novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1058.2 ที่แท้คือการปกป้ องมรรคา

  1. Home
  2. กระบี่จงมา! Sword of Coming
  3. บทที่ 1058.2 ที่แท้คือการปกป้ องมรรคา
Prev
Next

เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน ยิ้มถาม “เฉาเกิงเซิน วันหน้าสายแผนภูมิ ดินของพวกเจ้าทาอะไรข้าจะยังมีอานาจในการรู ้เรื่องราวก่อนและ สิทธิ์ในการตัดสินใจอีกหรือไม่?” เฉาเกิงซินกล่าว “ราชครูชุยไม่ได้พูดเรื่องนี้ไว้ในจดหมาย” เฉินผิงอันกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็คือมีสินะ” เฉาเกิงซินจนค าพูด ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ เขาพลันถามว่า “อาจารย์เฉินพาสหายไปที่ลาคลองชางผูมา จริงๆ หรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “โชคดีที่ดื่มเหล้าปลุกความกล้าแล้วถึงได้มา ที่นี่ พวกเจ้าคุยธุระของพวกเจ้าไปเถอะ ข้าคงไม่อยู่เกะกะที่นี่แล้ว”

เฉินผิงอันพาผู้ติดตามออกไปจากเรือน ค่อยๆ เดินจากไปไกล ในตรอกเล็ก

เฉาเกิงซินที่เงี่ยหูฟังฝีเท้าจนแน่ใจว่าพวกเขาจากไปไกลแล้วถึง ได้นั่งแปะลงไปบนปากบ่อน้า ดึงคอเสื้อออกแล้วพัดลมเข้าหาตัว ก่อนจะเริ่มดื่มเหล้าระงับความตกใจ

 

โก่วฉุนเดินมาที่ม้านั่งยาว คิดว่าจะย้ายกลับไปไว้ที่เดิม แต่กลับ ถูกถ่ายเยียนห้ามไว้โก่วฉุนมีสีหน้าสงสัย ก่ายเยี่ยนพูดอย่างเป็ นเหตุ เป็ นผลว่านางจะเอาไปไว้เป็ นสมบัติพิทักษ์ร ้านที่โรงเตี๊ยม

อวี๋อวี๋นั่งอยู่ตรงขั้นบันไดนอกห้องเอ่ยชื่นชมว่า “เฉาเท่าตัว ใช ้ได้นี่นา ใช ้ได้มากๆ เลย!”

อวี๋อวี๋อายุไม่มาก แต่ลาดับอาวุโสในตระกูลไม่ต่า ในตรอกอี้ฉือ และถนนฉือเอ๋อร ์ที่มีตระกูลชนชั้นสูงอยู่รวมตัวกันมากมาย นางเคย ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนรุ่นอาวุโสอย่างพวกเฉาเกิงซิน หยวนเจิ้งติ้ง และหลิวสวินเหม่ยมานานแล้ว อวี๋อวี๋กับจ้าวตวนหมิงคนรุ่นที่อายุน้อย กว่าพวกเขาต่างก็รู ้ดีว่าเมื่อก่อนเฉาเกิงซินอาศัยการขายภาพวัง วสันต์และนิยายรักๆ ใคร่ๆ มาทาให้ตัวเอง “ร่ารวยขึ้นมา” ปีนั้นรอ กระทั่งเฉาเกิงซินไปรับตาแหน่งขุนนางนอกพื้นที่ พวกผู้เฒ่าต่างก็ โล่งใจว่าในที่สุดเจ้าตัวหายนะผู้นี้ก็จากไปเสียที

เฉาเกิงซินเอ่ยอย่างอ่อนใจ “ฉายานี้ไม่ค่อยน่าฟังเลยนะ”

อวี๋อวี๋ยิ้มเอ่ย “ถึงอย่างไรก็น่าฟังกว่าโจรเฉา”

