Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1391 โจมตีปาฏิหาริย์
ศูนย์บัญชาการเคจเมาเธ่น อาณาจักรดอว์น
ภายในห้องประชุมมีการตั้งแผนที่กลยุทธ์ขึ้นมาตรงกลางห้องประชุมเพื่อแสดงให้เห็นถึงวิถีการเคลื่อนที่ของ ‘แผ่นดินลอยฟ้า’ ทุกวันจะมีเจ้าหน้าที่จากทีมที่ปรึกษาและหน่วยข่าวกรองมาเปลี่ยนข้อมูลใหม่ และนี่ก็เป็นข้อมูลที่กองทัพที่หนึ่งให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้
เส้นสีแดงใหญ่ๆ บนแผนที่แสดงให้เห็นว่าแผ่นดินอยฟ้านี้ไม่ได้ลอยเลียดสันหลังแห่งทวีปลงมาทางใต้แล้วจตรงเข้ามาในอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ หากแต่เปลี่ยนทิศทางกลางวันเข้าไปในที่ราบลุ่มบริบูรณ์ ระดับความสูงของมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มันอยู่ห่างจากพื้นดินไม่ถึงหนึ่งพันเมตรแล้ว
เมื่อดูจากวิถีการบินของมัแล้ว หลังจากนี้อีกสี่วันมันจะลอยข้ามเทือกเขาสิ้นวิถีแล้วเข้ามาในดินแดนวูล์ฟฮาร์ท
เนื่องจากเป้าหมายใหญ่เกินไป ตอนนี้ขอเพียงยืนอยู่บนยอดเขาแล้วส่องกล้องส่องทางไกลออกไปก็จะมองเห็นเงาสีเทาลางๆ นี้ได้ มันเป็นเหมือนเมฆก้อนใหญ่ที่แต่งเติมไปบนท้องฟ้าหลังจากเพิ่งจบเดือนแห่งปีศาจได้
การประชุมเพื่อรับมือกับ ‘พระผู้สร้าง’ ของปีศาจก็ได้ถูกจัดขึ้นมา
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจะเห็นพ้องต้องกันว่าด้วยพลังของกองทัพที่หนึ่ที่มีอยู่ในตอนนี้นั้นแทบจะไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของแผ่นดินลอยฟ้าได้เลย แต่ถ้าจะให้วิ่งหนีทันทีที่เห็นมันก็ไม่ใช่สไตล์ของกองทัพที่หนึ่งเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องสังเกตดูพลังของมันและลองพยายามโจมตีมัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีข้อมูลไม่เจอ การประมือนั้นคือวิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจอีกฝ่าย
ก่อนที่ิวิธีการแก้ปัญหาของฝ่าบาทจะมาถึง การพยายามเตรียมพร้อมรับมือกับมันให้มากที่สุดคือภารกิจที่สำคัญที่สุดของกองทัพที่หนึ่งในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นศัตรูก็มอบโอกาสนี้ให้กับพวกเขาพอดีเลย
“จากข้อมูลที่ได้มาใหม่แสดงให้เห็นว่าระดับความสูงของป้อมปราการของปีศาจลดลงมามากกว่า 2,000 เมตรแล้ว ระดับความสูงนี้ถือว่าสูงได้ประมาณครึ่งหนึ่งของสันหลังแแห่งทวีป” เอดิธส์ “เมื่อเทียบกับระดับความสูงในการบินก่อนหน้านี้แล้ว ระดับความสูงที่ลดลงนี้ถือว่ามีความผิดปกติอยู่ ข้อสรุปจากการวิเคราะห์ของทีมที่ปรึกษาคือการจะทำให้ป้อมปราการลอยอยู่ได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ แถมยังมีความสัมพันธ์กับระดับความสูงโดยตรงด้วย และระดับความสูงตรงนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นตรงตำแหน่งที่มันลอยอยู่ในตอนนั้น มันถึงได้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้น”
ถึงแม้ในข้อมูลที่ฝ่าบาททรงให้มาจะบอกว่าปีศาจเรียกแผ่นดินที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้านี้ว่าพระผู้สร้าง แต่เอดิธส์กลับชอบเรียกมันว่าป้อมปรากการกับปราสาทเคลื่อนที่มากกว่า อย่างน้อยในตอนที่วางกลยุทธ์ก็ไม่ควรจะทำให้ลูกน้องเกิดความรู้สึกว่าตัวเองกำลังสู้อยู่กับพระเจ้า
นายทหารระดับสูงของกองทัพที่หนึ่งล้วนแต่จบการศึกษาระดับกลาง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเข้าใจสมมติฐานของทีมที่ปรึกษา
“พูดอีกอย่างก็คือในตอนที่ลอยข้ามเทือกเขาสิ้นวิถีมา เจ้าสิ่งนี้มันจะลอยขึ้นไปอีกครั้ง?” ไบรอันถาม
“ถ้าพวกเราเดาไม่ผิดล่ะก็นะ” เอดิธส์ยักไหล่
“เหตุผลไม่สำคัญ” ขวานเหล็กพูด “สิ่งสำคัญคือตอนนี้มันอยู่ห่างจากเทือกเขาสิ้นวิถีเพียงแค่ 100 เมตรเท่านั้น แวนนา สถานการณ์ทางนั้นของเจ้าเป็นยังไงบ้าง”
