แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1103 คู่อลเวง
ถ้ามนุษย์เราสามารถทำตัวเลือดเย็นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็คงดี คนเลือดเย็นไม่มีทางคิดสงสารคนอื่น คนเลือดเย็นไม่เคยรู้สึกอะไรกับใคร คนเลือดเย็นสามารถมองทุกคนเป็นเพียงเศษหญ้า เห็นน้ำตาของคนอื่นก็พูดแดกดันว่าทำตัวเป็นแม่พระ
แต่เสี่ยวเชี่ยนทำไม่ได้
อวี๋หมิงหลางมองเธอร้องไห้อย่างเงียบๆ น้ำตาหยดลงบนพื้น เธอร้องไห้เขาก็เช็ดน้ำตาให้ ร้องออกมาได้เป็นเรื่องดีเสมอ
เสี่ยวเชี่ยนร้องไห้สักพักเขาถึงอุ้มเธอมานั่งบนตัก ลูบหลังเธอเบาๆพลางพูดอย่างอ่อนโยน
“คุณทำเพื่อพวกเขาเท่าที่คุณจะทำได้แล้ว ถึงตอนนี้ผลกรรมที่คนชั่วนั่นได้รับจะเทียบไม่ได้กับความเลวที่มันเคยทำ แต่คุณก็ได้ช่วยระบายความโกรธแค้นให้เหยื่อที่ตายไปแล้ว”
“ฉันรู้ว่าตัวเองทำสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี ตอนที่สะกดจิตฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร ฉันถามตัวเองว่าฉันคือฉันหรือเป็นคนร้ายนั่นกันแน่ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
เขาก็คือยาขนานเอกของเธอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เศร้าเสียใจแค่ไหน เขาก็มักจะพาเธอออกมาจากวังวนแห่งความทุกข์ได้เสมอ
“ผมไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดในการรักษาของพวกคุณ แต่ถ้ามองในมุมของสามี ผมมีวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณรู้ว่าตัวเองเป็นใคร”
“วิธีอะไร?” เธอมองเขาอย่างสงสัยด้วยดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้
อวี๋หมิงหลางทำมือบอกให้รอก่อน จากนั้นก็ไปโทรขอหยุดสามวันจากผู้บังคับบัญชา เดิมไม่ได้รับอนุญาต แต่อวี๋หมิงหลางเล่าสถานการณ์ของเสี่ยวเชี่ยนให้ฟัง ผู้บังคับบัญชาจึงลังเล
“ให้คนอื่นอยู่เป็นเพื่อนเขาไม่ได้เหรอ? ให้นักจิตวิทยาของหน่วยงานเราไปดูแลก็ได้” งานของอวี๋หมิงหลางไม่ธรรมดา อีกทั้งเบื้องบนยังให้ความสำคัญกับเขามาก
“ต่อให้มีหมอเก่งกว่านี้ก็สู้สามีไม่ได้หรอกครับ ผมขออนุญาตใช้วันลาตอนแต่งงานให้หมดครับ”
“ก็ได้ ผมอนุญาต”
“ขอบคุณครับ!”
“เดี๋ยว ฉันยังพูดไม่จบ!” ปลายสายเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“One คุณต้องดูแลหมอเฉินให้ดีๆนะ เธอเป็นคนเก่งที่หาได้ยาก”
“เธอจะเก่งหรือไม่ผมไม่แคร์ ผมรู้แค่ว่าเธอเป็นรักเดียวของผมในชาตินี้ ตอนนี้เธอต้องการผมครับ”
ประโยคนี้ดึงดูดสายตาของเสี่ยวเชี่ยนที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา ผู้ชายที่แทบไม่เคยพูดหวานคนนี้กลับพูดคำหวานออกมาในเวลาที่เธอต้องการที่สุด มันตราตรึงอยู่ในใจเธอ
การอยู่เคียงข้างเป็นคำสารภาพรักที่ยืนยาวที่สุด ขอบคุณที่ข้างกายเธอมีเขา
อวี๋หมิงหลางวางสาย เดิมเสี่ยวเชี่ยนอยากจะโผเข้ากอดเขาเพื่อแสดงถึงความซาบซึ้งใจ แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นเขาเริ่มถอดเสื้อผ้า
ไวมาก…
“นาย—” เธออยากถามเขาว่าจะทำอะไร แต่กลับถูกชิงถามก่อน
“บอกผมมาว่าคุณคือใคร”
“ฉันคือเฉินเสี่ยวเชี่ยน”
เธอหรี่ตามอง ตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ดีมาก ต่อ”
นี่เป็นการค้นหาที่ลึกลับเสียจนไม่อาจบรรยาย เป็นสงครามที่ช่วยให้เธอค้นหาตัวเอง เม็ดเหงื่อของเขาหยดลงบนตัวเธอ คล้ายกับว่ามันจะช่วยละลายจิตใจของเธอ สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเธอ
ค่ำคืนนี้การค้นหาว่าคุณคือใครไม่ได้หยุดลง ทดสอบจิตวิญญาณ
โลกมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยคนที่ลุ่มหลงในความรัก ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแดดฟ้าลมฝน ลุ่มหลงในเกียรติที่มาจากหน้าที่การงาน แต่กลับตื่นเพราะความรัก
อวี๋หมิงหลางใช้วันลาแต่งงานที่มีค่าของเขาพาเสี่ยวเชี่ยนหายไปจากสายตาของทุกคน
