ตามใจรัก สาวนักแฮก - ตอนที่ 846 ความบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อ / ตอนที่ 847 ไม่มีมนุษย์ต่างดาวสักตัว
- Home
- ตามใจรัก สาวนักแฮก
- ตอนที่ 846 ความบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อ / ตอนที่ 847 ไม่มีมนุษย์ต่างดาวสักตัว
ตอนที่ 846 ความบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อ
พวกเขาทุกคนดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลานั้น เพราะพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงของโลก
…
ซิงเหอไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะได้บินขึ้นไปในอวกาศ มู่ไป๋กับแซมก็เหมือนกัน ภารกิจของพวกเขาถือว่าพิเศษจริงๆ พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าภารกิจสำคัญแบบนี้จะตกมาเป็นหน้าที่ของพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงเหอ ความบังเอิญแบบนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย
แซมยังจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เขายังหาทางเอาชีวิตรอดบนถนนในประเทศ Y อยู่เลย ใครจะไปรู้ว่าโชคชะตาของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้
พระเจ้าได้กำหนดให้กลุ่มแซมวูลฟ์กับซิงเหอมาเจอกัน และชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหลังจากการพบกันโดยบังเอิญครั้งนั้น พวกเขามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศ Y และช่วยกำจัดสมาคมไอวี จากนั้นพวกเขายังได้ช่วยโลกให้ปลอดภัยอีกด้วย…
ตอนนี้เขากำลังติดตามซิงเหอเพื่อเดินทางไปในอวกาศ แซมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน ทำไมชีวิตเขาถึงโชคดีแบบนี้
มู่ไป๋ก็กำลังคิดเรื่องเดียวกัน เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่สองปี และความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ เซี่ยซิงเหอ เธอเป็นคนพิเศษ เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
ความคิดที่ว่าจะได้ใช้ช่วงเวลาที่เหลือในชีวิตของเขาไปกับผู้หญิงคนนี้ทำให้มู่ไป๋เต็มไปด้วยความสุข เขาไม่สนใจเงินทองและชื่อเสียงอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คืออยู่ข้างๆ เธอตลอดไป ไม่ว่าเธอจะไปลงเอยที่ไหนก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ ผู้ชายสองคนเลยมีความสุขมากเท่าที่จะสามารถมีได้ในขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังอวกาศที่ไม่รู้จัก พวกเขาไม่รู้สึกกังวลหรือกลัวเลย
ซิงเหอเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ถึงแม้ว่าอนาคตจะยังไม่แน่นอน แต่เธอก็ไม่กังวล ถ้าจะให้พูด เธอคาดหวังกับการเดินทางที่ไม่ธรรมดาครั้งนี้มาก
คนบนโลกเฝ้ามองยานอวกาศที่ค่อยๆ หายไปในท้องฟ้า พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น พวกเขาก็น่าจะไปลงจอดที่ดวงจันทร์ได้สำเร็จ
หลังจากเปลี่ยนแปลงพิกัดอย่างต่อเนื่องอยู่หลายครั้ง ซิงเหอก็ใช้เวลาประมาณสามวันเพื่อไปถึงดวงจันทร์ ชั่วขณะที่ยานอวกาศลงจอดบนพื้นแข็งๆ ความรู้สึกในหัวใจของพวกเขาก็ปลอดโปร่งขึ้น
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะผ่อนคลายได้ เพราะพวกเขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับความลำบากมากมายที่ไม่คาดคิดในเร็วๆ นี้
“บางทีนั่นอาจจะเป็นฐานทัพของพวกเขา” มู่ไป๋สังเกตอาคารสีเข้มผ่านกล้องส่องทางไกลของเขาจากข้างในยานอวกาศ ตัวอาคารเรืองแสงสลัวๆ ภายใต้แสงไฟอ่อนๆ พวกเขาสามารถเห็นได้ทันทีว่าอาคารสร้างขึ้นมาจากผลึกพลังงานสีดำ
ซิงเหอพยักหน้า “น่าจะเป็นอย่างนั้น ให้ฉันติดต่อสือเจี่ยนก่อน”
ซิงเหอเปิดเครื่องมือสื่อสารและไม่นานก็สัญญาณก็ส่งไปถึงสือเจี่ยน ฝ่ายหลังดีใจที่ได้รู้ว่าพวกเขามาถึงแล้ว “คุณเซี่ย พวกเราเห็นยานอวกาศของคุณแล้ว เข้ามาได้เลยครับ ผมต้องขอโทษด้วยเพราะพวกเราไม่สามารถออกไปต้อนรับคุณได้”
“พวกเราจะเข้าฐานทัพได้ยังไงคะ” ซิงเหอถามอย่างตรงประเด็น
สือเจี่ยนตอบ “ไม่ต้องห่วงครับ มีประตูแค่บานเดียวในฐานทัพเท่านั้นที่ล็อกอยู่ คุณสามารถเดินเข้ามาได้เลย”
“โอเคค่ะ”
หลังจากที่ซิงเหอวางสาย เธอก็บอกมู่ไป๋กับแซม “ไปกันเถอะ”
“ไม่มีปัญหา!” แซมตอบอย่างตื่นเต้น จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ใส่ชุดอวกาศและถังออกซิเจนของตัวเองเพื่อเตรียมตัวจะลงจากยานอวกาศ
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้เดินบนดวงจันทร์ ความรู้สึกของพวกเขาซับซ้อนขณะที่ศึกษาพื้นดินขรุขระที่ทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า
ตอนที่ 847 ไม่มีมนุษย์ต่างดาวสักตัว
พวกเขากำลังอยู่บนดวงจันทร์จริงๆ ดวงจันทร์ที่พวกเขาเคยเห็นในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ การดูรูปกับการได้มาเห็นด้วยตัวเองเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
มู่ไป๋กุมมือของซิงเหอโดยไม่รู้ตัว เป็นการบ่งบอกว่าเขารู้สึกไม่ปลอดภัยกับสถานที่แห้งแล้งที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ ซิงเหอบีบมือเขากลับ เธอยิ้มและพูด “ไปกันเถอะ”
“โอเค” มู่ไป๋พยักหน้า เมื่อพวกเขาเตรียมที่จะเดินต่อไปข้างหน้า แซมก็เรียกพวกเขาอย่างกะทันหัน “รอฉันแป๊บนึงนะ”
ซิงเหอกับมู่ไป๋หันหลังกลับมามองแซมปักธงลงไปบนพื้น มันเป็นธงขนาดใหญ่แต่รูปบนนั้นไม่ใช่ธงของประเทศใดทั้งนั้น มันเป็นรูปของแซม นี่เป็นสิ่งที่เขาสั่งให้คนทำก่อนที่พวกเขาจะจากโลกมา ในรูปเขาสวมเสื้อผ้าเข้าชุดและกำลังแสร้งเก๊กหล่ออยู่
ตามข่าวลือช่างภาพต้องถ่ายรูปเป็นร้อยๆ รูปก่อนที่เขาจะพอใจกับรูปนี้ในที่สุด หลังจากจัดธงให้เข้าที่เข้าทาง แซมก็เลียนแบบท่าทางบนธงของเขาแล้วถามทั้งสองคน “คิดว่าไง หล่อไหม”
ซิงเหอกับมู่ไป๋อยากจะหัวเราะ
“อืม หล่อ ตอนนี้พวกเราไปกันได้หรือยัง” ซิงเหอพยักหน้าแล้วพูดอย่างไม่จริงใจ
“เดี๋ยวก่อน คุณช่วยถ่ายรูปให้ฉันสักสองสามรูปเป็นที่ระลึกของช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันทีนะ!” แซมพูดแกมขอร้อง ซิงเหอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมผ่อนปรนให้ จากนั้นเขาก็อยากจะช่วยถ่ายรูปให้ทั้งสองคนบ้าง มู่ไป๋ไม่ปฏิเสธ เขาดึงตัวซิงเหอเข้ามา ใช้มือโอบเอวเธอแล้วโพสท่า
ชั่วขณะนั้นแซมก็ได้แต่ก่นด่าความปากสว่างของตัวเอง ทำไมเขาถึงต้องอาสาช่วยพวกเธอถ่ายรูปด้วย เขามอบโอกาสสมบูรณ์แบบที่จะให้พวกเธอแสดงความรักต่อกัน อย่างไรก็ตามเขายังคงช่วยถ่ายรูปให้พวกเธอสักสองสามรูปเพื่อให้มันจบๆ ไป
หลังจากถ่ายรูปเสร็จกลุ่มของซิงเหอก็รีบเดินทางต่อไปยังฐานทัพ ฐานทัพดูเหมือนจะอยู่ตรงหน้าพวกเขา แต่มันก็ยังทำให้พวกเขาเสียเวลาและพลังงานอย่างมากด้วยการเดินอย่างช้าๆ ผ่านพื้นผิวที่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตของดวงจันทร์
โชคดีที่ทั้งสามคนอยู่ในช่วงที่แข็งแรงที่สุด ดังนั้นมันเลยไม่ได้ทำให้พวกเขาเหนื่อยมากนัก อย่างไรก็ตามต้องบอกว่าดวงจันทร์ไม่เหมาะสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์จริงๆ
ไม่นานความสนใจในตอนแรกของพวกเขาก็จางหายไปหลังจากเดินทางอย่างต่อเนื่องแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีพืช สัตว์ หรือแม้แต่มนุษย์ต่างดาว ไม่มีอะไรเลยนอกจากหินแล้วก็หิน และหลุมอุกกาบาตแล้วก็หลุมอุกกาบาต
แซมถามอย่างอยากรู้ “ที่นีมีอะไรดีนักหนาถึงทำให้เฮ่อหลานหยวนต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตั้งหลายสิบปี ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเสียสติ”
ถ้าเป็นเขาคงอยู่ได้ไม่ถึงวัน
ซิงเหอเองก็สงสัยเหมือนกัน “เขาแยกออกตัวออกมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายสิบปีเพื่อจะครองโลก ทำไปทำไมกันนะ”
“นั่นน่ะสิ ฉันยอมละทิ้งอำนาจปกครองโลกดีกว่าต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลานานเพื่อให้แผนการบรรลุผล” แซมพูดอย่างเห็นด้วย
มู่ไป๋เสริม “ถ้าอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าสือเจี่ยนจะไม่ได้โกหก ไม่มีใครอยากอยู่ในสถานที่แบบนี้หรอก”
“มันเป็นเรื่องอัศจรรย์จริงๆ ที่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่กลายเป็นบ้า” แซมพูดด้วยความชื่นชมอยู่ระดับหนึ่ง
ซิงเหอถอนหายใจ “มันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาทุกคนคงจะถูกส่งตัวมาที่นี่ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก นับจากนั้นพวกเขาก็ถูกขังอยู่ที่นี่และไม่มีที่อื่นให้ไป”
“เจ้าเฮ่อหลานหยวนนั่นมันบ้าจริงๆ! เขาสมควรได้รับจุดจบแบบนี้แล้ว” แซมรู้สึกสงสารคนที่อยู่ในฐานทัพ ไม่นานทั้งสามก็มาถึงฐานทัพด้วยความระมัดระวัง
ตอนที่ยังอยู่ไกลๆ พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าฐานทัพนี้ใหญ่แค่ไหน แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนแคระเมื่อเทียบกับขนาดของสถานที่นี้