รับการให้อภัยจากลูก เขาก็คงตายอย่างสบายใจ
“มีชีวิตอยู่ให้ได้เข้าใจไหม? ผมยังอยากให้พ่อได้เห็นว่าผมเก่งแค่ไหน” ฉิวฉิวยื่นกล้วยที่ปอกเปลือกแล้วไปที่ปากพ่อ พ่อฉิวฉิวกัดหนึ่งคำด้วยความตื้นตัน จากนั้นก็คิดสักพักแล้วถึงถามขึ้น
“แกกับผู้หญิงที่เป็นนักข่าวนั่น—”
ถึงลูกจะไม่ยอมรับเขา แต่พ่อฉิวฉิวก็ตามสืบข่าวคราวของลูกตลอด รู้ว่าฉิวฉิวคบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังไปได้สวย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่พ่อฉิวฉิวกลุ้มใจที่สุด
“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาจะมานั่งคิดเรื่องรักๆใคร่ๆ พ่อก็เลิกคิดซะ เตรียมตัวรอผ่าตัดก็พอแล้ว”
พอนึกถึงลิลลี่น้อยที่ทั้งน่ารักทั้งขี้อาย หัวใจของฉิวฉิวก็เจ็บปวด
วันนี้เขาทำเธอเสียใจขนาดนั้น ต่อไปคงเป็นไม่ได้แม้แต่เพื่อน
เขาทำไม่ได้ที่จะให้เธอมาร่วมแบกรับอะไรหนักๆแบบนี้ไปด้วยกัน ถ้าพ่อเขาเป็นอะไรไปจริงๆ ต่อให้เขากับไป๋จิ่นได้คบกันก็คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
เขาจะเป็นยังไงไม่สำคัญ แต่ไป๋จิ่นไม่ได้ผิดอะไรด้วย
ผู้หญิงที่แสนดีแบบนั้น ต้องโทษเขาที่ไม่มีบุญได้ลงเอยกับเธอ
ตามคาด พอได้ยินว่าฉิวฉิวเลิกกับไป๋จิ่นแล้วพ่อฉิวฉิวก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที
“ดี เลิกกันแล้วก็ดี พวกแกคบกันน่ะไม่ดีหรอก อย่าไปทำเขาเสียเวลาเลย ลองดูนะว่าทางนั้นต้องการอะไรชดเชยไหม เราจะให้เงินหรือว่าใช้เส้นให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งก็ได้ เอาเป็นว่าอย่าไปมาหาสู่กันอีกก็แล้วกัน ฉิวฉิว แกเป็นแบบนี้พ่อดีใจมาก ในที่สุดก็เหมือนคนปกติแล้ว”
เมื่อเทียบกับสีหน้าดีใจของพ่อ เวลานี้ในใจของฉิวฉิวเหมือนมีเลือดออกซิบๆ
หึหึ ปกติเหรอ
ใช่ เขา ‘ปกติ’ แล้ว แต่ในใจของคนที่ ‘ไม่ปกติ’ บอบช้ำแค่ไหนใครจะรู้
คำๆนี้ได้ทำลายความหวังและกำลังใจของเขาทั้งหมด แต่ใครใช้ให้โชคชะตาบีบเขาให้ต้องมาอยู่ในจุดที่หันหลังกลับไม่ได้อีกแล้วนี้ล่ะ
อวี๋หมิงหลางเลิกงานกลับมาก็ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนคุยโทรศัพท์พอดี
“เจิ้งซวี่ มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
เอ๋? โทรหาอดีตศัตรูหัวใจตัวฉกาจ?
อวี๋หมิงหลางหูผึ่งขึ้นมาทันที เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองเขา เขารีบแสร้งทำเป็นมองไปที่อื่นเหมือนไม่ได้สนใจไม่ได้แอบฟังคนคุยโทรศัพท์
เสี่ยวเชี่ยนแอบขำในใจ หมอนี่อยากรู้จะตายแล้วสินะ?
อืม ปล่อยให้อยากรู้ไปแบบนั้นแหละ เธอชอบดูเวลาเขาร้อนใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ประธานเชี่ยนต้องเป็นกองหนุนช่วยฉิวฉิว ส่วนเสี่ยวเฉียงก็นอนในบ่อจิ๊กโฉ่ไปก่อนแล้วกัน