“ทีมคำนวณทำการยืนยันแล้วขอรับ” แวนนาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าแผนที่ “จากเมธัลสโตนจนมาถึงเคจเมาเธ่นมีตำแหน่งอยู่สอตำแหน่งที่เหมาะจะยิงปืนใหญ่ ขอเพียงเจ้าสิ่งนี้มันไม่เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน พวกเราก็จะสามารถยิงกระสุนปืนใหญ่ขึ้นไปด้านบนได้ ยิ่งเมื่อมีปืนใหญ่รุ่นใหม่ เราต้องยิงถูกเมืองของปีศาจแน่นอนขอรับ”
ในช่วงเวลาสงครามที่มีการแทนที่ของอาวุธอย่างรวดเร็ว ปืนใหญ่ป้อม 152 มม.เองก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนเหมือนกัน อย่างเช่นเปลี่ยนแปลงตัวปืนให้สะดวกในการผลิตเป็นจำนวนมากและเหมาะที่จะใช้ลากไปรถมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดของมันก็คือการขยายขนาดรังเพลิงและกระสุนแยกบรรจุชนิดใหม่
นับตั้งแต่ที่เปลี่ยนจากที่ให้อันนาเป็นคนรับผิดชอบในการแปรรูปปืนใหญ่ในขั้นตอนสุดท้ายเป็นการผลิตโดยโรงงานทั้งหมด คุณภาพโดยรวมของปืนใหญ่ก็ลดลง โดยคุณภาพที่ลดลงนั้นแสดงให้เห็นในเรื่องของความแม่นยำและความทนทานของปืนใหญ่ แต่ปืนใหญ่รุ่นใหม่ที่สามารถบรรจุดินปืนได้มากขึ้นและมีดินปืนที่ทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถยิงออกไปได้ไกลมากกว่า 18 กิโลเมตรซึ่งมากกว่าเดิมอีกเท่าหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นปริมาณการผลิตหลังจากที่ทำการผลิตโดยไม่ต้องพึ่้งพาแม่ก็เพิ่มขึ้นด้วย ตอนนี้ต่อให้ปืนใหญ่เสียหายไปซัก 2 – 3 บอกก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งตีอกชกลมอีกต่อไปแล้ว
“ข้าคิดว่าเป็นไปได้มากที่ีปีศาจมันจะบุกมาที่วูล์ฟฮาร์ท ถึงแม้แผ่นดินลอยฟ้าจะสามารถผลิตหมอกแดงได้ แต่ทันทีที่มันเคลื่อนที่ หมอกแดงก็จะสลายไป ด้วยเหตุนี้ถ้าศัตรูคิดอยากจะยึดครองพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งจริงๆ พวกมันก็จะต้องสร้างหอเก็บหมอกแดงขึ้นมาอย่างแน่นอน” ขวานเหล็กนิ่งเงียบไปเล็กน้อย “ครั้งนี้เมื่อมีการสนับสนุนของเสาโอเบลิสเคลื่อนไป แผนการสร้างหอเก็บหมอกแดงของมันก็จะไม่มีอุปสรรคอะไรอีก อีเทอร์นอลวินเทอร์และวูล์ฟฮาร์ทก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียว ด้วยเหตุนี้โอกาสที่เราจะหยุดยั้งศัตรูก่อนที่มันจะทำการกำหนดเส้นทางได้สำเร็จจึงมีค่อนข้างสูง มีเพียงสิ่งเดียวที่เราต้องคุยกันก็คือผลลัพธ์ที่ออกมา
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่เหมือนกับการโจมตีอสูรยักษ์ป้อมปราการก่อนหน้านี้ เป้าหมายก่อนหน้านี้มีความชัดเจน นั้นคือกำจัดอสูรยักษ์ให้ได้ก่อนที่ศัตรูจะรู้ตัว ขอเพียงกระหน่ำยิงเข้าไป ยังไงก็ต้องสร้างความเสียหายให้กับมันได้อย่างแน่นอน แต่ผลจากการกระหน่ำไปที่แผ่นดินลอยฟ้านั้นสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ถึงแม้จะยิงถูกเมืองของปีศาจ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นคงจะไม่มากเท่าไรอย่างแน่นอน ส่วนปืนใหญ่ที่มีอสูรสยองคอยรบกวน ระยะยิง 18 กิโลเมตรก็ไม่ถือว่าเป็นระยะที่ปลอดภัย เมื่อคำนึงถึงว่าใจกลางของแผ่นดินลอยฟ้าอยู่ค่อนข้างห่างจากขอบของแผ่นดิน ดังนั้นการจะยิงให้ถูกกึ่งกลางนั้นก็หมายความว่าทีมโจมตีจะต้องเข้าไปให้ใกล้มากขึ้น
“ข้าคิดว่ามันคุ้มที่จะลองดูขอรับ ท่านผบ.” แวนนาครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะพูดออกมา “หลังจากแผ่นดินลอยฟ้าเข้ามาในวูล์ฟฮาร์ท ก็จะมีแต่อัศวินอากาศเท่านั้นที่สามารถสู้กับศัตรูแบบตรงๆ ด้วย ส่วนกองทัพที่หนึ่งก็จะกลายเป็นตัวประกอบ ดังนั้นนี่จึงเรียกว่าเป็นโอกาสลงมือเพียงหนึ่งเดียวของกองพันปืนใหญ่ ต่อให้พวกเราสร้างความเสียหายได้ไม่มาก แต่อย่างน้อยเราก็ยังแสดงออกให้พวกปีศาจเห็นว่ามนุษย์ไม่มีทางหวาดกลัวต่อปาฏิหาริย์ของพวกมัน!”
