Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1205 สัญญาณอันตราย
เช้าวันที่สอง ไลต์นิ่งบอกแผนการของตัวเองให้เมซี่ฟัง หลังทั้งสองคนพูดคุยตกลงกันอย่างง่ายๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไม่สำรวจพื้นที่ป่าหินอีก หากแต่จะบินตรงไปยังรอยแตกเลย
ไม่ว่าจะพบอะไรหรือไม่ หลังวาดแผนที่พื้นที่ตรงนี้เสร็จ พวกเธอก็จะกลับไปยังเทือกเขาสโนว์เพื่อรวมตัวกับแม่มดทาคิลา
ในเวลานี้พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า บริเวณเทือกเขาเต็มไปด้วยหมอกบางๆ บนทางน้ำที่ตัดกันไปมาจะเป็นเกล็ดหิมะเกาะกันเป็นแถวอยู่ นั้นคือร่องรอยของน้ำที่หลากลงมาเมื่อคืน และเมื่อบินไต่ระดับสูงขึ้นไป ภาพหิมะสีขาวก็ยิ่งเยอะเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งภาพที่อยู่ตรงหน้าคือหิมะขาวโพลน ส่วนรอยแตกที่อยู่อีกฝาายหนึ่งก็ถูกหิมะกลบเอาไว้จนมิด มองไกลๆ แล้วเหมือนเป็นชามกระเบื้องดินเผาสีขาวที่คว่ำเอาไว้อยู่
จากการประเมินดูคร่าวๆ แล้ว มันน่าจะห่างจากอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ประมาณ 300 กิโลเมตร พื้นที่ของมันพอๆ กับดินแดนทางใต้สุดทั้งดินแดน ในแผนที่ที่ทางดินแดนรุ่งอรุณในสมัยสมาพันธ์วาดเอาไว้มีการวาดรอยแตกที่เอาไว้อยู่ พวกเขาคิดว่ามันเกิดขึ้นจากการที่ภูเขาไฟระเบิด แต่ว่าในตอนนี้ภูเขาไฟนั้นได้ดับลงสนิทแล้ว
ไลต์นิ่งเองก็เคยเห็นปากภูเขาไฟบนเกาะเซียร์ราเฟลมที่พ่นควันและลาวาออกมาทั้งวัน แต่ว่าเมื่อเทียบกับเทือกเขานี้แล้ว ภูเขาไฟเหล่านั้นมีขนาดที่เล็กกว่ามาก
หลังจากนั้นสองชั่วโมง คณะสำรวจก็บินมาถึงพื้นที่รอยแตก
ในที่สุดภูมิประเทศแปลกๆ นี้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสองคน
“ยะ…ใหญ่มาก” เมซี่กระพือปีกพร้อมอุทานตกใจ “รู้สึกเหมือนหลุมนี้สามารถในอาณาจักรทั้งอาณาจักรลงไปได้เลย”
ไลต์นิ่งพยักหน้า รอยแตกที่เธอคิดเอาไว้แต่เดิมนั้นความจริงแล้วไม่ได้เป็นรอยแตกที่เกิดจากการแยกตัวของพื้นดิน ลักษณะที่เหมือนยกตัวขึ้นมาก็ไม่ใช่ยอดเขาที่โผล่ขึ้นมา หากแต่เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งทะลุออกมาจากใต้พื้นดิน ชั้นหินที่ยกตัวสูงขึ้นมากลายเป็นเหมือนหน้าผารูปร่างแปลกๆ เมื่อมองดูจากบนฟ้าคล้ายกับเป็นรอยแผลที่อยู่บนพื้นดิน
ถ้านี่เป็นรอยแตกที่เกิดจากการพ่นอะไรออกมาจริงๆ อย่างนั้นเหตุการณ์ในตอนนั้นมันจะน่าตกตะลึงขนาดไหน?
ทั้งสองคนลดระดับความสูงลงไปใกล้รอยแตกประมาณ 2 – 3 กิโลเมตร เพื่อความปลอดภัยแล้ว ปกติคนที่จะลงไปสำรวจก่อนจึงมักจะเป็นเมซี่ เพราะเธอสามารถแฝงตัวไปอยู่ในสภาวะแวดล้อมของพื้นที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงแม้จะถูกศัตรูพบ แต่ก็ไม่ว่าจะมองออกว่าเธอเป็นแม่มด
“ฟังนะ” ไลต์นิ่งสั่งกำชับ “ห้ามเข้าไปในถ้ำ แค่บินวนอยู่รอบๆ รอยแตกก็พอ ถ้าพบอะไรผิดปกติก็ห้ามเข้าไปดูคนเดียวเด็ดขาด…”
“จะต้องมารายงานให้หัวหน้าทีมทราบก่อน แล้วก็ค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป” เมซี่พูดตัดบท “ข้ารู้แล้วข้ารู้แล้วจิ๊บ เจ้าเคยพูดมาตั้งหลายรอบแล้ว…เหมือนกับฝ่าบาทโรแลนด์เลยจิ๊บ!”
