Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1240 สงครามในความฝัน
“หา? ล้อม? อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย! คลื่นพลังแห่งธรรมชาติใดๆ ล้วนแต่ไม่สามารถหลบรอดสายตาท่านอัลฟ่า….” ผู้ฝึกยุทธ์พูดไปได้ครึ่งเดียวก็ถูกตู้คอนเทนเนอร์ใบหนึ่งลอยมากระแทกที่หน้า แรงปะทะอันมหาศาลทำให้มันกระเด็นปลิวออกไป ขณะเดียวกันคำพูดของมันก็ขาดหายไปด้วย
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรยศอีกคนหนึ่งมองดูเหล่าแม่มดกระโจนออกมาจากที่ซ่อนอย่างตกตะลึง พวกเธอบางส่วนโผล่มาจากใต้พื้น บางส่วนมาจากบนท้องฟ้า แต่พวกเธอส่วนใหญ่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาเลย ราวกับว่าพวกเธอยืนรออยู่ตรงนั้นมานานแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย คนเยอะขนาดนี้แอบซ่อนอยู่ในระยะไม่ถึง 10 เมตร ต่อให้ไม่มีคลื่นพลังแห่งธรรมชาติ แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้ยินเสียงหายใจหรือเสียงฝีเท้าของพวกเธอถึงจะถูก!
ฟอลเลนอีวิลที่ทำหน้าที่ตรวจตราเหล่านั้นทำไมถึงไม่แจ้งเตือน?
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมานั่งคิดแล้ว
พริบตานั้นเอง ทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน
ลานวางตู้คอนเทนเนอร์ที่เดิมเงียบสงบพลันเดือดพล่านขึ้นมา!
…..
หลิงนั้นคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกเขตสปอร์ทไลต์ แสงสว่างกับเงานั้นเป็นของที่เกิดมาคู่กัน แสงจากไฟที่อยู่ด้านบนส่องลานวางตู้คอนเทนเนอร์จนสว่างจ้า แต่มันกลับทำให้ความมืดที่อยู่ด้านหลังกล่องเหล็กกลับยิ่งมืดขึ้น
เธอเลือกเป้าหมายของตัวเองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นคือฟอลเลนอีวิลที่ยืนอยู่บนตู้คอนเทนเนอร์ เงาที่ทอดยาวอยู่ด้านหลังของพวกมันเชื่อมต่อกับเงามืดที่อยู่ด้านหลังของตู้คอนเทนเนอร์ เรียกได้ว่าทำให้เกิดเป็นช่องโหว่ให้เธอได้เข้าไปใกล้พวกมันได้ ถ้ามีคนมองไปทางด้านหลังฟอลเลนอีวิลตอนที่หลิงกำลังเข้าใกล้มันก็ได้เห็นภาพที่น่าตกใจ ร่างกายของเธอจมหายไปในเงามืด เหลือเพียงแค่หัวครึ่งหนึ่งที่โผล่ออกมา ด้านล่างจมูกมีฟองอากาศผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา แต่มันกลับไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้น
ความรู้สึกที่ได้แช่อยู่ในเงามืดนั้นทั้งอบอุ่นและสบาย ต่อให้บ่อน้ำร้อนของโลกนี้ก็ยังไม่อาจะเทียบได้ หลังจากที่เปลี่ยนร่างกลายเป็นร่างทหารอาญาสิทธิ์แล้ว เธอก็นึกว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้แล้วเสียอีก จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อนที่ฟิลลิสเอาข่าวที่น่าเหลือเชื่อกลับมาบอกเธอ
นั่นคือโลกแปลกประหลาดที่ทำให้พวกเธอกลับไปยังอดีตได้
แวบแรกที่หลิงได้เห็นโลกใหม่ใบนี้ เธอก็ชื่นชอบที่นี่ทันที
ฝ่าบาทโรแลนด์เองก็ทรงเปลี่ยนจากกษัตริย์ธรรมดาๆ กลายเป็นผู้ถูกเลือก ถึงแม้พระองค์จะไม่สามารถเปิดใช้งานทัณฑ์สวรรค์ได้ก็ตาม ปกติเธอมักจะหาวิธีมารบเร้าพวกพาซาร์เพื่อหาโอกาสเข้ามาในโลกแห่งความฝันบ่อยๆ การที่เธอถูกเลือกให้มาเป็นผู้ปกป้องพี่น้องแม่มดที่เข้าเรียนก็เป็นความพยายามของเธอเช่นเดียวกัน
การต่อสู้กับปีศาจนั้นย่อมต้องเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อภารกิจนี้ การพาตัวเองมาพักผ่อนบ้างมันก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่มาสร้างปัญหาให้กับฝ่าบาทหรือว่าจะมาทำลายโลกแห่งความฝันก็ล้วนแต่ต้องเป็นศัตรูกับแม่มดทาคิลา
เมื่อสัญญาณลงมือดังขึ้น หลิงก็โผล่ขึ้นมาจากเงามืดราวกับวิญญาณ ก่อนใช้มีดสั้นแทงเข้าไปในหน้าอกของฟอลเลนอีวิล
ศัตรูเหล่านี้ไม่มีทางบาดเจ็บจนถึงได้เพราะอาวุธธรรมดา ด้วยเหตุนี้เธอจึงใส่พลังเวทมนตร์เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ภายใต้ผลกระทบจากพลังเวทมนตร์ที่หลั่งไหลออกมา เธอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าการหมุนของแกนพลังเริ่มมีความผิดปกติ เหมือนกับว่าพลังทั้งสองมันกำลังรบกวนซึ่งกันและกัน ในอีกด้านหนึ่งมันก็เป็นการยืนยันความคิดของฝ่าบาทที่ทรงบอกว่า ‘คุณสมบัติของพลังแห่งธรรมชาติกับพลังเวทมนตร์นั้นไม่แตกต่างกัน พวกมันล้วนแต่มาจาก ‘การกัดกิน’
หลังจากนั้นเธอก็แค่เอื้อมมือไปดึงเอาแกนพลังที่ถูกแปรสภาพออกมา ศัตรูก็จะล้มลงไปกองกับพื้น
และในพริบตาที่ฟอลเลนอีวิลล้มลงไปกองกับพื้น เธอก็จะข้ามไปยังตู้คอนเทนเนอร์ตู้อื่นที่อยู่ห่างออกไปหลายตู้ แล้วไปปรากฏอยู่ด้านหลังฟอลเลนอีวิลตัวต่อไป
ด้านล่างเองก็มีเสียงต่อสู้อย่างดุเดือดระเบิดขึ้นมา
ไม่นาน ศัตรูที่ทำหน้าที่เฝ้ายามทั้งหมดก็ถูกเธอกำลังจนสิ้น
หลิงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของลานวางตู้คอนเทนเนอร์แล้วมองลงดูข้างล่าง การใช้พลังความสามารถของเหล่าพี่น้องยังคงอยู่ในระดับเดียวกับเมื่อ 400 ปีก่อน เผลอๆ อาจจะเป็นเพราะการฝึกฝนของนักรบอาญาสิทธิ์จึงทำให้การเคลื่อนไหวของพวกเธอคล่องแคล่วมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงแค่ในเรื่องของพลังเท่านั้น แต่สิ่งที่เธอสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือจิตใจที่ฮึกเหิมของทุกคน
การซ้อนทับพลังของเบ็ตตี้ทำให้เธอกลายเป็นเหมือนสุดยอดอมนุษย์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เธอยกตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวก่อนจะพุ่งออกไปข้างหน้า แล้วโยนมันใส่ฟอลเลนอีวิลที่ดาหน้าเข้ามา
ทวิงเกิลกับฟิลลิสยังคงเป็นคู่หูที่รู้ใจกัน ทุกครั้งที่ทวิงเกิลใช้แสงเจิดจ้าทำให้ศัตรูสูญเสียการมองเห็น เบลดคลอว์ของฟิลลิสก็จะพุ่งเข้าไปสังหารศัตรูในพริบตา
แล้วยังมีดาเนน โรเทอร์…ทุกคนต่างเป็นเช่นนี้เหมือนกัน การต่อสู้ที่ทำให้เลือดลมพุ่งพล่านเช่นนี้ทำให้หลิงเหมือนได้กลับไปยังยุกสมัยทาคิลาอีกครั้ง เธออดเหลือบมองไปทางโรแลนด์ไม่ได้ บางทีแม้แต่ตัวเองก็คงจะไม่รู้ถึงความสำคัญของโลกแห่งความฝันที่มีต่อแม่มดทาคิลา ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ที่ที่ทำให้พวกเธอได้รับประสาทสัมผัสกลับมาอีกครั้งหรือแค่เที่ยวเล่นหาความสุข แต่มันยังเป็นสถานที่ที่ทำให้จิตใจที่ตึงเครียดมาเป็นเวลานานของพวกเธอได้ผ่อนคลายลงด้วย
ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่สามเมืองศักดิ์สิทธิ์พังพินาศ สมาพันธ์แตกสลาย เรียกได้ว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตแม่มดผู้รอดชีวิต ถึงแม้ทุกคนจะพยายามปลุกใจตัวเองและพยายามปรับตัวเข้ากับร่างใหม่ แต่สัมผัสที่ค่อยๆ หายไปกลับทำให้พวกเธอสูญเสียความสุขในชีวิต บวกกับแผนการผู้ถูกเลือกที่ไม่มีความคืบหน้า ทำให้ทุกคนต่างแบกรับภาระอันหนักอึ้งเอาไว้ ถึงแม้การเปลี่ยนร่างกายใหม่จะทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่สภาพจิตใจของทุกคนกลับท้อแท้ลงทุกวัน ตอนนั้นหลิงสงสัยว่าบางทีอาจจะไม่ต้องรอให้ปีศาจลงมือ พวกเธอก็คงจะถูกความกดดันทับจนตายไปเอง
แต่ตอนนี้ภายในเมืองชายแดนที่สามกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทุกคนมานั่งคุยกันว่าร้านอาหารร้านไหนอร่อยที่สุด สัมผัสที่ถูกลืมเลือนค่อยๆ กลับมาที่ละน้อย ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปในโลกแห่งความฝัน เธอก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะ เรียกได้ว่าแตกต่างกับเมื่อร้อยปีก่อนอย่างสิ้นเชิง
หลิงรู้ว่าเหล่าพี่น้องก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้พวกเธอจึงสู้กันอย่างเต็มที่ขนาดนี้
พวกเธอไม่อาจปล่อยให้ศัตรูแห่งการกัดกินเหล่านี้อยู่ในโลกแห่งความฝันได้
เธอกระโดดเข้าไปหาฟอลเลนอีวิลตัวหนึ่งจากทางด้านหลัง แล้วเข้าไปผสมโรงกับการต่อสู้ที่อยู่ด้านล่าง
….
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่เบ็ตตี้จะขว้างตู้คอนเทนเนอร์ออกไป โรแลนด์ก็ได้พุ่งออกไปหาผู้ชายที่เป็นหัวหน้าของศัตรูตัวนั้นแล้ว
ประสบการณ์ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเวทมนตร์มาหลายครั้งทำให้เขารู้ว่าสัตว์ประหลาดที่รับมือได้ยากเหล่านี้คือปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แปลกๆ ที่ผสมกันระหว่างสีแดงกับสีดำ หรือว่าหนวดสีดำที่บิดเบี้ยวเหล่านั้นก็ล้วนแต่รับมือได้ยากลำบาก ถึงแม้จะเป็นจะเป็นแม่มดก็อยากจะดิ้นหลุดได้ถ้าหากถูกมันรัดเข้า
แต่ว่าความสามารถของสัตว์ประหลาดเวทมนตร์กลับใช้ไม่ได้ผลกับเขา ขอเพียงเขาหยุดตัวหัวหน้าเอาไว้ได้ พวกแม่มดก็จะจัดการกับศัตรูที่เหลือเอง
และสถานการณ์ก็เป็นไปเหมือนอย่างที่โรแลนด์คิดเอาไว้ อัลฟ่าพบว่าตัวเองไม่สามารถหนีไปจากเงื้อมมือของเขาได้ น้ำเสียงที่ยโสโอหังในตอนแรกพลันเปลี่ยนไปทันที
“เจ้า…”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าเป็นผู้สร้างที่นี่” โรแลนด์ไม่คิดที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพูดอะไร เพราะพูดไปพูดมามันก็มีแต่ประโยคเดิมๆ เขาฟังมาแล้วตั้งหลายครั้ง “เทวทูตแล้วยังไง เทวทูตมันสุดยอดมากงั้นเหรอ?” เขากดมันลงไปกับพื้นแล้วก็ต่อยเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่าย จนกระทั่งหน้ากากแปลกๆ อันนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนเผยให้เห็นวงแหวนดวงดาวที่หมุนวนอย่างภายใต้หน้าหาก
ใบหน้าของมันคือแกนพลังธรรมชาติขนาดใหญ่
โรแลนด์คว้าจับวงแหวนดวงดาวอย่างไม่ลังเล ก่อนจะออกแรงดึงมันออกมาจนหมด
พริบตานั้นเอง พลังที่พุ่งพล่านอยู่ในร่างกายพลันไหลทะลักออกมา ก่อนจะห้อมล้อมวงแหวนดวงดาวที่อยู่ในมือเขาแล้วกลายเป็นเสาลำแสงที่เจิดจ้าพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แกนพลังเวทมนตร์ที่ถูกฉีกออกมาจากฟอลเลนอีวิลเหมือนกำลังตอบรับการเรียกของเสาลำแสงนั้น พวกมันแตกตัวเป็นดวงดาวเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ รวมตัวกัน ท้องฟ้าที่มืดมิดถูกส่องสว่างขึ้นมาทันที
ความรู้สึกที่เหมือนโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงพลันปรากฏขึ้นมาในใจอีกครั้ง
แต่มันยังไม่จบเท่านี้…เสาลำแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วไม่ได้มีทีท่าว่าจะจางลงเลย จนกระทั่งมันกลบเขาเอาไว้จนมิด! โรแลนด์รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างกำลังไหลทะลักเข้าไปในหัวสมองอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เขาเกือบหมดสติ
ภาพที่อยู่ตรงหน้าพลันดูเลือนราง จุดขาวๆ จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา ดูแล้วเหมือนโทรทัศน์สีขาวดำในยุค 70
“ฟู่…ฟู่….”
ท่ามกลางภาพที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวน เขามองเห็นหลุมขนาดใหญ่มหึมา
………………………………………………………………