The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.75 การทดสอบ
ยามเช้า วิหารศักดิ์สิทธิ์เงียบสงบ วันนี้สำหรับหลินมู่อวี่แล้วเป็นวันที่สำคัญมาก เพราะเป็นวันแรกที่เขาจะทำงานในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ขณะเดียวกันก็เป็นวันตัดสินสถานะของเขาในวิหารศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
……
“ก๊อกๆ ๆ…”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลินมู่อวี่ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ค่อยๆ รู้สึกตัว รีบไปเปิดประตู และพบว่าด้านนอกมีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ ชายชราสวมชุดเกราะ ด้านหลังมีผ้าคลุมสีขาว หน้าตาใจดีมีเมตตา
“หลินจื้อ วันนี้ช่วงเช้าจะเป็นการทดสอบครั้งแรกของเจ้า กินอะไรสักหน่อย แล้วรีบตามข้ามา!”
“ขอรับ”
หลินมู่อวี่ไม่ได้ถามชายชราว่าเขาเป็นใคร เพราะในวิหารศักดิ์สิทธิ์สถานะของตนต่ำที่สุด ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะไปถามว่าชายชราผู้นี้เป็นใครกันแน่ จนกระทั่งฉินจื่อหลิงตามมา เขาพุ่งเข้าไปพูดกับหลินมู่อวี่ว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่กับผู้ดูแลอาวุโสได้ล่ะ”
“ผู้ดูแลอาวุโส?”
“ก็ใช่น่ะสิ!” ฉินจื่อหลิงชี้ไปที่ชายชราที่เดินนำหน้า “ในสิบสองผู้ดูแลวิหารศักดิ์สิทธิ์ มีผู้ดูแลอาวุโสอยู่สองท่าน เป็นผู้แทนอำนาจสูงสุดในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ท่านผู้นี้คือหนึ่งในผู้ดูแลอาวุโส ใต้เท้าเหลยหง เจ้าไม่รู้จักหรือนี่”
หลินมู่อวี่ตกตะลึง เขาไม่รู้จริงๆ
“ไม่ต้องพูดมาก ตามข้ามา” เหลยหงไม่ได้หันกลับมา แต่เสียงกังวานดั่งระฆัง เหมาะกับชื่อเขาจริงๆ
ฉินจื่อหลิงทำหน้าล้อเลียนแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ใต้เท้าเหลยหงปีนี้อายุเจ็ดสิบเอ็ดแล้ว ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่หนึ่ง เป็นสองเสาหลักของจักรวรรดิคู่กับท่านติ่งอัคคีชวีฉู่ ใต้เท้าเหลยอาจจะมีพลังยุทธ์เหนือกว่าชวีฉู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ และยังเป็นหนึ่งในหกองครักษ์อวี้หลินชุดขาวด้วยนะ!”
หลินมู่อวี่พยักหน้าเงียบๆ รู้สึกเคารพชายชราผู้นี้ขึ้นมาก เพราะอย่างไรเสียสามารถเทียบชั้นกับชวีฉู่ได้นั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นขอบเขตปราชญ์ ยิ่งทำให้ผู้คนเคารพยำเกรงขึ้นไปอีก
……
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินตามผู้ดูแลอาวุโสเหลยหงมาจนสุดระเบียงทางเดิน ที่อยู่ด้านหน้าคือห้องโถงกว้าง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแผ่นหินสีครามสลักอักษรสามตัวที่ทรงพลังตัวใหญ่ว่า “โถงฝึกซ้อม” ไม่ต้องคิดเลย ที่นี่ก็คือสถานที่ฝึกยุทธ์ของเหล่ายอดฝีมือแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์
พื้นที่ของโถงฝึกซ้อมใหญ่มาก นอกจากโถงใหญ่แล้วยังมีห้องฝึกซ้อมขนาดเล็กอีกสิบว่าห้อง สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง แต่กลับมีพื้นที่ใหญ่โต เห็นได้ชัดถึงสถานะอันสำคัญในจักรวรรดิของวิหารศักดิ์สิทธิ์
โถงฝึกซ้อมในเวลานี้มีคนจำนวนไม่น้อยมารออยู่แล้ว ครูฝึกสิบท่าน และผู้ช่วยฝึกอีกสิบท่าน สายตาทุกคู่ต่างหยุดอยู่ที่หลินมู่อวี่
เหลยหงก้าวขึ้นมาข้างหน้า ยืนอยู่หน้าที่นั่งของผู้ดูแลอาวุโส แล้วหันกลับมาพร้อมกล่าวขึ้น “วันนี้วิหารศักดิ์สิทธิ์มีสมาชิกมาใหม่ ชื่อว่าหลินจื้อ เป็นผู้ช่วยฝึก แต่ลำดับขั้นของเขายังไม่ได้ถูกกำหนดแน่นอน ดังนั้นเช้านี้จะเป็นการทดสอบ!”
