เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 390 ให้กำเนิด 7 / ตอนที่ 391 หลอกลวง 1
ตอนที่ 390 ให้กำเนิด 7
น่าหลันฉิงได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงแล้ว หลังจากป้อนนมให้กุยอวิ๋นอิ่มแล้วก็รีบอุ้มเขาไปหา เมื่อเข้ามาเห็นฮูหยินผู้เฒ่านั่งเงียบขรึม พลันรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ฮูหยินผู้เฒ่ามองแวบเดียวก็ดูออกว่านางคือน่าหลันฉิง พระสนมฝ่ายในแห่งตำหนักหรงฉ่งหกตำหนัก สุดท้ายถูกสั่งขังไว้ในพระตำหนักเย็นคนนั้น สมัยก่อนนางรู้สึกชื่นชมและนับถือน่าหลันฉิงมาก อย่างไรแล้วการที่ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถมาถึงตำแหน่งเช่นนางได้เช่นนี้ ต่อให้พึ่งพาวงศ์ตระกูลก็ยังเป็นเรื่องยาก ฮูหยินผู้เฒ่าไม่คิดว่าฮ่องเต้ไม่ทรงมีพระทัยให้นาง หากว่าไม่ทรงมีพระทัย ก็ไม่มีทางทรงทำอะไรให้คนทั้งแผ่นดินเข้าใจว่าพระองค์ไร้เยื่อใยต่อน่าหลันฉิง ทรงกระทำอะไรได้ถึงขั้นนี้
ทว่าหลังจากที่เฟิงหลีเลี่ยและมู่หรงชูอวิ๋นคบหากันแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็เกิดอคติขึ้นมา พลันรู้สึกว่าหลานสาวสุดที่รักของนางน่าสงสารเหมือนกับเฟิงหลีเลี่ย มู่หรงชูอวิ๋นถูกฉินอวิ๋นซินทอดทิ้ง ส่วนเฟิงหลีเลี่ยก็ถูกน่าหลันฉิงทอดทิ้ง ทั้งยังถูกฮ่องเต้ทิ้งขว้างมาหลายปีเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าไม่ค่อยดีกับน่าหลันฉิง อย่างไรเสียการที่คนเป็นแม่ใจร้ายสามารถทอดทิ้งลูกของตัวเองได้ ไม่คิดจะเหลียวแลบ้างเลย มู่หรงชูอวิ๋นยังถือว่าโชคดีกว่าเฟิงหลีเลี่ย อย่างน้อยทุกคนในตระกูลมู่หรงก็รักและทะนุถนอมนางไว้ในอุ้งมือ แต่เฟิงหลีเลี่ยกลับต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาเพียงลำพังตลอดเวลาหลายปี ตอนนี้เฟิงหลีเลี่ยถือว่าเป็นญาติคนหนึ่งของนาง มีศักดิ์เป็นหลานเขยของนาง แน่นอนว่าจะให้คนอื่นมารังแกไม่ได้ จะรังแกใครก็รังแกไปแต่หากมารังแกคนของนาง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางอ่อนข้อให้แน่ เจอคนร้ายใส่ก็ต้องร้ายตอบ
รับกุยอวิ๋นทารกน้อยตัวอ่อนนุ่มในอ้อมอกของน่าหลันฉิงมา ได้เห็นดวงตาดำขลับสุกใสราวกับไข่มุกเปล่งประกายดูงดงามเป็นพิเศษ เส้มผมอ่อนนุ่มละเอียดอ่อนยิ่งกว่าเส้นไหมหลายส่วน หน้าตาละหม้ายคล้ายกับเฟิงหลีเลี่ย นอกจากดวงตาที่เหมือนกับมู่หรงชูอวิ๋นราวกับแกะสลักแล้ว ส่วนอื่นๆ บนใบหน้าก็เหมือนกับเฟิงหลีเลี่ย เมื่อทารกน้อยมาอยู่ในอ้อมอกของฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวตกใจเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่กระพริบอยู่พลันหลับลงอย่างสบายใจ “เลี้ยงง่ายเสียจริง” นี่ก็คือเหลนชายของนาง ต้องเฝ้ารอมานานกว่าที่เขาจะมาเกิด เห็นเขาแล้วใจก็อ่อนระทวย ก้มริมฝีปากแนบลงบนกระหม่อมอวบอิ่มของทารกน้อย