ที่แท้ระหว่างคนสองรุ่นของตรอกอี้ฉือและถนนฉือเอ๋อร ์ต่างก็เคย ชินที่จะเรียกเขาเกิงซินว่าโจรเฉา ทั้งเรื่องการหาเงิน การใส่ไฟ หลอกดื่มเหล้าจากเด็กที่อายุน้อยกว่า เกี้ยวพาราสีพี่สาวของพวก เขา ล้วนเป็ นมือดี

 

โจวไห่จิ้งยืนกอดอกพิงเสาประตูของห้องด้านข้าง ยิ้มตาหยีถาม ว่า “เมื่อครู่นี้ที่รองเจ้ากรมเฉาพูด คือความในใจจริงๆ หรือ?”

เฉาเกิงซินเหลือบมองไปที่แขนของสตรีแล้วก็ไม่กล้ามองมากอีก ยิ้มเงื่อนเอ่ยว่า “เหล้ายังเป็ นเหล้าปลอม แล้วนับประสาอะไรกับค าพูด ที่ออกมาจากปาก”

ซ่งซวี่กล่าว “วิธีการของเจ้าจะทิ้งผลร ้ายไว้เบื้องหลังมากเกินไป ต่อให้พวกเราลงมืออย่างเก็บงาอาพรางมากกว่านี้ ทุกวันนี้สานัก ศึกษากวานหูก็ไม่ใช่คนโง่”

เฉาเกิงซินหัวเราะ “เพื่อหลอกราชครูเฉินให้ผ่านด่านไปได้ก็ จ าต้องพูด ตัวข้าเองยังไม่เชื่อ แล้วพวกเจ้าจะเชื่ออะไร”

โจวไห่จิ้งเอ่ยสัพยอก “เฉาเกิงซิน เจ้าเป็ นรองเจ้ากรมนะ พูดจา กับองค์ชายแบบนี้ได้อย่างไร”

เฉาเกิงซินยิ้มรับ เพียงแต่ว่าสุนัขไม่เปลี่ยนสันดานกินอาจมจึง ฉวยโอกาสนี้ลอบมองทัศนียภาพที่กลมกลึงของนางอีกครั้ง

คราวก่อนเขาพาจ้าวตวนหมิงไปดูการประลองยุทธบนเวทีที่ หลังคาด้วยกัน ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ห่างเกินไป มองเห็นได้ไม่ชัดนัก

หยวนฮว่าจิ้งถาม “รองเจ้ากรมเฉายังมีคาสั่งอะไรอีกหรือไม่?”

 

เฉาเกิงซินยิ้มเอ่ย “กลับบ้านใครบ้านมัน หากมีธุระค่อยมา รวมตัวกันใหม่อีกครั้ง ในเมื่อวันนี้ไม่มีเรื่องอะไร ถ้าอย่างนั้นก็กลับกัน ไปเถอะ”

กลุ่มของก่ายเยี่ยนหวนกลับไปที่โรงเตี๊ยม ต่างคนต่างไปฝึ ก กระบี่บ้างก็หลอมลมปราณอยู่ในพื้นที่ประกอบพิธีกรรมแห่งนั้น

เพราะฟังคาแนะนาของอาจารย์เฉิน ก่ายเยี่ยนจึงเป็ นฝ่ ายไป พูดคุยกับโจวไห่จิ้งเรื่องการร่วมมือกันทาการค้า และความคิดที่จะ ร่วมกันทากิจการของโรงเตี๊ยมให้ใหญ่โตมากขึ้น

โจวไห่จิ้งดวงตาเป็ นประกาย ไม่พูดว่าทาได้หรือไม่ได้ด้วยซ้า แต่ ปรึกษากับก่ายเยี่ยนเรื่องแบ่งส่วนแบ่งทันที นางเป็ นสิงโตอ้าปากกว้าง ต้องการแบ่งส่วนแบ่งกับก่ายเยี่ยนห้าต่อห้า