“เอ่อ จริงเหรอ?” ไลต์นิ่งเกาหัวอย่างเขินๆ เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่โรแลนด์สั่งกำชับแบบนี้ เธอจะแอบมาบ่นกับสมาชิกในทีมลับหลังว่านักสำรวจที่เป็นอัจฉริยะนั้นจะต้องรู้อยู่แล้วว่าควรจะตัดสินใจอย่างไร ไม่เห็นต้องมาสั่งซ้ำไปซ้ำมาเลย แต่ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว ตัวเธอในตอนนั้นช่างเด็กจริงๆ “อะแฮ่มๆ เอาเป็นว่าเรื่องสำคัญพูดหลายๆ ครั้งมันก็ไม่มีอะไรเสียหาย! ข้าจะอยู่ที่นี่ แล้วก็สำรวจดูพื้นที่แถบนี้ อย่างมากไม่เกิน 1 กิโลเมตร จำตำแหน่งนี้เอาไว้ แล้วก็กลับมาเจอกันภายใน 30 นาที เข้าใจไหม?”
“ไม่มีปัญหาจิ๊บ!”
“ดีมาก ไปเถอะ” ไลต์นิ่งตบไหล่เธอ
“เมซี่ ออกเดินทาง!” อีกฝ่ายกระพือปีกตรงไปยังรอยแตก
กระทั่งเมซี่หายลับไปจากสายตาแล้ว ไลต์นิ่งจึงเริ่มสำรวจบริเวณรอบๆ อย่างระมัดระวัง
นกเค้าแมวหิมะเป็นนกที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในบริเวณนี้ มันถือได้ว่าเป็นนกเค้าชนิดหนึ่ง สามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งกลางวันกลางคืน สายตาดีเยี่ยม ขอเพียงไม่ทำอะไรประมาทก็ยากที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่กลับเป็นตัวเธอนั่นแหละที่เปิดเผยร่องรอยได้ง่าย พื้นที่นี้เต็มไปด้วยธารน้ำแข็ง แทบจะไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่าเลย ถ้าจู่ๆ มีปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา เธอจะกลายเป็นเป้าที่สะดุดตาที่สุด
ด้วยเหตุนี้แทนที่จะไปค้นหาร่องรอยของศัตรู สิ่งแรกที่ไลต์นิ่งมองหาก็คือที่ๆ สามารถหลบซ่อนตัวได้ เธอไม่อาจโยนปัญหาให้คนอื่นเก็บกวาดเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีกแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที บนหัวเธอมีเสียงบินอย่างเร่งรีบดังขึ้นมา
ไลต์นิ่งงุนงง ในขณะที่เพิ่งจะเหลียวหน้าไปมอง เธอพลันเป็นเมซี่พุ่งเข้ามาหาซุกในหน้าอกเธออย่างลนลาน
“มีปะ ปีศาจจิ๊บ!” สาวน้อยพูดจาติดๆ ขัดๆ
เธอใจสั่นขึ้นมาทันที หรือว่าที่นี่จะมีสายแร่หินอาญาสิทธิ์อยู่จริงๆ “เจ้าเห็นอะไร?”
“ปีศาจดวงตาตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่บนหน้าผาใต้รอยแตกจิ๊บ!” เมซี่พูดพร้อมวาดมือไปมา “ตอนที่ข้าบินผ่านรอยแตก ข้าไปสบตาเข้ากับมัน!”
ก็หมายความว่าปีศาจก็มองเห็นเธอ
ไลต์นิ่งแอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่เธอไม่ได้เป็นคนนำหน้าเหมือนอย่างทุกที การเป็นแม่มดกับเห็นนกบินผ่านนั้นเป็นคนละเรื่องกัน นกเค้าแมวหิมะน่าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดสังเกตอะไร
“จากนั้นล่ะ เจ้าไม่ได้ร้องตกใจออกมาใช่ไหม?” เมื่อป้องกันความผิดพลาด เธอก็ถามซ้ำอีกที
“แน่นอน ข้าเป็นนก….ไม่ใช่สิ เป็นนักสำรวจที่มีประสบการณ์นะจิ๊บ!” เมซี่ยืดอกตัวเองขึ้นมา “อย่าว่าแต่ร้องตกใจเลย ตอนนั้นแม้แต่ตาข้าก็ไม่ได้กะพริบด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังทำเป็นมองดูทิวทัศน์รอบๆ ก่อนจะค่อยๆ หลบสายตาออกมาจิ๊บ! ข้ากล้าพนันเลยว่าตอนนี้มันลืมข้าไปแล้วล่ะ!”
ภายในหัวไลต์นิ่งมีภาพๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมาทันที
นกเค้าแมวหิมะตัวหนึ่งลืมตาโตสบตากับปีศาจดวงตาที่อยู่บนหน้าผา ก่อนจะเบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น…
“ยะ…แย่แล้ว!” เธอคว้าตัวเมซี่ก่อนจะบินไปยังที่ซ่อนตัวที่เธอเจอก่อนหน้านี้ทันที!
“จิ๊บ?” อีกฝ่ายงุนงง
มันเป็นถ้ำน้ำแข็งเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร น่าจะเป็นเพราะบริเวณรอบๆ มีก้อนหินบังเอาไว้อยู่ รอยแตกที่หิมะไม่ได้ถมลงมาจนเต็มพอที่จะให้คนๆ หนึ่งแอบเข้าไป ไลต์นิ่งมุดเข้าไปแอบในถ้ำแล้วย่อตัวลง ก่อนจะโผล่หัวออกมามองไปทางด้านบนรอยแตก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ‘ประตู’ ที่ส่องประกายแปลกๆ บานหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า
จากนั้นมีปีศาจตัวหนึ่งเดินออกมาจากในประตูแล้วลอยตัวอยู่ด้านบนลอยแตก ไลต์นิ่งรู้สึกว่าแม้แต่ลมหายใจของตัวเองก็ช้าลง เธอรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าอุรูคจากบนตัวอีกฝ่าย
ปีศาจตัวนั้นมองซ้ายมองขวาอยู่ครู่ จากนั้นจู่ๆ ก็พุ่งลงไปด้านล่างภูเขา! มีอยู่ชั่วแวบหนึ่งที่ไลต์นิ่งรู้สึกว่าเลือดในร่างกายเธอจับตัวแข็ง ร่างกายแทบอยากจะหมุนตัวแล้วบินหนีไป ถ้าไม่เป็นเพราะทิศทางที่อีกมุ่งหน้าไปไม่ใช่ทางเดียวกับที่ซ่อนตัวของเธอ เกรงว่าเธอก็ทำตามสัญชาตญาณนี้แล้ว
ปีศาจพุ่งตัวลงไปใต้หิมะ เกล็ดหิมะฟุ้งกระจายขึ้นมาจนเป็นเหมือนหมอก ในตอนที่มันยืนขึ้นมาอีกครั้ง ในมือของมันมีนกเค้าแมวหิมะอยู่ตัวหนึ่ง
ไลต์นิ่งกลืนน้ำลายพร้อมกับคลำๆ ตรงหน้าอกของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ยังดี เมซี่ยังอยู่
ปีศาจยกนกเค้าแมวที่ตกใจกลัวขึ้นมาดูอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะส่ายหัวออกมาเหมือนผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นจึงปล่อยมันไป นกเค้าแมวส่งเสียงร้องแล้วบินหนีขึ้นไปบนฟ้าทันที
ปีศาจก็ไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นนานนัก มันชูสองมือขึ้นมากำ ด้านหน้ามันมีประตูแสงแปลกๆ แยกออก จากนั้นมันจึงก้าวเข้าไปข้างในแล้วหายไปต่อหน้าทั้งสองคน
ในที่สุดไลต์นิ่งก็ถอนหายใจออกมา
ในที่สุดร่องรอยของทีมสำรวจก็ไม่ถูกเปิดเผย
“จิ๊บ…ต่อไปเราทำยังไงดี?” ในที่สุดตอนนี้เมซี่ก็รู้ถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้ว เธอก้มหน้าถามด้วยเสียงเศร้า
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ไลต์นิ่งคงเลือกที่จะพยายามแอบเข้าไปที่อื่น รอยแตกกว้างขนาดนี้ ต่อให้เป็นปีศาจดวงตาก็คงตรวจไม่ได้ทุกซอกทุกมุม สำหรับนักสำรวจแล้ว ถึงแม้คนที่ค้นพบเป็นคนแรกกับคนที่สองจะห่างกันอยู่แค่คนเดียว แต่ความหมายของมันกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากจะให้ตัวเองเป็นคนแรกเสมอไป
แต่ในเวลานี้เธอไม่ใช่นักสำรวจเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นหัวหน้าทีมนักสำรวจของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ แล้วก็เป็นทหารที่เคยเปิดมุมมองให้กับกองทัพที่หนึ่ง
ไม่ว่าด้านล่างรอยแตกจะมีอะไรแอบซ่อนอยู่ การปรากฏตัวของปีศาจดวงตากับปีศาจระดับสูงก็เป็นสัญญาณที่อันตรายอย่างมาก!
เธอต้องรีบเอาข่าวนี้กลับไปแจ้งให้ฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดันทรงทราบ
“พวกเราไปรวมตัวกับแม่มดทาคิลาที่สันเขาสโนว์” ไลต์นิ่งพูดกัดฟัน “พื้นที่ภูเขาตรงนี้ไม่ใช่ดินแดนที่ไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามาอีกต่อไปแล้ว”
………………………………………………………………..