ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 301 เก็บสมุนไพร / ตอนที่ 302 ทำมิดีมิร้าย
ตอนที่ 301 เก็บสมุนไพร
“…” ได้ยินดังนั้น อวี้อาเหราและฉู่ป๋ายก็พากันหันหน้ากลัยมามองท่านผู้เฒ่าอย่างพร้อมเพรียง
ฝ่ายไหนที่ไม่ไหว? อวี้อาเหรานึกย้อนไปถึงประโยคนี้แล้วก็รู้สึกขบขันยิ่งนัก สายตามองฉู่ป๋ายด้วยความรื่นเริง กลับเห็นเขาทำหน้าเคร่งเครียด ท่าทีเย็นชาเล็กน้อย คำพูดดีๆ กลับถูกตาเฒ่าบิดเบือนไปเสียนี่ ทำให้ความเป็นชายของเขาต้องสงสัยไปเสียได้
เมื่อเห็นนางยิ้มแย้มอย่างครื้นเครง ใบหน้าของฉู่ป๋ายก็ยิ่งเคร่งเครียดและนิ่งงัน
บรรยากาศพลันอึมครึมขึ้นมา ชายชราเห็นดังนั้นแล้วก็กระแอมไอออกมาเล็กน้อย “พวกเจ้าบอกว่าจะไปเก็บสมุนไพรกันไม่ใช่หรือ ยังไม่รีบไปอีก ข้าจะคอยดูแม่หนูนางนี้แทนพวกเจ้าเอง”
“ท่าน?” อวี้อาเหราไม่วางใจ นางจะปล่อยเนื้อเข้าปากเสือเฒ่าเจ้าเล่ห์เช่นนี้ได้อย่างไร
ชายชราเห็นท่าทีสงสัยของนางแล้วก็เต้นขึ้นมาเหมือนเจ้าเข้า “ยายหนูนี่เห็นข้าเป็นคนเช่นไรกัน? หากไม่วางใจเจ้าก็แบกไปเองสิ อย่าหน้าทนทิ้งเอาไว้ที่นี่ คิดว่าข้าจะเป็นคนที่เจ้าจะทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ!”
อวี้อาเหรากลอกตา ตาเฒ่าคนนี้ก็ไม่เห็นเจาเอ๋อร์อยู่ในสายตาเลย
ในยามที่คนทั้งสองแทบจะทะเลาะกันขึ้นมานั้น ฉู่ป๋ายก็เอ่ยขัดขึ้น โดยการหันไปพูดกับอวี้อาเหราว่า “เจ้าวางใจปล่อยเจาเอ๋อร์ไว้ให้ท่านผู้เฒ่าดูแลเถิด หากเขาจะทำอะไรก็คงทำไปนานแล้ว”
อวี้อาเหราถึงค่อยวางใจลงเล็กน้อย แต่ในใจก็ยังคงวิตกอยู่
“เจ้าไม่เชื่อเขาแล้วก็ยังไม่เชื่อข้าอีกหรือ” ฉู่ป๋ายเลิกคิ้ว
“ก็ได้ ครั้งนี้ข้าจะเชื่อเจ้า” อวี้อาเหราเห็นสีหน้าของเจาเอ๋อร์แย่ลงทุกที เช่นนั้นก็ไม่กล้าที่จะถ่วงเวลาไว้อีก มองชายชราด้วยสายตาดุๆ “ท่านดูแลเจ้าเอ๋อร์ให้ดี หากกล้าทำอะไรส่งเดชข้าจะกลับมาคิดบัญชีแน่”
“เฮอะ” ชายชราไม่สนใจคำพูดของนางแม้แต่น้อย กลับจ้องมองนางอย่างไม่สบอารมณ์
ทั้งสองเดินออกไปจากเรือนไม้ เดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาข้างตลาดมืด
ระหว่างทาง อวี้อาเหราก็ปรายตามองฉู่ป๋าย หลังจากที่เขาดื่มยาที่ชายชราผู้นั้นนำมาให้ก็มีสีหน้าดีขึ้นมาก จนทำให้นางรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “เจ้าเฒ่านั่นให้เจ้าดื่มยาอะไรกันแน่ ราวกับระงับอาการป่วยไว้ได้หมดเลยเชียว”
ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกสงสัย เพราะอาการป่วยของฉู่ป๋ายนั้น แม้ว่าจะเป็นหมอเทวดาก็ยังอับจนหนทาง แต่ชายชรากลับใช้เพียงยาถ้วยเดียวก็สามารถระงับอาการได้เสียแล้ว เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจยิ่งนัก
ฉู่ป๋ายส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน คงจะเป็นยาสมุนไพรที่เก็บมาจากบนภูเขากระมัง”
“เจ้าคิดว่าผู้เฒ่าคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับนักพรตเฒ่าหรือไม่” เงียบไปสักพัก อวี้อาเหราจึงค่อยเอ่ยปากถาม