หากเป็ นเมื่อก่อนแล้วได้ยินโจวไห่จิ้งพูดจาไร ้คุณธรรมเช่นนี้ ก่ายเยี่ยนก็คงบอกให้นางไสหัวไปไกลๆ แล้ว แต่วันนี้ก่ายเยี่ยนรู ้ตัวว่า กาลังทาอะไรอยู่ นางจึงไม่ตระหนกลนแม้แต่น้อย เลือกที่จะพูดคุยถึง “ประสบการณ์ความเข้าใจ” ของตัวเอง พูดกับโจวไห่จิ้งว่าต่อจากนี้ โรงเตี๊ยมจะดาเนินการตาม “คัมภีร ์การค้า” อย่างไร ทาเอาโจวไห่จิ้ง ที่ได้ยินรู ้สึกคลางแคลงไม่แน่ใจ คนโง่ก่ายเยี่ยนผู้นี้คงไม่ได้ถูกผีสิง ร่างหรอกนะ? ไม่ถูกสิ เดิมทีนางก็เป็ นผีอยู่แล้วนี่นา ถ้าอย่างนั้นก็คือ จู่ๆ ก่ายเยี่ยนก็…สติปัญญาเปิ ดกว้าง ประหนึ่งมีเทพช่วยอย่างนั้น หรือ?!

 

ก็เหมือนกับการถามหมัดบนเวที หากพลังอ านาจอ่อนด้อยลงไป ก็ยากที่จะหั่นราคาได้แล้ว โจวไห่จิ้งจึงได้แต่ถอยไปหนึ่งก้าว ขอส่วน แบ่งจากก่ายเยี่ยนสามต่อเจ็ด

จากนั้นก็มีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งจะถูก “ดึงตัวออกมา” จาก หน้าประตูมาปรึกษากับเถ้าแก่ บอกว่ามีแขกผู้สูงศักดิ์จากต่างถิ่น หลายคนที่มาจากอุตรกุรุทวีป คนหลอกง่ายที่อยู่ในรูปลักษณ์ของ เด็กหนุ่มคนหนึ่งสอบถามว่าจะขอซื้อเรือนสองหลังอย่าง “หลูโจวเยว่ และ ไฉ่อวิ๋นเจียน” ที่อยู่ติดกับน้าจากโรงเตี๊ยมโดยตรงได้หรือไม่ ขอ แค่ทางฝั่งของโรงเตี๊ยมพยักหน้าตอบตกลงขายเรือนสองหลังนี้ให้กับ พวกเขา พวกเขาก็รับรองว่าในหนึ่งปี อย่างมากสุดจะเข้าพักแค่เดือน เดียวเท่านั้น ที่เหลืออีกสิบเอ็ดเดือนหรืออาจจะนานยิ่งกว่านั้นทาง โรงเตี๊ยมสามารถให้คนนอกเช่าได้ ส่วนรายได้จากการเข้าพักของ แขกคนอื่นก็จะยกให้ทางโรงเตี๊ยมทั้งหมด

ก่ายเยี่ยนได้ยินแล้วก็อึ้งตะลึงไป มาเจอกับคนโง่รายใหญ่ที่มีเงิน เยอะแต่ไม่รู ้จะใช ้เงินกับอะไรอย่างนั้นหรือ?

ผู้ฝึกตนหญิงเอ่ยว่า “คือหยวนเซวียน ฝานอวี้ หลิวอู่ติ้งจากศาล ซานหลางและหลิ่วซวี่แห่งล าคลองหลัวหม่า”

โจวไห่จิ้งยิ้มกว้าง “เจ้าตัวดี ตระกูลหยวนแห่งศาลซานหลาง สกุลหลิ่วแห่งแห่งลาคลองหลัวหม่า ล้วนเป็ นเศรษฐีรายใหญ่อันดับ ต้นๆ ของอุตรกุรุทวีปพวกเขาเลยนะ! ต้องเพิ่มราคาจากเดิมไปอีก เป็ นเท่าตัว ไม่สิต้องเพิ่มไปอีกเท่าของเท่าตัวถึงจะได้!”

