Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1026
ในที่สุด วันเริ่มที่ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ เริ่มแสดงก็มาถึง
ด้านนอกหน้าต่างเพิ่งจะมีแสงสว่างลอดเข้ามา วิคเตอร์ก็ถูกเสียงกุกกักๆ ที่ดังอยู่ข้างหูปลุกจนตื่นขึ้นมา เขาลืมตา ก่อนจะพบว่าอีกด้านหนึ่งของหมอนนั้นไม่มีใครนอนอยู่ สิ่งที่เหลืออยู่มีเพีบงแค่เส้นผมไม่กี่เส้นกับกลิ่นหอมจางๆ ของหญิงสาว
“ทิงเกิล?” เขาใช้เสียงแหบแห้งเรียกชื่อเธอขึ้นมา
“นาย…นายท่าน ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?” คนที่ตอบเหมือนจะดูลนลานนิดหน่อย “ข้าเสียงดังไปจนปลุกท่านตื่นหรือเจ้าคะ?”
วิคเตอร์พลิกตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ใบหน้าเขายิ้มออกมาเล็กน้อย
หญิงสาวกำลังหาวิธีใส่ชุดราตรีอยู่ เธอสวมมันเข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว เผยให้เห็นแผ่นหลังอันขาวนวลและหน้าอกที่ถูกปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ดูแล้วช่างมีเสน่ห์อย่างมาก
“ท่าน….อย่ามองข้าแบบนี้ได้ไหมเจ้าคะ?” ทิงเกิลหน้าแดง
นี่คือความรู้สึกที่ไม่มีทางได้รับจากคุณหนูชั้นสูง วิคเตอร์ยิ้มเล็กน้อย “ก็ได้ๆ ข้าไม่มองก็ได้ แต่ข้าจะบอกอะไรให้อย่าง ถ้าไม่มีคนช่วยเจ้า เจ้าไม่มีทางใส่มันได้ด้วยตัวคนเดียวหรอก”
“เอ๋….” อีกฝ่ายลนลานขึ้นมาทันที
“มานี่สิ เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง” เขาผายมือ “แต่ให้ข้ากินน้ำก่อนนะ ตอนนี้ข้าหิวน้ำจะแย่แล้ว”
….
หลังมัดเชือกเสร็จ วิคเตอร์ก็เอื้อมมือไปลูบเอวของเธอ “เรียบร้อย เหมาะกับเจ้าทีเดียว เห็นชุดราตรีดูบางเบาแบบนี้ ก่อนหน้าที่เชือกแบบยืดหดได้จะถูกประดิษฐ์ขึ้นมา พวกคนใช้ที่ต้องมาคอยช่วยคุณหนูสวมใส่มันต้องเลือกเอาแต่ตัวใหญ่ๆ เท่านั้นนะ ไม่อย่างนั้นไม่ได้มีทางที่จะใส่มันได้เลย”
“อย่างนี้นี่เอง” หญิงสาวแลบลิ้น “ข้าเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละเจ้าค่ะ…”
“ของชิ้นใหญ่หลายๆ อย่างของพวกขุนนางมันก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ภายนอกดูดี แต่เวลาใช้ขึ้นมากลับยุ่งยากอย่างมาก พูดง่ายๆ ก็คือสวยแต่ใช้ไม่ได้จริง” เขาพูดจริงๆ “ว่าไง อยากจะใส่มันออกไปข้างนอกแล้วใช่ไหม?”
“ปะ เปล่านะเจ้าคะ ข้าเพียงแต่อยากจะลุกขึ้นมาเตรียมตัวเร็วหน่อยเท่านั้น จะได้ไม่ทำให้ท่านเสียเวลาเดินทาง” ทิงเกิลรีบโบกมือ “เดี๋ยวข้ารีบไปเตรียมน้ำมาให้ท่านล้างหน้าล้างตากับเตรียมอาหารเช้าให้ท่านเจ้าค่ะ”
ใส่ชุดแบบนี้ไปทำงานเหรอ? วิคเตอร์มองดูสาวใช้ที่ดูตื่นเต้น แต่เขาก็ไม่ได้บอกให้เธอถอดชุดออก “ไปเถอะ เอาขนมปังปิ้งร้อนๆ กับไข่ดาวก็พอ อย่าลืมเอาของเจ้ามาด้วยล่ะ”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากเลยเจ้าต่ะ” เธอย่อตัวทำความเคารพให้เขา “แล้วก็ขอบคุณสำหรับชุดที่ท่านมอบให้ข้า….กับโอกาสในการไปดูการแสดงครั้งนี้เจ้าคะ”
หลังประตูปิดลง วิคเตอร์ก็ปีนขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับเทไวน์ให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
นี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของผู้หญิงประเภทนี้ ขอเพียงทำดีกับนางเล็กน้อย เขาก็จะได้รับความซาบซึ้งและการตอบแทนกลับมาอย่างมาก ถ้าคนที่เขาทำดีด้วยเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ เกรงว่าแม้แต่รอยยิ้มก็คงจะไม่ได้รับกลับมา
สำหรับเขาแล้วเงิน 80 เหรียญทองถือเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างมาก การไปดูละครสองคนมันย่อมต้องสนุกกว่าการไปดูคนเดียวอยู่แล้ว นี่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าใจกว้างหรือความรักอะไรเลย มันเป็นเพียงแค่ความต้องการส่วนตัวของเขาเท่านั้นเอง
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาอยากรู้ก็คือหนังเวทมนตร์ที่ราคา 40 เหรียญทองนี้มันจะสุดยอดแค่ไหนกัน?
……
“อาจารย์ ท่านจะไปจริงๆ เหรอ?” เรินต์เกนมองดูเคแกน เฟสที่เต็มตัวเต็มยศด้วยสีหน้ากังวล “ถึงแม้เมย์จะบอกว่าจะแนะนำละครเรื่องใหม่ของท่านให้กับฝ่าบาท แต่นั่นมันอาจเป็นแค่ข้ออ้างของนางก็ได้ ถ้านางอยากจะหาประโยชน์จากเชื่อเสียงของท่าน อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าท่านตกหลุมพรางของนางหรอกเหรอ?”
“ข้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน…ตอนนี้นางไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียว” อีเกรโปพูดงึมงำขึ้นมา “แนะนำละครใหม่อะไรกัน นางนึกอยากจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทก็เข้าเฝ้าได้เลยอย่างนั้นเหรอ”
“แต่สามีของนางคือหัวหน้าอัศวินนะ…ต่อให้เข้าเฝ้าไม่ได้ก็ยังฝากไปทูลฝ่าบาทได้ไม่ใช่เหรอ?” เบอร์นิสพูดอย่างระวัง
“เจ้าจะพูดแทนนางหรือไง?” เรินต์เกนถลึงตาใส่ “อย่าลืมสิว่านางทำอะไรกับเราไว้!”
“เอ่อ…อาจารย์บอกว่านางไม่ได้เป็นคนไปบอกทางสำนักงานเมืองไม่ใช่เหรอ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่านางโกหกหรือเปล่า”
“พอได้แล้ว!” เคแกนพูดตัดบท “ข้าไม่ได้ไปดูเพราะหวังจะให้นางแนะนำละครใหม่ของเรา นางจะโอหังยังไงมันก็เรื่องของนาง แต่พวกเราจะทำแบบนางไม่ได้ ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนางยังไง ข้าก็ต้องไปดูละครนั่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เขาส่งเสียงเหอะออกมา “พวกลูกนกที่เพิ่งจะได้สัมผัสกับการแสดงจะมาแสดงละครที่สมบูรณ์แบบอย่างนั้นเหรอ? เหอะ พูดมาได้! ถ้าไม่ไปดูให้เห็นกับตา ก็จะกลายเป็นว่าเราถูกนางขู่จนกลัว มีแต่ต้องไปดูมันก่อน เราถึงจะกระชากหน้ากากนางออกมาได้ไม่ใช่เหรอ?”
พูดจบเขาก็เอาตั๋วที่ดูสวยงามสี่ใบวางลงบนโต๊ะ “ดังนั้นของที่นางส่งมานี้มันไม่ใช่ตั๋ว หากแต่เป็นหนังสือท้ารบ! จะไปไม่ไปก็แล้วแต่พวกเจ้า แต่จำเอาไว้ว่าถ้าไม่ได้ไปดู ก็อย่ามาสะเออะวิจารณ์อะไร! ถ้าอยากจะรับคำท้าของนางก็ตามข้าไป”
….
ตอนเช้าสิบโมง หน้าประตูโรงละครแห่งใหม่มีเสียงผู้คนดังโหวกเหวกไปหมด
เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็สนใจหนังเวทมนตร์นี้อย่างมาก ถึงแม้จะไม่มีปัญญาซื้อตั๋วราคาเต็ม แต่ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยหวังว่าตัวเองจะโชคดีได้แอบดูตามช่องตามรูต่างๆ
แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าโรงละครแห่งนี้ไม่เหมือนกับโรงละครที่พวกเขาเคยเห็นมา มันไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว ตัวโรงละครเป็นเหมือนชามที่ถูกคว่ำเอาไว้ อย่าว่าแต่จะแอบดูตามช่องหน้าต่างเลย ต่อให้พวกเขาเอาแก้มไปแนบกับกำแพงก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงที่อยู่ภายในโรงละคร ขณะเดียวกันพื้นที่ของมันยังค่อนข้าง ‘กะทัดรัด’ อย่างมาก ขนาดของมันแค่ประมาณ 1 ใน 4 ของลานเมืองเท่านั้น กว้างยาวแค่ 15 เมตร สูงประมาณตึกชั้นนึง บวกกับกำแพงซีเมนตร์สีเทาภายนอกที่ไม่มีการตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าละครที่ก้าวข้ามยุคสมัยจะทำการแสดงขึ้นที่นี่
ในเวลานี้วิคเตอร์ได้พาทิงเกิลเดินเข้าไปในโรงละครด้วยความสงสัยแบบเดียวกัน
ในทางเดินที่เดินผ่านได้ทีละคนมีด่านตรวจตราอยู่หลายชั้น หลังเอาหินอาญาสิทธิ์และมีดสั้นที่พกติดตัวส่งให้กับเจ้าหน้าที่แล้ว เขาถึงได้เข้าไปในโรงละครเสียที
พริบตาที่ผลักประตูเข้าไป สองตาของเขาพลันสว่างขึ้นมา
“ว้าว…” ทิงเกิลส่งเสียงอุทานออกมา
แม้แต่วิคเตอร์เองก็รู้สึกประหลาดใจ สิ่งที่โรงละครใช้ในการให้แสงสว่างนั้นคือหินเวทมนตร์!
ของที่มีราคาสูงลิ่วแบบนี้เขาเคยเห็นแค่ในแบล็คมันนี่เท่านั้น
การที่สามารถเอาพวกมันมาใช้ในสถานที่สาธารณะแบบนี้ได้นั้นแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเจ้าของ
ภายในโรงละครนั้นดูหรูหราอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแตกต่างกับภายนอกอย่างชัดเจน บนเพดานทรงโค้งมีหินเวทมนตร์ที่ส่องแสงสว่างแขวนอยู่สี่ก้อน ทำให้ภายในห้องที่ไม่มีหน้าต่างสว่างขึ้นมา อากาศอุ่นๆ ที่ไหลออกมาจากใต้เท้า ทำให้ภายในห้องอยู่ในสภาพที่อุ่นสบาย เก้าอี้นอนตั้งเรียงเป็นแถวๆ ล้อมพื้นที่ตรงกลาง ระยะห่างของมันประมาณหนึ่งช่วงแขน ด้วยเหตุนี้ภายโรงละครจึงดูกว้างขวางปลอดโปร่งอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้สึกถึงความคับแคบเลยแม้แต่น้อย
วิคเตอร์แอบรู้สึกว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้โรงละครขายตั๋วแพงขนาดนี้ พื้นที่ที่กว้างขวางทำให้การรับชมมีความสบายมากยิ่งขึ้น แล้วก็ยังทำให้สัดส่วนของเก้าอี้ค่อนข้างต่ำด้วย เมื่อดูจากจำนวนของเจ้าอี้ การแสดงรอบหนึ่งจะรับผู้ชมได้ประมาณ 50 – 80 คนเท่านั้น จำนวนอันนี้น้อยกว่าการแสดงปกติทั่วไปมาก ถ้าไม่เพิ่มราคาตั๋วขึ้น เกรงว่าคงไม่มีทางคืนทุนได้แน่
แต่ปัญหาต่อไปก็ตามมาทันที
เขามองไปรอบๆ แต่กลับมองไม่เห็นเลยว่าเวทีสำหรับแสดงอยู่ตรงไหน
ตรงกลางโรงละครมีเพียงเสาหินขนาดใหญ่ที่เชื่อมกับหลังคาเพียงแท่งหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นก็มีแต่เก้าอี้ ไม่มีสถานที่ที่เอาไว้สำหรับทำการแสดงเลย
หรือว่าคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์คิดจะเต้นระบำบนเสานี้?