The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.180 หยั่งเชิง
หลังเสร็จสิ้นพิธีปฏิญาณโลหิต เหล่าทหารเหรียญทองและทหารเหรียญเงินต่างเผยยิ้มอย่างมีความสุขราวกับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำพิธีปฏิญาณโลหิตร่วมกับราชทูตใหญ่จีหยาง ทว่าทหารเหล่านี้ยังไม่ล่วงรู้ว่าหลี่เฉียนซุนนั้นเป็นยอดฝีมือด้านการใช้มนต์คาถา
“ท่านราชทูตใหญ่ขอรับ”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยความเคารพ “เนื่องจากพวกเราได้ทำพิธีปฏิญาณโลหิตแล้ว เช่นนั้น…หลัวอวี่จะไม่เดือดร้อนอีกต่อไปใช่หรือไม่ขอรับ? ท่านราชทูตใหญ่ได้ให้คำสัญญากับข้าน้อยว่าจะไว้ชีวิตหลัวอวี่”
จีหยางพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ข้าไว้ชีวิตหลัวอวี่ ทว่าหลังจากทำความผิดอันใหญ่หลวงนี้ เขาจะไม่สามารถอยู่ในสำนักอัศวินได้อีกต่อไป และต้องไปจากที่นี่ก่อนอาทิตย์ตกดิน มิเช่นนั้นจะถูกประหารชีวิต”
“เป็นพระคุณอย่างยิ่งขอรับท่านราชทูตใหญ่”
“หลินหยาน…มิต้องมากพิธีไป พวกเราเป็นพี่น้องกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่หมุนตัวกลับแล้วช่วยหลัวอวี่ทำแผล ก่อนจะยื่นชุดทหารเหรียญเงินพร้อมอาหารให้ ใบหน้าของหลัวอวี่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ หลังกลืนสตูเนื้อเขากล่าวขึ้นว่า “การมาของจีหยางนั้นราวกับพยัคฆ์…ท่านหลินหยานระวังตัวด้วยขอรับ ข…ข้าไว้ใจคนผิด ไม่คิดเลยว่าทหารคนสนิทจะหักหลังข้าเยี่ยงนี้ ในเมื่อเขารายงานเรื่องของข้าได้…จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่รายงานเรื่องของท่าน…”
หลินมู่อวี่บีบไหล่ของหลัวอวี่และพูดด้วยเสียงทุ้มพร้อมรอยยิ้มจางๆ “วางใจเถิดหลัวอวี่ ข้ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ดังนั้นจีหยางคงไม่กำจัดข้าในเร็ววันนี้”
“อืม นั่นเป็นเรื่องที่ดี…”
“ทหาร! พาหลัวอวี่ไปที่พักของข้า” หลินมู่อวี่ออกคำสั่งก่อนที่ทหารหลายนายพลันส่งเสียงตอบรับ จากนั้นกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “หลัวอวี่…พักผ่อนเถิด ข้าจะไปส่งเจ้าลงจากภูเขาก่อนอาทิตย์อัสดง”
หลัวอวี่พยักหน้า “ขอรับ”
…
จากนั้นจีหยางยกจอกสุราพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มีงานเลี้ยงจัดขึ้นที่โถงหลัก เข้ามาสิหลินหยาน วันนี้เชิญดื่มให้หนำใจ และไม่อนุญาตให้กลับหากยังไม่เมา”
“ขอรับ”
สุราในจักรวรรดิเป็นเหล้าข้าวทั้งหมด จึงไม่ได้มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูง และไม่ส่งผลมากนักหากหลินมู่อวี่จะดื่มเพิ่มอีกเล็กน้อย ร่างกายเขาได้รับการปรับแต่งมาหลายครั้งและมีความสามารถทนต่อแอลกอฮอล์ได้ค่อนข้างมาก และคงยากที่จะกล่าวว่าห้ามกลับออกไปหากไม่เมา เนื่องจากหลินมู่อวี่สามารถดื่มเหล้าได้ถึงแปดจอกโดยที่ไม่มีอาการมึนเมาเลย
มีที่นั่งสามตัวในห้องโถงหลักซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อจีหยาง หลี่เฉียนซุน และหลินมู่อวี่
เมื่อหลินมู่อวี่เดินเข้ามาพร้อมจอกสุราในมือ ก็พบว่าไฟด้านในค่อนข้างสลัว จากนั้นประตูด้านหลังก็ปิดลง หลินมู่อวี่ตกตะลึงก่อนจะปลดปล่อยฌานสัมผัสอย่างระมัดระวัง
จีหยางเดินตรงไปที่เก้าอี้ตัวกลางก่อนจะหันหลังกลับกะทันหัน ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์หนาแน่นพร้อมเผยรอยยิ้มจางๆ “ท่านหลินหยาน”
“ขอรับท่านราชทูตใหญ่?”