“อะไรคือลำดับขั้นผู้ช่วยฝึกเหรอ” หลินมู่อวี่กระซิบถามด้วยความประหลาดใจ
ฉินจื่อหลิงตอบ “ก็เหมือนกับครูฝึกนั่นแหละ ผู้ช่วยฝึกก็มีการแบ่งลำดับขั้น ตั้งแต่ระดับดาวเหล็กจนถึงระดับดาวทอง โดยจะเป็นคู่ซ้อมให้กับครูฝึกที่ระดับเท่ากัน วิธีการทดสอบก็คือเจ้าต้องชนะไปทีละคนให้ได้ ชนะครูฝึกระดับดาวเหล็กติดต่อกันสามคนได้ ก็สามารถเป็นผู้ช่วยฝึกระดับดาวทองแดงได้ ลำดับขั้นผู้ช่วยฝึกยิ่งสูง เงินเดือนและสวัสดิการก็จะยิ่งมากขึ้น แน่นอนว่าความเจ็บปวดที่แบกรับก็มากขึ้นด้วย ข้าคือผู้ช่วยฝึกระดับดาวเหล็ก หลินจื้อเจ้าพิจารณาดูเองก็แล้วกัน!”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ ความหมายของฉินจื่อหลิงนั้นชัดเจนมาก คือไม่ให้เขาโอ้อวดจนเกินไป เผื่อว่าภายภาคหน้าได้เป็นผู้ช่วยฝึกของครูฝึกระดับดาวเงินดาวทอง จะได้ไม่ต้องลำบากมาก แต่ตัวเขามีความคิดอีกอย่าง คู่ต่อสู้ยิ่งแข็งแกร่ง ตัวเองถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ ดังนั้นจะต้องเป็นผู้ช่วยฝึกระดับดาวทองให้ได้!
“เช่นนั้นก็ เริ่มต้นได้!” เหลยหงสะบัดแขนเสื้อ “การทดสอบผู้ช่วยฝึกนั้นง่ายมาก ห้ามตอบโต้ แค่รับการโจมตีของครูฝึกหนึ่งนาทีโดยไม่ล้มไปก่อน ติดต่อกันสามคนให้ได้ ก็ถือว่าผ่าน เช่นนั้นเริ่มจากระดับดาวเหล็กก่อน หลินจื้อ เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม”
หลินจื้อพยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ ท่านผู้ดูแลอาวุโส”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปที่กลางโถงทดสอบ ยืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น วาดเท้าออกไปเป็นวง ยืนตระหง่านมั่นคงราวภูผา ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ปราณไร้รูปก็ค่อยๆ กระจายออกรอบตัว ขนาดที่ผู้ดูแลอาวุโสเหลยหงยังมองด้วยแววตาชื่นชม
ในบรรดาครูฝึก คนที่ติดสัญลักษณ์ระดับดาวเหล็กได้แต่เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า สุดท้ายก็มีคนหนึ่งพูดขึ้น “ใต้เท้าหวังซิ่ง ถ้ายังไงท่านเป็นคนแรก?”
คนที่ชื่อหวังซิ่งเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน “งั้นข้าจะไปคว้าชัยชนะมาเอง!”