ครั้งแรกที่เฟิงเยี่ยนเฉิงได้เห็นทารกน้อยเกิดมา ได้แอบถามเสียงกระซิบ “เสด็จแม่อุ้มมาผิดคนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” แม้ว่าเฟิงหลีเลี่ยและมู่หรงชูอวิ๋นจะไม่ได้หน้าตาดีเท่ากับเขา แต่ก็ไม่ได้ขี้เหล่ เหตุใดจึงให้กำเนิดเด็กน้อยเฒ่า ผิวหนังเ**่ยวย่น ตัวแดงเหมือนแก้มลิง ดวงตาหลับสนิทอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็ร้อง “อุแว๊” เสียงดัง
กุยอวิ๋นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก ร้องไห้ขึ้นมาทันที เฟิงเยี่ยนเฉิงยกมือที่เปียก หันมองน่าหลันฉิงด้วยสายตาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
น่าหลันฉิงชายตามองเขา “แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่ก็ฟังเข้าใจว่าคำพูดของคนอื่นหมายความว่าอย่างไร? ระวังตัวไว้เถิดอีกหน่อยเขาจะไม่ยอมให้เจ้าอุ้ม เมื่อครู่เขาคงจะเข้าใจว่าเจ้าพูดว่าเขาดูไม่ดีกระมัง” น่าหลันฉิงมองพิจารณาอยู่นาน ให้ดูอย่างไรก็ดูดี ไหนเลยจะเหมือนตอนที่นางคลอดเฟิงเยี่ยนเฉิงออกมา ตอนนั้นนางยังนึกสงสัยว่าเฟิงหรงสวี่ไปสลับตัวเด็กกับคนอื่นมาผิดคนหรือไม่
เฟิงเยี่ยนเฉิงก้มมองรอยเปียกเป็นวงพร้อมกลิ่นสาบเด็ก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ เขาชอบเสื้อผ้าตัวนี้เป็นที่สุด ปกติจะทะนุถนอมเป็นพิเศษ
เฟิงหรงสวี่ยิ้มอย่างจริงใจ สมัยก่อนลูกชายของเขาก็ปัสสาวะรดใส่เขา มาถึงวันนี้หลานชายก็ปัสสาวะใส่ลูกชายของเขา ช่างเป็นโชคชะตาจริงๆ ทำอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้น
ฉินอวิ๋นซินอดใจไม่อยู่รีบเข้ามาดู “ช่างน่าเกลียดน่าชัง หน้าตาเหมือนอวิ๋นเอ๋อร์มากจริงๆ” อดไม่อยู่เอามือลูบไล้ใบหน้ารูปไข่ของทารกน้อย ผิวนุ่มเหมือนมู่หรงชูอวิ๋นเหลือเกิน ทันใดนั้นน้ำตาพลันเอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตาของนาง
น่าหลันฉิงสีหน้าไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก หน้าตาเหมือนกับลูกชายของนางอย่างเห็นได้ชัก ไม่ว่าคนฉลาดมีตาคนไหนล้วนแต่ดูออกกันทั้งนั้น ถึงวันนี้มู่หรงชูอวิ๋นต้องมามีสภาพเช่นนี้ก็เพื่อให้กำเนิดบุตรชาย นางเองก็รู้สึกสงสารจับใจ