“เจ้าคิดว่าสิ่งนี้คืออะไร?”
จีหยางพลันยกมือขึ้นก่อนที่จอกสุราในมือจะลอยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับดาวตก!
‘วิ้ง!’
จอกเหล้าพลันหมุนด้วยความเร็วสูงพร้อมปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์สงคราม หลินมู่อวี่เข้าใจทันทีว่าจีหยางกำลังทดสอบความแข็งแกร่งของเขา จึงส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำและปลดปล่อยปราณยุทธ์สงครามโคจรรอบแขน จากนั้นก็ขว้างจอกเหล้าออกไป!
‘เปรี้ยง!’
จอกเหล้าสองใบชนกันกลางอากาศจนแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับเหล้าที่ตกลงมาราวกับหยาดฝน ทันใดนั้น! จีหยางพุ่งตัวไปพร้อมยกมือขึ้นโจมตีหลินมู่อวี่ด้วยปราณยุทธ์สงคราม
หลินมู่อวี่ไม่สามารถล้มเลิกภารกิจได้ มิเช่นนั้นอาจสูญเสียความไว้ใจ และจีหยางคงประหารชีวิตเขาทันที
หลินมู่อวี่อยู่โลกนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว และเข้าใจเหล่าผู้คนที่ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจผู้อื่นเป็นอย่างดี เขาพลันควบแน่นปราณยุทธ์ไว้ที่แขนขวาโดยไม่ใช้วิญญาณยุทธ์ ทว่ากลับใช้พลังเจ็ดประทีป…สามประทีปทรกรรมชีวี!
บนฝ่ามือพลันปรากฏภาพมายาชายหญิง สรรพสัตว์ แม่น้ำ พงไพร และอีกมากมายอย่างรวดเร็ว พลังของสามประทีปมาจากพลังของเหล่าสรรพสิ่ง ซึ่งมีความแข็งแกร่งอย่างท่วมท้นอย่างไม่สามารถต้านทานได้ เมื่อหลินมู่อวี่ปลดปล่อยสามประทีปออกจากฝ่ามือ จีหยางก็เผยสีหน้าประหลาดใจ นี่เป็นพลังที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน!
‘เปรี้ยง!’
เมื่อพลังมหาศาลถูกปลดปล่อยออกจากฝ่ามือ ทันใดนั้น! ปราณยุทธ์สงครามระเบิดขึ้นปะทะหลินมู่อวี่จนถอยหลังไปสามก้าว ขณะนั้นจีหยางโดนกระแทกถอยหลังไปสองก้าว หลินมู่อวี่ไม่ได้ใช้วิญญาณยุทธ์ ดังนั้นสามประทีปจึงอ่อนพลังลง ราชาปีศาจเจ็ดประทีปในทะเลจิตถ่มน้ำลายพร้อมหัวเราะเยาะ “เจ้าเด็กเหลือขอ เป็นเพราะเจ้าไม่ยอมใช้วิญญาณยุทธ์ มิเช่นนั้นพลังของราชาปีศาจเจ็ดประทีปผู้สูงส่งจะถูกสกัดกั้นด้วยพลังต่ำต้อยเช่นนั้นได้เยี่ยงไร?”
หลินมู่อวี่เมินราชาปีศาจเจ็ดประทีปผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่กำเนิด ราชาปีศาจเข้าใจแค่การฝึกตน ทว่าไม่เข้าใจความเป็นมนุษย์เลย มิเช่นนั้นคงมิถูกไล่ล่าจากผู้ชำนาญการขอบเขตเทวาและขอบเขตปราชญ์กว่าหลายร้อยนายเข้าไปที่นรกชั้นที่สิบเจ็ด ในแง่ของการฝึกตน…หลินมู่อวี่จำเป็นต้องเรียนรู้จากราชาปีศาจเจ็ดประทีป ทว่าราชาปีศาจก็ต้องเรียนรู้ความเป็นมนุษย์จากหลินมู่อวี่เช่นกัน
จีหยางยืนตัวสั่นและชาไปทั้งแขนขวาหลังจากการปะทะ หากยังปะทะต่อ…อีกเพียงสามวินาทีเขาต้องได้รับบาดเจ็บเป็นแน่! จีหยางไม่คาดคิดว่าหลินมู่อวี่จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ที่จริงหลินมู่อวี่ต้องไม่มีพลังเช่นนี้หรือมากกว่านี้ หากยังปะทะกันต่อไป สามประทีปคงผลาญพลังเขาจนหมดสิ้น
จีหยางสะบัดแขนเสื้อและกลับไปนั่งที่พร้อมกล่าวว่า “หลินหยาน เจ้าแอบเก็บเหรียญเพชรหนึ่งร้อยสิบสี่เหรียญ คิดว่าจะซ่อนจากข้าได้หรือ?”
“ไม่ได้ขอรับ”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยความสัตย์จริง “ข้าคิดไว้แล้วว่าท่านราชทูตใหญ่อาจทราบเรื่องนี้”
จีหยางเลิกคิ้วประหลาดใจ “แล้วเหตุใดจึงคิดว่าข้าจะไม่จัดการเจ้า?”
หลินมู่อวี่ยิ้มพร้อมประสานมือกล่าว “เพราะข้ายังสามารถทำในสิ่งที่หลัวอวี่ทำไม่ได้เพื่อท่านราชทูตใหญ่ ใช่ไหมขอรับ?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จีหยางพลันเงยหน้าขึ้นพร้อมหัวเราะ “เอาล่ะ ดีจริงๆ ที่ข้ามีสหายที่ชาญฉลาดเช่นเจ้า หลินหยาน…ข้าไม่รู้ภูมิหลังเจ้าเลย และทหารที่ข้าส่งไปตรวจสอบก็มิเจอสิ่งผิดปกติอันใด จนถึงตอนนี้…เจ้ายังคงเป็นสหายที่น่าสงสัยมากที่สุด รู้ตัวหรือไม่?”
“รู้ขอรับ”
หลินมู่เผยรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะหยิบเหรียญเพชรออกจากหน้าอก และครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทว่านี่สำคัญด้วยหรือขอรับ? หลินหยานเกิดมาในครอบครัวยากจน และมิเคยถูกแยแส ต้องฝึกตนอย่างหนักเพื่อเข้าสู่ขอบเขตนภา และใช้ความแข็งแกร่งนี้เพื่อหาเงินประทังชีวิต ท่านจีหยางเป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม คงเข้าใจว่าข้าสมควรได้รับเหรียญเพชรหนึ่งร้อยสิบสี่เหรียญนี้หลังจัดการเจียงเฟิงลี่ได้ อีกทั้งเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก”
จีหยางแทบหยุดหัวเราะไม่ได้ “เอาล่ะ…คำพูดเจ้าฟังดูสมเหตุสมผล หลินหยาน…สำนักอัศวินของข้าเป็นที่ที่ให้เจ้าได้แสดงพลังออกมา ตราบใดที่เจ้าติดตามข้า เช่นนั้นข้ากล้ารับรองความรุ่งโรจน์ของเจ้าได้ และอาจมีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นถึงชนชั้นสูง”
“เยี่ยงนั้นหลินหยานขอบคุณท่านราชทูตใหญ่มากขอรับ!”