ขวานเหล็กหันไปมองเอดิธส์ “เจ้าคิดว่าไง?”
เอดิธส์นิ่งเงียบไปค่อนข้างนาน หลังผ่านไปหลายนาทีเธอจึงพยักหน้าออกมา “ข้าไม่มีความเห็น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้” ขวานเหล็กสูดหายใจ ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับนายทหารระดับสูง “เริ่มหารือเรื่องแผนโจมตีตามที่เราคุยกันได้ เวลาเหลือไม่มากแล้ว ข้าอยากจะเห็นข้อสรุปโดยเร็ว”
“รับทราบ!” ทุกคนตอบพร้อมกัน
ผลการหารือถูกรายงานออกมาอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งสองตำแหน่งที่เหมาะจะเป็นจุดยิงถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวยิงปืนใหญ่ เพียงแต่จุดหนึ่งเป็นจุดยิงจริง อีกจุดหนึ่งเป็นจุดยิงปลอม โดยจุดยิงปลอมจะวางไว้ใกล้กับเส้นทางที่แผ่นดินลอยฟ้าจะเคลื่อนเข้ามาเพื่อทำให้ศัตรูเกิดความสับสน ส่วนแนวยิงปืนใหญ่ของจริงจะอยู่ที่เทือกเขาเฮอร์มีส โดยมีฮัมมิงเบิร์ดเป็นคนรับผิดชอบขนปืนใหญ่ไป เวลาถอยออกมาก็ให้ทำลายปืนใหญ่ทิ้ง เพื่อไม่ให้ศัตรูเก็บอาวุธกลับไปได้
นอกจากกองทัพที่หนึ่งแล้ว อัศวินอากาศกับทีมแม่มดอาญาสิทธิ์จะรับผิดชอบภารกิจช่วยเหลือและคุ้มกัน
เมื่อมีแการวางเป้าหมาย หลังจากนี้ก็จะเป็นขั้นตอนการปรับแผนการให้ดีขึ้นและลงมือปฏิบัติจริง สำหรับกระบวนการนี้ ทางกองทัพค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไรมาก ทุกๆ ฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าตัวเองต้องทำอะไร
เมื่อกลับมาที่ห้องทำงานของทีมที่ปรึกษา เฟร์รานอดถามเอดิธส์ขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านเอดิธส์ ในการประชุมเมื่อครู่นี้….มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าขอรับ?”
เอดิธส์หยุดฝีเท้า “ทำไมถามแบบนี้?”
“เพราะว่าท่านพูดน้อยกว่าทุกทีขอรับ…”
“อย่างนี้นี่เอง” เธอเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าคิดเรื่องๆ หนึ่งอยู่น่ะ ปีศาจเรียกแผ่นดินลอยฟ้าว่าพระผู้สร้าง เห็นได้ชัดว้่พวกมันฝากความหวังไว้กับเจ้าสิ่งนี้อย่างมาก แต่ดูจากตอนนี้แล้ว มันเป็นแค่เพียงแท่นสำหรับจ่ายหมอกแดงให้พวกปีศาจใช้เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเลย ดังนั้น….บางทีเจ้าสิ่งนี้อาจจะแอบซ่อนอะไรบางอย่างที่พวกเราไม่รู้เอาไว้อยู่ก็ได้”
“แล้วทำไมท่านถึงไม่พูดขึ้นมาในที่ประชุมล่ะขอรับ?” เฟร์รานถามอย่างไม่เข้าใจ
“เพราะนอกจากทำให้ไม่สบายใจแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรน่ะสิ ในเมื่อไม่รู้อะไรเลย อย่างนั้นเราก็ไม่สามารถคิดแผนรับมือได้ ข้าไม่สามารถวางแผนโดยอาศัยแค่เพียงการคาดเดาได้ แต่ทีมโจมตีตอบพวกเราได้ ไม่ว่าคำตอบนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เฟร์รานพลันขนลุกขึ้นมา
น้ำเสียงของเอดิธส์ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงราบเรียบเหมือนดั่งผิวน้ำ “ภารกิจที่สำคัญที่สุดของกองทัพในตอนนี้คือพยายามเตรียมพร้อมสำหรับกลยุทธ์การรบหลังจากนี้ให้มากที่สุด และการลองผิดลองถูกก็เป็นหนึ่งในการเตรียมตัวเหมือนกัน
………………………………………………………………