ส่วนทางด้านต้าอีกับพี่รองต้องเผชิญกับพายุโหมกระหน่ำ
ตอนที่อวี๋หมิงอี้ทราบเรื่องแล้วรีบกลับมา พ่านพ่านได้ถูกช่วยกลับมาแล้ว
พ่านพ่านถูกคนที่นึกไม่ถึงช่วยกลับมา พูดให้ถูกก็คือสองคน
คนที่พาพ่านพ่านกลับบ้านไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คืออาข่ากับเจิ้งซวี่นั่นเอง
อาข่าได้รับคำสั่งจากศาสตราจารย์ชีให้แอบปกป้องเสี่ยวเชี่ยนอย่างลับๆ แต่เรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก กว่าอาข่าจะรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนไปเจอคนร้ายตามลำพังก็สายไปเสียแล้ว ตอนนั้นเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปในห้องลับของคนร้ายแล้ว
อาข่าตกใจมากรีบรายงานศาสตราจารย์ชี ศาสตราจารย์ชีโมโหแทบบ้า ด่าอาข่ายกใหญ่ แต่การด่าก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เสี่ยวเชี่ยนเข้าไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่มีใครรู้ อยากจะช่วยตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
ทางนี้ทำได้แค่รอเสี่ยวเชี่ยนออกมาพลางทำความดีเท่าที่ช่วยได้ ศาสตราจารย์ชีรีบสั่งให้อาข่าไปตามหาพ่านพ่าน เขารู้ว่าเด็กคนนี้สำคัญกับเสี่ยวเชี่ยนมาก ดังนั้นอาข่าถึงได้ออกปฏิบัติการ
และเป็นเรื่องบังเอิญมากที่เจิ้งซวี่ก็กำลังช่วยตามหา
ตระกูลอวี๋แทบจะใช้ทุกเส้นสายที่มีในการตามหาพ่านพ่าน ดังนั้นช่วงเวลาที่เจอพ่านพ่านจึงไวกว่าที่อวี๋หมิงหลางออกมาบอกที่อยู่ของพ่านพ่าน
ตอนอาข่าไปเจอพ่านพ่าน เจิ้งซวี่ก็พาคนเข้ามาเจอกันพอดี ตอนนั้นอาข่าอุ้มพ่านพ่านอยู่ เจิ้งซวี่คิดว่าอาข่าเป็นคนลักพาตัวเด็กจึงสั่งคนให้จับอาข่ามัดไว้
ถึงอาข่าจะเรียนไม่เอาไหน แต่เรื่องวิชาป้องกันตัวก็ใช้ได้ ลูกน้องของเจิ้งซวี่ล้มเธอไม่ได้ เจิ้งซวี่จึงอาศัยที่ตัวเองรูปร่างสูงกว่ารวบตัวอาข่าไว้แน่น พาขึ้นรถไปพร้อมกับพ่านพ่าน เตรียมรอเสี่ยวเชี่ยนสอบสวน
“นอกจากก้นนายจะมีริดสีดวงแล้วตานายก็มีด้วยใช่มะ? ตาบอดหรือไง ฝ่ายพันธมิตรยังแยกไม่ออกอีก!” หลังอาข่าถูกจับมัดปากก็ยังไม่หยุดด่า
เจิ้งซวี่นั่งฟังนิ่งๆ แต่ลูกน้องที่ขับรถอยู่เดือดร้อนแทน ด่ามาขนาดนี้ลูกพี่ยังไม่จัดการอีก?
“หุบปาก” เจิ้งซวี่สั่งให้อาข่าเงียบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แต่ไม่ได้ทำให้อาข่าสงบสติอารมณ์ได้ เธอด่าแรงกว่าเดิม แต่คนขับงงหนักกว่า เขาหันไปเห็นฝรั่งด่าภาษาจีน แถมด่าไฟแลบอีกต่างหาก
“ทำไมพ่อนายถึงได้ปล่อยนายออกมาเพ่นพ่านนะ? ฉันน่าจะให้บอสฉันมาดูนายหน่อย”
“ทำไมต้องให้บอสเธอมาดูฉันด้วย?” เจิ้งซวี่ถาม
ลูกน้องแทบอยากจะก้มลงคำนับลูกพี่ทั้งตัว ปกติลูกพี่เขาไม่ได้ใจเย็นขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้พูดจาแย่มากลูกพี่ก็ยังจะคุยด้วย ไม่เห็นอดทนกับคนอื่นแบบนี้
“เพราะบอสฉันรักษาคนเป็นโรคประสาทโดยเฉพาะ ฉันว่านายเหมือนคนไข้โรคประสาท หลังจากที่นายเป็นโรคประสาทแล้วตัวเบาขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ? ตดทีลอยไปชั้นห้า เบาหวิว!”
เจิ้งซวี่เส้นเลือดปูดตรงหน้าผาก ยัยหัวทองนี่พลังเยอะจริงๆ อยากจะหาอะไรยัดปาก
“หุบปาก”
“ฉันไม่หุบ! เก่งนักจับฉันมัดได้แน่จริงก็ปล่อยฉันสิ? มาสิ เดี๋ยวจะอัดให้แม่จำไม่ได้เลย!” ถ้าไม่ถูกมัดมือไว้อาข่าอยากจะชูนิ้วกลางด้วย
เจิ้งซวี่มองพ่านพ่านที่อยู่ในอ้อมกอด เด็กน้อยกำลังมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นเจิ้งซวี่ก็หันไปมองอาข่าที่ถูกมัดเหมือนบ๊ะจ่าง เขาถึงกับต้องนวดขมับ
จะปล่อยให้ยัยผู้หญิงคนนี้ด่าตามอำเภอใจไม่ได้แล้ว เดี๋ยวพาเด็กเสียคน
ครั้นแล้วเขาจึงล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมายัดปากอาข่า ทำเป็นไม่สนใจสายตาอาฆาตของเธอ
หมอนี่ รอเธอเป็นอิสระก่อนเหอะเดี๋ยวเจอสั่งสอน! อาข่าสาบานในใจ