“มิต้องมากพิธีไป” จีหยางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมองหลินมู่อวี่และถามว่า “หลินหยาน การโจมตีของเจ้าเมื่อครู่…พลังช่างดูแปลกตา นั่นคือวิญญาณยุทธ์อะไรกัน? ข้าผู้ฝึกฝนวิญญาณยุทธ์มาทั้งชีวิต ทว่ากลับไม่เคยเห็นวิญญาณยุทธ์แปลกประหลาดเยี่ยงนี้มาก่อน มันคืออะไรหรือ?”
หลินมู่อวี่แอบขำ เขารู้อยู่แล้วว่าสหายเฒ่าผู้นี้ต้องการถามสิ่งใด หลินมู่อวี่พลันเงยหน้าพร้อมกล่าวว่า “แท้จริงแล้วข้าเองก็ไม่รู้ชื่อของมัน ตอนที่ข้ายังคงเป็นเด็กเลี้ยงวัว ข้าฝึกฝนอย่างหนัก ทว่าก็มิได้พัฒนาขึ้น จนกระทั่งข้าตกลงไปในสุสานขณะที่ปล่อยวัวออกไปกินหญ้า และดูเหมือนว่าสุสานนั้นจะถูกเรียกว่าสุสานจักรพรรดิ จากนั้นข้าได้พบตำราวิทยายุทธ์ชื่อว่า ‘สิบแปดฝ่ามือพิฆาตมังกร’ ซึ่งผุพังเกือบหมดเหลือเพียงเจ็ดกระบวนท่าเท่านั้น ข้าศึกษามันจนประสบความสำเร็จเล็กน้อย และการโจมตีเมื่อครู่เรียกว่า ‘มังกรโศกา’ ฮ่าๆๆ ท่านราชทูตใหญ่ มันไม่เลวเลยใช่ไหมขอรับ?”
“สิบแปดฝ่ามือพิฆาตมังกรอย่างนั้นหรือ?”
จีหยางตกตะลึงก่อนจะกล่าวว่า “เป็นชื่อที่ดี…ฝ่ามือนั้นทรงพลังมากเยี่ยงพลังมังกรอย่างแท้จริง ไม่เลวเลย ตำราวิญญาณยุทธ์นั่น…เจ้ายังมีติดตัวหรือไม่?”
“ไม่ขอรับ” หลินมู่อวี่ส่ายหัว “หลังจากที่ศึกษามันทั้งเจ็ดกระบวนท่า ข้าก็มิอาจทนต่อความหิวโหยได้ จึงขายมันไปเพื่อหมั่นโถวลูกเล็กหนึ่งลูก”
“หมั่นโถวลูกเล็ก…” จีหยางตกใจก่อนกล่าวว่า “นั่นมัน…ไม่น่าขันเกินไปหน่อยหรือ?”
หลินมู่อวี่หัวเราะ “ทว่าเป็นความจริงขอรับ เมื่อผู้คนกำลังจะตายด้วยความหิวโหย มีสิ่งใดที่พวกเขายังต้องสนใจอีกหรือ?”
“เจ้าพูดถูก ฮ่าๆๆ นั่งลงแล้วดื่มสิ!”
“ขอรับ!”
…
เป็นเรื่องดีที่จีหยางไม่ถามต่อ มิเช่นนั้นหลินมู่อวี่คงต้องชักแม่น้ำอินทั้งเก้าเพื่อมาโกหกแน่…จีหยางคงไม่โง่ขนาดที่จะเชื่อสิ่งเหล่านั้นหรอกใช่ไหม?
แน่นอนว่าจีหยางไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าหลินมู่อวี่ไม่ต้องการมอบวิทยายุทธ์นี้ให้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ…ไม่ว่าใครก็ต้องการมีทักษะพิเศษ และไม่ต้องการสอนวิทยายุทธ์พิเศษของตัวเองให้ใคร!
เมื่องานเลี้ยงดำเนินมาถึงเวลาใกล้ค่ำ และดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า หลินมู่อวี่แสร้งทำเป็นเมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินโซเซพร้อมกล่าวว่า “ท่านจีหยาง ข้าน้อยดื่มต่อไม่ไหวแล้วขอรับ…อา…ข้ายังต้องไปส่งหลัวอวี่ออกจากภูเขา มิเช่นนั้นท่านจะตัดหัวเขา”
จีหยางพลันหัวเราะ “ท่านหลินหยานดื่มไปมากแล้ว…ทหาร! นำห้าร้อยเหรียญทองมาให้ท่านหลินหยาน และส่งเขากลับที่พักซะ”
ผู้ฝึกหัดพลันถือถุงเงินใบหนาออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านหลินหยาน ข้าน้อยจะเป็นผู้ไปส่งท่านกลับเองขอรับ”
“อืม…ตกลง…ขอบคุณมากขอรับท่านจีหยาง”
หลินมู่อวี่เดินโซเซออกจากโถงหลักขณะที่มีแผนอยู่ในใจ จีหยางให้ความสำคัญกับหลินมู่อวี่เช่นเดียวกับที่โจโฉจัดงานเลี้ยงให้กวนอู ดูเหมือนว่าสำนักอัศวินต้องการความแข็งแกร่งของเขา ทว่า…พวกเขาต้องการไปเพื่อสิ่งใด? คงต้องถามเรื่องนี้กับหลัวอวี่ซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา
…
หลังจากหลินมู่อวี่ออกไป
ไฟในโถงหลักพลิ้วไหว ก่อนที่สายตาเมามายของหลี่เฉียนซุนจะกลับมาเป็นปกติและกล่าวว่า “พี่ใหญ่ เจ้าเด็กนี่…แกล้งทำเป็นเมา ข้าดูเขาไม่ออกเลย เขามีความเป็นมาอย่างไรกัน? การเข้าสู่ขอบเขตนภาโดยไม่มีวิญญาณยุทธ์เป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยาก เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงไม่เข้าร่วมกองทัพจักรวรรดิแต่กลับเข้าร่วมสำนักอัศวินของเราแทน?”
ดวงตาจีหยางเปลี่ยนเป็นเย็นชาและกล่าวเสียงแผ่วเบา “เป็นเพราะเขาไม่มีวิญญาณยุทธ์ และเป็นผู้ชำนาญการขอบเขตนภา ข้าส่งคนเข้าไปในเมืองหลันเยี่ยนเพื่อตรวจสอบ และไม่พบว่ามีคนลักษณะเช่นนี้ในเมืองหลวง อีกทั้งไม่มีผู้บัญชาการระดับสูงหายตัวไปจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ องครักษ์รักษาพระองค์ ทหารอวี้หลิน หรือแม้แต่ค่ายเสินเวย หลินหยานผู้นี้คงเป็นทหารรับจ้างพเนจรและต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งในสำนักอัศวิน มิต้องกังวลไป เราต้องการคนเช่นนี้อยู่แล้ว”
“พี่ใหญ่พูดถูกขอรับ”
“เฉียนซุน ยาพิษของเจ้าจะมีผลเมื่อใด?”
“ภายในเจ็ดวันขอรับ เพื่อให้พิษจากแมลงแผ่ไปทั่วร่าง เราต้องรอจนกว่าจะถึงเวลานั้น”
“อืม!”
………………………………….