ฉู่ป๋ายชะงัก คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นในฉับพลัน “จนถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังสงสัยเขาอยู่อีกหรือ”
นางไม่พูดจาโยกโย้อีกต่อไป ทั้งยังพยักหน้าหนักแน่น “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าพบกับเขาก็รู้สึกสงสัยแล้ว การกระทำของเขากลับเหมือนกับเฒ่าทารกไม่มีผิด แต่บางครั้งกลับทำทีเหมือนรู้อะไรมากมาย อย่างเช่นตอนที่รู้เรื่องสมุนไพรที่จะนำมาช่วยชีวิตเจาเอ๋อร์รวมไปถึงสมุนไพรที่ระงับอาการของเจ้าอีก คนทั่วไปจะรู้เรื่องพวกนี้หรือ”
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่มาก แต่ในโลกนี้ยังมีคนแปลกๆ อีกมากมาย เขาอาจจะไม่ได้เป็นนักพรตเฒ่าก็ได้” ฉู่ป๋ายพยักหน้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก แล้วจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจาเอ๋อร์ถูกพิษ เหตุใดนางถึงถูกพิษได้?”
“พวกเราเจอกับโจรปล้นฆ่าของตลาดมืดเข้า ยามที่ต่อสู้กันนั้น นายหญิงของฝั่งนั้นอยากจะฆ่าข้าเพื่อชิงหยกเลือด แต่ไม่คิดว่าเจาเอ๋อร์จะรับดาบแทนข้า และถูกพัดอาบยาพิษของฝ่ายนั้นโจมตีจนบาดเจ็บ ตอนนี้องครักษ์ของข้ากำลังตามนายหญิงคนนั้นไป หากนำยาถอนพิษกลับมาไม่ได้ก็หวังว่าจะใช้ยาสมุนไพรแก้พิษได้” อวี้อาเหรารีบเดินทาง แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยคร่าวๆ
ตอนที่ 302 ทำมิดีมิร้าย
ฉู่ป๋ายฟังเข้าใจแล้ว เมื่อรู้ว่านางกำลังร้อนรนก็ไม่ถามอะไรให้มากความอีก
ทั้งสองเห็นว่าใกล้จะถึงถนนใหญ่ของตลาดมืดแล้ว อวี้อาเหราจึงหยิบหน้ากากออกมาสองชิ้น แล้วยื่นชิ้นหนึ่งให้ฉู่ป๋าย “นี่เป็นหน้ากากของเจาเอ๋อร์ เจ้าสวมมันเอาไว้เถิด เพราะเพียงเสื้อผ้าที่เจ้าสวมอยู่นี้ก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาได้ พวกเราต้องรีบไปเก็บสมุนไพรแล้ว”
“ตกลง” เขาไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแต่รับหน้ากกากมาสวม หน้ากากสีดำเย็นเฉียบปิดบังความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาเอาไว้จนมิด
อวี้อาเหราได้เพียงแต่กะพริบตามอง จากนั้นก็สวมหน้ากากครอบใบหน้าของตัวเองไว้ ก่อนที่ทั้งสองเดินออกมาจากป่านั้น
อาภรณ์ที่ฉู่ป๋ายสวมใส่อยู่นั้นจำต้องกล่าวว่างดงาม รูปร่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของเขาทำให้เสื้อสีขาวธรรมดานั้นดูสูงส่งมากยิ่งขึ้น ราวกับเสื้อผ้าชุดนี้สร้างมาเพื่อเขา จนทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนท้องถนนต่างก็พากันเมียงมองมาที่เขาด้วยความสนใจเป็นจุดเดียว
อวี้อาเหราที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นกลับกลืนหายไปไม่โดดเด่นเลยทีเดียว
เมื่อเดินอ้อมตลาดมืดแล้วจึงค่อยมาถึงตีนเขา เมื่อมองเข้าไปภูเขาลูกนี้ก็คล้ายจะเป็นป่าเล็กๆ ไม่ใหญ่โตนัก หากต้องการหาสมุนไพรนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย หลังจากเดินเข้าไปแล้ว อวี้อาเหราก็ค้นหาสมุนไพรที่ชายชราอธิบายคุณลักษณะเอาไว้ไปทั่วบริเวณ