ช่วงนี้เฟิงหยี่ยนเฉิงตามติดอยู่ข้างน่าหลันฉิง ช่วยดูแลมู่หรงชูอวิ๋นโดยตลอด บางครั้งก็จะทำหน้าเคร่งขรึมแล้วสั่งทารกน้อยตัวอ่อนนุ่มที่ขี้เกียจจะลืมตา “เรียกข้าเสด็จอาสิ”
ตอนที่ 391 หลอกลวง 1
ทารกน้อยในผ้าอ้อมไหนเลยจะฟังความหมายที่เขาบอกได้เข้าใจ ทารกน้อยหาวฟอดใหญ่แล้วผล็อยหลับไปอีกคร้ัง เฟิงเยี่ยนเฉิงทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด เหตุใดทุกครั้งที่เขาอุ้มทารกน้อยก็จะหลับเสมอ เขาแทบอยากจะหยิกพวงแก้มของทารกน้อยแรงๆ เสียเหลือเกิน ทว่าเขาไม่กล้า เพราะยังมีอีกหลายคนที่กำลังจ้องพร้อมตะคลุบเป็นพญาเสืออยู่ด้านข้าง
เดิมทีตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าและฉินอวิ๋นซินยังไม่มา เจ้านายก็มีไม่กี่คนเท่านั้น ทารกน้อยมีเพียงคนเดียวทว่าก็พอจะแบ่งกันอุ้มเล่นได้ ถึงตอนนี้พวกนางมาทีเดียวพร้อมกันสองคน อีกทั้งยังโปรดปรานทารกน้อยคนนี้มาก บางครั้งพวกนางเอาทารกน้อยไปอุ้มนานครึ่งวันเวียนมาไม่ถึงเฟิงเยี่ยนเฉิงสักที เขายังอุ้มเล่นได้ไม่เท่าไร แม่นมก็มาอุ้มทารกน้อยไปป้อนนมเสียแล้ว
ช่วงหลายวันนี้มู่หรงสิงติดตามคอยช่วยงานอยู่กับเฟิงหรงสวี่ ตั้งแต่มู่หรงชูอวิ๋นเกิดเรื่องเฟิงหลีเลี่ยก็ไม่ได้มาทำงานอีกเลย เฟิงหรงสวี่ได้แต่ยุ่งหัวหมุนตั้งแต่ฟ้าสางยันฟ้าสลัวคนเดียว การมาของมู่หรงสิงทำให้เขามองเห็นแสงสว่าง ไหนเลยที่จะปล่อยไปได้ง่ายๆ จะต้องเรียกให้มาช่วยงานอย่างสุดชีวิต นอกจากวันแรกที่มู่หรงสิงได้เห็นทารกน้อย วันอื่นๆ เขาก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับภาระงาน แม้แต่โอกาสได้พักหายใจยังไม่มี แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยบ่น อย่างไรแล้วในอนาคตเมื่อเฟิงหรงสวี่ได้ขึ้นครองราชย์ ก็จะเป็นเจ้าเหนือหัวของเขาแล้ว
“สิงเอ๋อร์ วิธีของเจ้าไม่เลว” เฟิงหรงสวี่เอ่ยชมอย่างใจกว้าง ทั้งผืนแผ่นดินเป็นสีขาวเงินดูสะอาดสะอ้าน เกล็ดหิมะยังคงเบาเหมือนปุยขาวของเมล็ดหลิว ดั่งปุยฝ้าย ดั่งขนห่านที่ลอยไปตามลมเต็มม่านฟ้า
มู่หรงสวี่ไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็น มีเพียงแรงปรารถนาอันแรงกล้า ในสายตาของเฟิงหรงสวี่แล้วมู่หรงสิงเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะอายุห่างกันไม่มาก ทว่าเฟิงหรงสวี่ก็คือลูกศิษย์ของมู่หรงจาง
“ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว กระหม่อมเพียงแต่พูดความคิดในจินตนาการของตัวเองออกไปก็เท่านั้น ต้องขอบพระทัยที่ท่านอ๋องไม่ถือสาพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาเฉี่ยวดั่งเฟิงหวงของมู่หรงสิงบังเอิญเหลือบมองไปยังที่ที่หนึ่ง จึงรีบกล่าวกับเฟิงหรงสวี่ “ท่านอ๋อง กระหม่อมยังมีเรื่องต้องไปทำ ต้องขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้รับอนุญาตจากเฟิงหรงสวี่แล้ว ก็รีบเร่งไปยังที่ที่หนึ่งด้วยความรีบร้อน ฝีเท้าว่องไวราวกับเหาะ มือข้างหนึ่งจับหัวไหล่ของคนทางด้านหน้าไว้ เมื่อนางหันกลับมาจึงได้พบกับใบหน้าอันคุ้นเคย ไร้ซึ่งความยินดีที่ได้พบหน้ากันอีกคร้ัง มีเพียงน้ำเสียงที่ซ่อนความโกรธเคือง “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?” หากฟังให้ละเอียดจะได้ยินว่าเป็นน้ำเสียงที่รอดผ่านช่องฟันออกมา
แววตาของคนผู้นั้นตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานก็กลับสู่สภาพปกติ พลางตอบมู่หรงสิงด้วยท่าทีให้ความเคารพ “เกรงว่าคุณชายมู่หรงคงจำคนผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงสาวรับใช้ของท่านอ๋อง หาใช่เพื่อนของท่านไม่เจ้าค่ะ” พูดจบเตรียมจะขอตัวลา ทว่าไหนเลยที่มู่หรงสิงจะยอมปล่อยนางไปง่ายๆ
มือที่จับหัวไหล่ของนางไว้กระชับแน่นทั้งทิ้งน้ำหนักขึ้นอีก ราวกับจะบีบให้แหลกสลายเสียเขาถึงจะพอใจ ดวงตาดำขลับคู่นั้นลึกล้ำและเปล่งประกายดุจดั่งดวงดาราพิศวงสองดวง เปี่ยมด้วยความโมโหอย่างที่สุด นัยน์ตามีเลือดคลั่งตามเส้นเลือดฝอยและดูหม่นหมองลงมาก บางครั้งดูคล้ายกับดวงตาของร่างไร้วิญญาณ เห็นแล้วน่าตกใจเป็นที่สุด
“เยียนหรูเสวี่ย เจ้าช่างเล่นลิ้นเก่งเสียจริง ถึงว่าข้าพลิกแผ่นดินตามหาเจ้าอย่างไรก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ที่แท้ก็มาหลบอยู่ข้างกายข้านี่เอง” ข้าก็ยังโง่ไปตามหา ไม่ยอมละทิ้งความพยายามเลยสักครั้ง ผ่านไปนานยังรู้สึกเป็นกังวลว่าหากตัวเองทำตามมู่หรงจางยอมสวามิภักดิ์ต่อเฟิงหรงสวี่แล้ว นางจะดูถูกตนหรือไม่ใครจะรู้ได้
เยียนหรูเสวี่ยก้มหน้าราวกับสาวใช้ที่เชื่อฟัง ไม่เหมือนกับทุกครั้งเวลาที่มู่หรงสิงได้พบนาง จะมีประกายรังสีเยียบเย็นเสียดแทงกระดูกที่เกิดมาพร้อมกับนาง อีกทั้งสายตาต่อต้านในยามที่นางปฏิเสธเขา
“หากว่าเจ้าไม่ใช่จริงๆ เช่นนั้นก็ไปพิสูจน์ต่อหน้าเฟิงหลีเลี่ยด้วยกันว่าเจ้าไม่ใช่เยียนหรูเสวี่ย” นาทีนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาไม่ได้เจอกับคนที่ทำให้เขาเป็นห่วงกังวลคนนั้น เช่นนั้นแล้วนางจะยังมีชีวิตอยู่ในความฝันของเขา ให้เขาสามารถลิ้มรสความรู้สึกเช่นนั้นได้เป็นปกติ หาใช่เพื่อมาบอกกับเขาว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขานั้นถูกหลอก ถูกคนล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา