ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 271 เมี่ยวอวี้ / ตอนที่ 272 เช่ารถม้า
ตอนที่ 271 เมี่ยวอวี้
นางหันหน้ากลับมามองหลิงอ๋อง เมื่อนึกถึงท่าทีโกรธเคืองก่อนหน้าที่จวินอู๋เหินจะกลับไปก็กำมือแน่น เอ่ยปากร้องขอว่า “เสด็จพ่อ ลูกอยากจะออกไปท่องเที่ยวหย่อนใจจริงๆ นะเพคะ พักนี้เกิดเรื่องต่างๆ มากมาย เมืองเฟิ่งเฉิงแห่งนี้ก็ช่างน่ากลัวยิ่งนัก”
“ไม่ได้ ด้านนอกอันตรายเกินไป เรื่องนี้พ่อก็ได้ตัดสินใจแล้ว ไม่จำต้องกล่าวถึงอีก” หลิงอ๋องเปลี่ยนท่าทีจากรักใคร่เอ็นดูในยามปกติ เน้นย้ำในคำพูดของตัวเอง อย่างไรเสียก็ไม่อาจเห็นด้วย
เมื่อพูดขึ้นมาเช่นนี้อวี้อาเหราก็ไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาอีก ตอนนี้หลิงอ๋องก็ได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่านางจะร้องขออย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
หลังจากได้รู้จักมานาน นางก็รู้ว่าหลิงอ๋องนั้นรักใคร่เอ็นดูนางอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันมามายมาย ไหนเลยจะยอมปล่อยให้บุตรสาวที่ตนรักต้องไกลจากตัวเองได้เล่า
“เจ้ากลับห้องไปพักเถิด หากต้องการจะเล่นอะไรหรืออยากกินอะไรก็ให้คนมาบอกกล่าวกับพ่อ เพียงแต่เรื่องที่จะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกนั้นที่ไม่ต้องยกขึ้นมาพูดอีก ไปเถิด” หลิงอ๋องออกคำสั่ง อวี้อาเหราเองก็จนปัญญาที่จะรบเร้าต่อไป “เช่นนั้นลูกขอทูลลาเพคะ”
หลังจากออกมาจากห้องหนังสือแล้ว เจาเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูเห็นนางหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็รีบเข้ามาถามทันที
“เมื่อครู่นี้บ่าวเพิ่งจะเห็นท่านอ๋องน้อยเดินยิ้มออกไป ยังนึกว่าท่านอ๋องทรงยินยอมแล้วเสียอีก กลับไม่คิดว่า…ท่านอ๋องจะทรงไม่ยินยอม เช่นนี้คุณหนูก็มิสู้พักผ่อนรักษาร่างกายเถิดเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้แล้วยังจะมีโอกาสก็ได้นะเจ้าคะ”
“เฮ้อ” อวี้อาเหราถอนหายใจออกมา กวาดตามองเจาเอ๋อร์อย่างจนใจ ตอนนี้นางก็ทำได้แค่นี้เท่านั้นล่ะ
หลังจากที่สองนายบ่าวกลับไปถึงเรือนพักแล้ว หลิงอ๋องก็ได้ส่งสาวใช้ที่ดูท่าทางคล่องแคล่วผู้หนึ่งมา
เจาเอ๋อร์เดินนำนางเข้ามาในห้อง สาวใช้ผู้นั้นรูปร่างคล่องแคล่วปราดเปรียว เมื่อเห็นอวี้อาเหราแล้วก็รีบคุกเข่าลงคารวะทันที “บ่าวคารวะคุณหนูรองเจ้าค่ะ”
“เจ้าคือ?” อวี้อาเหราที่กำลังดื่มชาอยู่นั้นพลันชะงักไปเล็กน้อย
“ท่านอ๋องทรงเห็นว่ามีเจาเอ๋อร์คอยดูแลคุณหนูคนเดียวนั้นเกรงว่าจะยุ่งเกินไป อีกทั้งคุณหนูใหญ่ก็ยังมีสาวใช้ตั้งสองสามคนคอยช่วยดูแล เพราะอย่างนี้จึงส่งเมี่ยวอวี้มาช่วยเหลือดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของคุณหนูเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ตอบด้วยวาจาฉะฉาน
อวี้อาเหราหลุบสายตาลง มุมปากเผยเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย แม้ต่อหน้าหลิงอ๋องจะส่งเมี่ยวอวี้มาคอยดูแลนาง แต่ความจริงแล้วคงเพราะกลัวว่านางจะแอบหนีออกไปนอกจวนสินะ เมื่อคิดเช่นนี้นางก็เงยหน้าขึ้น “เมี่ยวอวี้ใช่หรือไม่? เป็นชื่อที่ดีนัก เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่กับข้าเถิด เพื่อตอบแทนความปรารถนาดีของเสด็จพ่อ”
“ขอบพระคุณคุณหนูรองเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ทำความเคารพอย่างยินดี
เจาเอ๋อร์ลอบปรายตามองเมี่ยวอวี้เล็กน้อย เมื่อเห็นว่าถ้วยชาของอวี้อาเหราว่างเปล่าก็รีบเข้ามารินชาให้ แต่ยังไม่ทันจะแตะกาน้ำชา กลับถูกเมี่ยวอวี้ชิงแย่งไปเสียก่อน แต่ปรากฏว่าในกาน้ำชานั้นไม่มีน้ำชาอยู่แล้ว เมี่ยวอวี้จึงได้แต่ยิ้มอย่างขออภัย “คุณหนูรองโปรดรอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปชงชามาให้ใหม่เจ้าค่ะ”
“อืม ไปเถิด” อวี้อาเหราพยักหน้าลง
เมื่อเมี่ยวอวี้ไปแล้ว เจาเอ๋อร์ที่ถูกแย่งหน้าที่ก็ไม่ค่อยยินดีเท่าไรนัก “คุณหนูเจ้าค่ะ เมี่ยวอวี้ผู้นี้ชัดเจนว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝง เห็นว่านางกระตือรือร้นเช่นนี้ แต่นางก็คงคิดว่าเป็นท่านอ๋องที่ส่งนางมาแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่นี่ก็ช่างมันเถิดเจ้าค่ะ แต่เหตุเท่านถึงยอมให้นางอยู่ที่นี่ล่ะเจ้าคะ”
“เจาเอ๋อร์ เจ้าอิจฉาหรือ” อวี้อาเหราหัวเราะ “เสด็จพ่อคิดจะส่งนางมาจับตาดูข้า เช่นนั้นข้าจะให้นางดูเสียให้พอ ต้องเอานางไว้ใกล้ๆ ตัวสิถึงจะค่อยวางใจ อีกอย่างนางก็ดูฉลาดเฉลียวเกินไปหน่อย มีความจำเป็นใดที่เจ้าต้องกระฟัดกระเฟียดถึงเพียงนี้?”
“เจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินอวี้อาเหรากล่าวเช่นนี้ เจาเอ๋อร์ก็วางใจ เป็นการรับประกันว่าตัวเองนั้นสนิทสนมกับคุณหนูมากกว่าเมี่ยวอวี้ ในใจก็ค่อยคลายความไม่พอใจลง เพียงแต่เมี่ยวอวี้ผู้นี้ก็ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย…
ตอนที่ 272 เช่ารถม้า
อวี้อาเหราดื่มชาที่เพิ่งชงเสร็จในมือด้วยความสบายอารมณ์ หลังจากที่โดนหลิงอ๋องปฏิเสธนางก็ไม่ได้แสดงท่าทีร้อนรนเลยแม้แต่น้อย ทำให้เจาเอ๋อร์ก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจคุณหนูของตนมากขึ้น
“เจาเอ๋อร์” จู่ๆ อวี้อาเหราก็เอ่ยถามขึ้นมาในทันที “ตอนนี้เป็นยามใดแล้ว”
“เรียนคุณหนู ใกล้จะถึงยามอู่[1]แล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมอาหารให้คุณหนูนะเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์มองออกไปยังท้องฟ้า แล้วจึงพูดขึ้นตามการคาดคะเน
อวี้อาเหราพยักหน้าลง “ดี เจ้าก็ไปที่ห้องครัวบอกให้คนเตรียมไว้ก็พอ แล้วอีกประเดี๋ยวเจ้าก็แอบออกไปเช่ารถม้าดีๆ มาสักคันเถิด”
“คุณหนูจะเอารถม้าไปทำอะไรหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์ตกใจ ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้ “ท่านคงไม่ได้คิดที่จะแอบออกไปนอกจวนหรอกนะเจ้าคะ”
“ไม่ผิด” ดวงตาของอวี้อาเหราวาบประกายแน่วแน่
“หา? ไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ หากท่านอ๋องรู้ว่าบ่าวจ้างรถม้าให้คุณหนู คงได้ตีบ่าวจนขาหักแน่ หากคุณหนูอยากจะให้บ่าวอยู่รับใช้ปรนิบัติท่านต่อ ก็อย่าได้หนีออกไปเลยนะเจ้าคะ…” เจาเอ๋อร์อ้อนวอนด้วยท่าทีเป็นทุกข์
อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมองนาง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีข่มขู่ “หากเจ้าไม่ไป เช่นนั้นข้าก็จะไปคนเดียว เมื่อถึงตอนนั้นหากเสด็จพ่อรู้ว่าเจ้าดูแลข้าไม่ดี จะต้องลงโทษเจ้าเป็นแน่ ตกลงเจ้าจะไปหรือไม่”
“คุณหนู เหตุใดท่านถึง…”
เหตุใดจะต้องบีบบังคับนางด้วยเล่า? ในใจของเจาเอ๋อร์แอบหลั่งน้ำตา ในเมื่อบังคับนางเช่นนี้ นางก็คงได้แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน “เช่นนั้นคุณหนูคิดจะออกไปเมื่อใดหรือเจ้าคะ”
“ก่อยยามฟ้าสางของวันพรุ่งนี้”
เมื่ออวี้อาเหราเห็นเจาเอ๋อร์เดินออกไปด้วยความจนใจ ที่ริมฝีปากก็แย้มยิ้มออกมาอย่างยินดี
ในเมื่อหลิงอ๋องไม่ยอมให้นางออกไปอย่างเปิดเผย เช่นนั้นนางก็ต้องแอบหนีออกไปน่ะสิ!
หลังจากที่เจาเอ๋อร์ออกไปแล้ว เมี่ยวอวี้ก็เพิ่งจะชงชาเสร็จและเดินเข้ามาพอดี
อวี้อาเหรามองนางเล็กน้อยด้วยสายตาเรียบเย็น “เจ้าออกไปเฝ้าด้านนอกเถิด ในห้องมีเจาเอ๋อร์คอยปรนิบัติข้าอยู่แล้ว”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวขอลา” เมี่ยวอวี้เข้าใจความนัยในคำพูดของนาง
อวี้อาเหรายกมือเท้าคาง อย่างไรเสียเจาเอ๋อร์นั้นอยู่ข้างกายนางมานานถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังซื่อสัตย์ภักดีเป็นที่สุด ทว่าเมี่ยวอวี้ผู้นี้แม้ว่าจะเป็นคนของหลิงอ๋อง แต่อย่างไรนางก็ไม่ใช่หลิงอ๋อง ต่อไปหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทางที่ดีก็ควรจะหลีกเลี่ยงนางเอาไว้จะดีกว่า
เจาเอ๋อร์ยกอาหารเข้ามา มองเมี่ยวอวี้ที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกแล้วย่นจมูก แล้วจึงค่อยเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นอวี้อาเหราก็ยิ้มและกล่าวว่า “คุณหนู ท่านนี่จริงๆ เลยนะเจ้าคะ เมี่ยวอวี้เป็นคนที่ท่านอ๋องส่งมาให้แท้ๆ เหตุใดท่านถึงได้ให้นางออกไปคอยรับใช้อยู่ภายนอกเล่าเจ้าคะ”
“หรือเจ้าอยากจะเปลี่ยนหน้าที่กับนาง?” อวี้อาเหราเลิกคิ้วมองเจาเอ๋อร์ที่กำลังพูดจาเหน็บแนม
“เช่นนั้นก็ช่างเถิดเจ้าค่ะ บ่าวก็ชอบปรนนิบัติคุณหนูมากกว่า” เจาเอ๋อร์รีบส่ายหน้าทันที
“ทานข้าวเถิด” อวี้อาเหราหุบยิ้ม ก่อนจะมองอาหารในถาดที่นางยกเข้ามา
“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์วางอาหารเรียงรายตรงหน้านาง
หลังจากทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว หลังจากรอให้เจาเอ๋อร์เก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อย เมี่ยวอวี้ก็เข้ามาพร้อมกับชาร้อนหนึ่งถ้วย ยิ้มแย้มขณะที่กล่าวกับอวี้อาเหราว่า “บ่าวเกรงว่าคุณหนูจะรับประทานอาหารจนเลี่ยน เช่นนั้นจึงตั้งใจที่จะชงน้ำชามาให้เจ้าค่ะ ชาชนิดนี้ช่วยกำจัดอาการเลี่ยนได้ กลิ่นหอมสดชื่น คุณหนูลองดื่มดูสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ”
“หลังทานอาหารเสร็จ คุณหนูมักจะชอบทานขนม” เจาเอ๋อร์ไม่พอใจอยู่บ้าง
อวี้อาเหราได้กลิ่นหอมมาแต่ไกลๆ จึงไม่สนใจคำพูดของเจาเอ๋อร์อีก “เอาสิ เจ้ายกเข้ามาเถิด”
สีหน้าของเจาเอ๋อร์ยิ่งฉายชัดถึงความไม่พอใจ
เมี่ยวอวี้ยกน้ำชาเข้ามาด้วยท่าทีที่ยินดีเป็นยิ่งนัก
อวี้อาเหรารับมาจิบน้อยๆ หนึ่งคำ ก็มองออกได้ว่าเมี่ยวอวี้ผู้นี้ช่างเอาใจใส่ยิ่งนัก น้ำชาถ้วยนี้ไม่เหมือนน้ำชาที่เคยดื่มยามปกติ เมื่อกลืนลงคอไปแล้วก็รู้สึกลื่นคอ ความเลี่ยนของอาหารที่มีก็ชืดจางไป นางจึงดื่มชาถ้วยนี้จนหมดด้วยความพออกพอใจ
——
[1] ยามอู่ ช่วงเวลา 11.00 – 13.00 น.