แต่เมื่อยามที่ต้องหาจริงๆ กลับไม่ง่ายเหมือนที่นางคิดเอาไว้ แม้ว่าสถานที่จะไม่ใหญ่นัก แต่การจะค้นหาต้นหญ้าเล็กๆ สักต้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ค้นหาอยู่นานก็ยังหาไม่พบ ก็อดเสียกำลังใจลงบ้างไม่ได้ นางนั่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น “ตาแก่นั่นจงใจหลอกข้าหรือเปล่านะ ที่นี่ไหนเลยจะมีสมุนไพรกัน หามาตั้งนานแล้วก็ยังหาไม่เจอ เจ้านั่นต้องใช้โอกาสนี้ในการทำมิดีมิร้ายเจาเอ๋อร์แน่ๆ”
เมื่อคิดดังนี้ นางก็เริ่มคิดว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ เช่นนั้นจึงผุดลุกขึ้นอย่างร้อนรน
ทว่ามือกลับถูกคนผู้หนึ่งฉุดรั้งเอาไว้ ฉู่ป๋ายยกยิ้มอย่างอ่อนใจ “เจ้าจะผุดลุกผุดนั่งไปทำไมกัน ที่นี่ยังมีอีกตั้งกว้างที่ยังไม่ได้หา เท่าที่ข้าเห็นท่านผู้เฒ่านั้นก็ไม่ได้เป็นเหมือนเช่นที่เจ้าคิดหรอก เชื่อเขาแล้วตั้งใจหาไปเถิด ไม่แน่ว่าอาจจะหาเจอก็ได้”
“ก็ได้” น้ำเสียงของเขาเหมือนมีมนต์สะกด จนทำให้นางที่จิตใจร้อนรุ่มก็สงบลงได้
หลังจากก้มหน้าก้มตาหาเป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็แหวกกอหญ้าไปหาจนพบ ได้ยินจากชายชราว่าสมุนไพรชนิดนี้ชอบที่เย็น ชอบขึ้นอยู่บริเวณที่อับแสง เป็นจริงดังคำว่า ดังนั้นนางจึงดีใจเสียจนกุมมือฉู่ป๋าย “ข้าหาเจอแล้ว!”
“ดีมาก” ฉู่ป๋ายพยักหน้ารับเบาๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนไปมากนัก
หลังจากที่อวี้อาเหราพบสมุนไพรแล้วก็เป็นธรรมดาที่จะรีบร้อนเอากลับไปแก้พิษให้เจาเอ๋อร์ แต่ก็พบว่าฉู่ป๋ายยังหาสมุนไพรที่ตัวเองต้องการไม่พบ เช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เจ้าหาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“หาไม่พบ คาดว่าคงจะไม่มีกระมัง ข้าเพียงได้ยินมาว่าที่นี่มีสมุนไพรที่ช่วยรักษาโรคของข้าได้ แต่ก็เพียงได้ยินมาเท่านั้น ดูแล้วก็คงจะไม่ช่วยอะไรหรอก” ฉู่ป๋ายพูดออกมาโดยไม่ได้กังวลใจอะไร ราวกับไม่ใช่เรื่องของเขาเอง
นางเข้าใจความรู้สึกของเขาที่ความคาดหวังกลับกลายเป็นความสูญเปล่า โรคกระหายเลือดทรมานเขามานานปี ไม่ง่ายเลยที่จะรับรู้ว่ามียาสมุนไพรที่ช่วยได้ แต่ทุกอย่างกลับสูญเปล่า ความรู้สึกเช่นนี้ยากเกินกว่าที่จะรับไหว แต่นางก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จึงเอ่ยขึ้นด้วยความห่อเ**่ยวว่า “หากหาไม่เจอก็กลับกันก่อนเถิด รอจนเจาเอ๋อร์ฟื้นแล้วข้าจะมาช่วยเจ้าหาเอง ไม่แน่อาจจะมีสมุนไพรเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นได้ เพียงแต่พวกเรายังหาไม่พบก็เท่านั้น”
“อืม ไปกันเถิด” เขาไม่ได้ปฏิเสธวาจาของนาง ทำได้แต่เพียงพยักหน้าเล็กน้อย สวมหน้ากากจนมองไม่เห็นใบหน้า ทว่ากลับสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าเสียจนด้านชาของเขา ต่อให้หัวใจดวงนี้จะเข้มแข็งมากกว่านี้อีกสักเพียงใด แต่มันก็มีวันที่สามารถอ่อนแอลงได้อย่างที่ใครคาดไม่ถึง