 

แต่ก่ายเยี่ยนกลับพูดกับผู้ฝึกตนหญิงว่า “เจ้าไปบอกผู้ดูแลว่าให้ ขายพวกเขาเท่าราคาทุน”

โจวไห่จิ้งเอ่ยอย่างเดือดดาล “ก่ายเยี่ยน มีเงินมาให้แต่ไม่ยอมรับ ไว้ น้าเข้าสมองเจ้าหรือไร?!”

ก่ายเยี่ยนกล่าว “หลิ่วซวี่เคยไปเยือนกาแพงเมืองปราณกระบี่ ฝา นอวี้ก็เคยมาร่วมรบที่สนามรบของเมืองหลวงสารองต้าหลีพวกเรา”

โจวไห่จิ้งจ้องก่ายเยี่ยนเขม็ง

ก่ายเยี่ยนกล่าว “มองข้าทาไม เพิ่งจะร่วมงานกันก็แตกคอกันเสีย แล้วหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ต่างคนต่างกลับบ้าน วันหน้าข้าก็แค่หาเงิน เล็กๆ น้อยๆ ของข้าไปแล้วกัน”

โจวไห่จิ้งกลับคลี่ยิ้มกว้างในฉับพลัน “ก็ได้ๆ เจ้าคือเถ้าแก่ ข้าก็ เป็ นแค่เถ้าแก่รอง เจ้าเป็ นคนตัดสินใจ เมื่อก่อนรู ้สึกว่าเจ้าโง่ ถึงได้ไม่ รู ้ว่าควรจะหาเงินอย่างไร”

ก่ายเยี่ยนยิ้มถาม “แล้วตอนนี้ล่ะ?”

โจวไห่จิ้งกล่าว “ก็โง่จริงๆ”

ก่ายเยี่ยนคิ้วตั้งชัน “พูดอีกรอบสิ!”

โจวไห่จิ้งบอกให้ผู้ฝึ กตนหญิงคนนั้นไปคุยกับผู้ดูแลโรงเตี๊ยม จากนั้นก็หันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับก่ายเยี่ยน หัวเราะหน้าทะเล้น “ม้า นั่งยาวที่ขนมาจากเรือนเล็กหลังนั้น ขอให้ข้ายืมนั่งหน่อยเป็ นไร ข้า

 

คือผู้ฝึกยุทธเต็มตัว จะได้สัมผัสกับโชคชะตาปุ่ นและกลิ่นอายเขียน ดีๆ สักหน่อย”

ก่ายเยี่ยนถลึงตาใส่ “สตรีอย่างเจ้านี่มันทะลึ่งจริงๆ!”

โจวไห่จิ้งยิ้มเอ่ย “ตอนนั้นใครกันที่พอเห็นอาจารย์เฉินที่หน้า ประตูบ้านก็ท าท่าเหมือนเสือหิวกระโจนหาลูกแกะ พยายามสุดชีวิต จะขยับเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย”

ก่ายเยี่ยนหน้าแดง “ข้าก็แค่ล้ออาจารย์เฉินเล่นเท่านั้นเอง”

โจวไห่จิ้งกดเสียงลงต่า “ข้าคิดว่าเฉินผิงอันยังเป็ นลูกนกหัดบิน อยู่”

ก่ายเยี่ยนสะบัดชายแขนเสื้อปิดประตูห้องลง เรื่องนี้ต้องคุยกันให้ ดีๆ เสียแล้ว

ออกมาจากตรอกเล็ก เฉินผิงอันก็พาเสี่ยวโม่เดินเล่นอยู่ในเมือง หลวง

เสี่ยวโม่กล่าว “โจวอันดับหนึ่งให้เว่ยซานจวินช่วย ตอนนี้กลับไป ถึงภูเขาลั่วพั่วแล้ว”

ในเรื่องของการสืบเสาะริ้วคลื่นลมปราณของผู้ฝึ กตนและการ ไหลรินเส้นสายปราณวิญญาณแห่งฟ้ าดิน อันที่จริงเสี่ยวโม่เหนือกว่า ป๋ ายจิ่งระดับหนึ่ง แล้วก็เพราะอาศัยความสามารถเฉพาะตัวนี้ เมื่อ หมื่นปี ก่อน เขากับป๋ ายจิ่งถึงได้มีการถามกระบี่กันแค่สามครั้ง

 

ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่สามครั้งที่ถูกบีบให้รับกระบี่เลย อาจมากถึง สามสิบครั้งด้วยซ้า

เฉินผิงอันยิ้มถาม “ถูกห่อเป็ นเกี๊ยว (เป็ นคาเปรียบเปรยหรือคา แซวว่าถูกจับได้ ถูกจัดการ ดิ้นหนีไม่หลุด) อยู่ที่ตาหนักฉางชุนหรือ? เพราะติดขัดที่หน้าตา โจวอันดับหนึ่งจึงได้แต่ด่า ไม่กล้าเอาคืน ต้อง หนีมาได้อย่างเดียวเท่านั้น?”

จาได้ว่าปีนั้นครั้งแรกที่ไปเยือนอุตรกุรุทวีป ก็เคยได้ยินเรื่องราว มากมายเกี่ยวกับเจียงซ่างเจินที่นั่น ชื่อเสียงฉาวโฉ่ระบือไกล ยกตัวอย่างเช่นมีข้อพิถีพิถันที่ว่าภูเขาลูกหนึ่งจะหาเรื่องแค่ผู้ฝึกตน หญิงคนเดียวเท่านั้น พรรคในยุทธภพแห่งหนึ่งก็หลอกแค่จอมยุทธ หญิงคนเดียวเท่านั้น นี่มันนิสัยเสียๆ อะไรของเขากัน

หากปีนั้นเจียงซ่างเจินไม่ได้ใช ้นามแฝงมารับต าแหน่งผู้ถวาย งานอันดับหนึ่ง เฉินผิงอันก็มิอาจจินตนาการได้เลยว่าทุกวันนี้ ชื่อเสียงของภูเขาลั่วพั่วในสามทวีปอย่างแจกันสมบัติ ใบถงและอุตรกุ รุจะเป็ นเช่นไร

เสี่ยวโม่หัวเราะ “ไม่แน่ใจในรายละเอียดนัก”

เขาเคารพโจวอันดับหนึ่งอย่างมาก ตอนที่ภูเขาลั่วพั่วยังไม่ เปิดเผยตัวตนก็ล้วนเป็ นโจวอันดับหนึ่งที่คอยทุ่มเงินให้ไม่หยุด ไม่ใช่ เป็ นการปักบุปผาลงบนผ้าแพรอะไรด้วยซ้า แต่เป็ นการส่งถ่าน ท่ามกลางหิมะโดยแท้

 

มอบเงินให้หนึ่งเหรียญตอนที่ยากลาบากช่วยได้มากกว่ามอบ ทองให้หนึ่งก้อนตอนร่ารวย แล้วนับประสาอะไรกับที่เงินที่โจวอันดับ หนึ่งทุ่มไปเวลานั้นล้วนเป็ นเงินฝนธัญพืชทั้งหมด

ดังนั้นเสี่ยวโม่จึงรู ้สึกว่า เว้นเสียจากว่าคุณชายเป็ นผู้ตัดสินใจ เอง หาไม่แล้วในอนาคตใครจะกล้ามาแย่งชิงตาแหน่งอันดับหนึ่งจาก โจวอันดับหนึ่ง เขาเสี่ยวโม่คือคนแรกที่จะไม่ตอบตกลงด้วย

เซี่ยโก่วยังไม่ได้กลับมาจากศาลเทพอัคคี เสี่ยวโม่ถามอย่าง สงสัย “ไม่รู ้ว่าเซี่ยโก่วกับเฟิ งอี๋อะไรให้คุยกันนักหนา จ าได้ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ ์ของพวกนางธรรมดาอย่างมาก”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “สตรีกับสตรีพูดคุยเรื่องบุรุษเมื่อไหร่ก็ไม่มีข้อ ห้ามอะไรทั้งนั้น แต่ยามที่บุรุษพูดถึงสตรีแล้วพูดจาสัปดน เมื่อ เปรียบเทียบกันแล้วก็เหมือนเด็กเล่นขายของนั่นแหละ”

เสี่ยวโม่เอ่ยชื่นชมจากใจจริง “คุณชายเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย หรือ?”

เฉินผิงอันรีบส่ายหน้า รีบชี้แจงให้กระจ่างชัด “ข้าไม่เข้าใจหรอก แค่เคยได้ยินพวกพ่อครัวเฒ่าคุยกับพวกโจวอันดับหนึ่ง เซียนกระบี่ หมี่ พวกเขาต่างหากถึงจะเป็ นผู้เชี่ยวชาญบางครั้งข้าแค่ฟังผ่านหูก็ เดินออกมาแล้ว”

 

เฉินผิงอันหันมาใช ้เสียงในใจถามว่า “เสี่ยวโม่ คิดดีแล้วจริงๆ หรือว่าจะเข้ามาอยู่ในท าเนียบศาลบรรพจารย์ของภูเขาลั่วพั่ว นับแต่ นี้กลายเป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของยอดเขาจี้เซ่อ?”

เสี่ยวโม่ยิ้มถาม “คนที่คุณชายต้องถามเรื่องนี้ไม่ควรเป็ นเซี่ยโก่ว หรอกหรือ?”

เฉินผิงอันกล่าว “แต่ไหนแต่ไรมาเซี่ยโก่วก็คือป๋ ายจิ่งมาโดย ตลอด สถานะทาเนียบของใต้หล้าไพศาลมิอาจเหนี่ยวรั้งนางไว้ได้ ทั้ง สถานะและจิตแห่งมรรคาล้วนเป็ นเช่นนี้ นางอยากจะเป็ นผู้ถวายงาน อันดับรองก็เหมือนการเล่นสนุกอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าภูเขาลั่วพั่วของ พวกเราก็ต้องการผู้ฝึกกระบี่เต็มตัวที่เป็ นขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง มาเพิ่มจริงๆ หรือควรจะพูดให้ถูกก็คือ ใต้หล้าไพศาลรั้งตัวเซี่ยโก่วไว้ ได้อยู่ ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็จะขาดป๋ ายจิ่งไปคนหนึ่ง เรื่องนี้ข้ารู ้ดี เซี่ยโก่วเองก็กระจ่างชัดอยู่ในใจ เพียงแต่เพราะมีเจ้าอยู่ นางและข้า ต่างก็ไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้น”

เสี่ยวโม่ถามอย่างสงสัย “คุณชายไม่เชื่อใจข้าหรือ?”

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างขาๆ ปนฉุน “ทาไม อาจารย์เสี่ยวโม่จะพูดจา ทุเรศๆ เฉพาะช่วงเวลาสาคัญเท่านั้นหรือ ทุกสิ่งที่ทามาก่อนหน้านี้จะ ไม่เสียเปล่าหมดเลยหรือไร”

เสี่ยวโม่หลุดหัวเราะพรืด

 

“เจ้าจะเข้ามาอยู่ในท าเนียบหยกทองของศาลบรรพจารย์หรือไม่ สาหรับข้าแล้วเป็ นเรื่องที่ไม่ได้สาคัญอะไร การประชุมในยอดเขาจี้ เซ่อครั้งถัดไป จะได้บันทึกชื่อไว้หรือไม่ เจ้าก็ยังคงเป็ นเสี่ยวโม่อยู่ดี”