พอพูดจบ เขาถีบตัวขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่หลินมู่อวี่ เปลวเพลิงหมุนวนอยู่รอบกำปั้นและวิญญาณยุทธ์ก็ออกมาด้วย ครูฝึกระดับดาวเหล็กผู้นี้น่าจะมีพลังอยู่ที่ระดับสี่สิบห้า ไม่น่ากลัวเลยสักนิด
หลินมู่อวี่กางฝ่ามือข้างหนึ่ง วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีส้มปรากฏขึ้น พลันมีเสียงหัวเราะจากกลุ่มครูฝึกดังไปทั่วห้องโถง ครูฝึกระดับทองแดงหลายคนหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าอันดับสิบกระจอก ยังจะกล้ามาเป็นผู้ช่วยฝึก ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กนี่กับเจ้าดอกหางสุนัขฉินจื่อหลิงมาเป็นตัวตลกหรือไง”
เหลยหงขมวดคิ้วแน่น แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากนั้นยังมีครูฝึกอีกหลายคนที่ไม่ได้หัวเราะเยาะ ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงรู้ว่าต้องสังเกตการณ์อย่างไร
พลังสีแดงเพลิงหลายสายรวมตัวอยู่รอบน้ำเต้า กลายเป็นกระดองเต่าทมิฬ หลินมู่อวี่ไม่ใช้ปราการเกล็ดมังกร เพราะแค่กระดองเต่าทมิฬก็เพียงพอที่จะรับมือได้หนึ่งนาที
“ปัง!”
เปลวเพลิงกระจายออกมา การโจมตีครั้งแรกถูกหลินมู่อวี่กันไว้ได้ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าอีกฝ่ายถูกกระแทกจนถอยหลังกลับไป หวังซิ่งถอยไปหลายก้าว เลือดลมตีขึ้นมาที่หน้าอก สีหน้าซีดขาว พลังการป้องกันของอีกฝ่ายเหนือกว่าพลังโจมตีของตนมาก พลังรุนแรงตีกลับใส่แขน ทำให้แขนขวาชาไร้เรี่ยวแรงทันที ไม่สามารถขยับได้ในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรเสียหวังซิ่งก็เป็นครูฝึกของวิหารศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง ไหนเลยจะยอมรับความอับอายเช่นนี้ได้ เขารีบยกแขนซ้ายขึ้นมา แล้วปล่อยหมัดโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง
“ปัง!”
ผลลัพธ์เหมือนเดิม ครั้งนี้แขนทั้งสองข้างของหวังซิ่งรู้สึกชาไปหมด ไม่สามารถขยับได้ คงไม่ต้องถึงกับใช้ขาสองข้างนี่หรอกใช่ไหม หากยืนไม่ไหวขึ้นมา ยิ่งขายหน้าหนักกว่าเดิม เขากัดฟันพูด “ข้าแพ้แล้ว!”
ไม่ถึงหนึ่งนาที ชนะ!
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กๆ ประสานมือคาราวะ “ขอบคุณท่านที่ออมมือ”
หวังซิ่งไม่สามารถประสานมือได้ จึงได้แต่พยักหน้าแล้วถอยออกไป
……
“ยอดเยี่ยม!”
ครูฝึกระดับดาวเหล็กอีกคนก็พุ่งเข้ามา เขามีรูปร่างผอมคล้ายลิง นิ้วทั้งห้ากางออก ปราณสีครามหมุนวน นี่คือผู้ที่ชำนาญการใช้กรงเล็บ และบนแขนยังปรากฏวิญญาณยุทธ์นกอินทรี นิน่าถึงใช้ทักษะยุทธ์แบบนี้ได้
“ปัง ปัง ปัง!”
กระดองเต่าทมิฬรับการโจมตีรุนแรงติดกันหลายครั้ง หลินมู่อวี่เพิ่มพลังการป้องกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระดองเต่าทมิฬหนาขึ้น เดิมทีพลังของครูฝึกระดับดาวเหล็กผู้นี้สู้คู่ต่อสู้ไม่ได้ บวกกับการโจมตีที่ไม่หยุด เป็นธรรมดาที่จะทำให้เหนื่อยล้ามากกว่าเดิม หลังจากนั้นหนึ่งนาที กรงเล็บสองข้างของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด แต่หลินมู่อวี่กลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
กลุ่มครูฝึกระดับดาวเหล็กพากันตกตะลึง ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กอัปลักษณ์นี่จะชนะครูฝึกระดับดาวเหล็กสองคนติด แถมยังชนะขาดลอยอีกด้วย! ทุกคนต่างกัดฟัน มองหาว่าใครจะขึ้นไปล้างความอัปยศนี้
และในตอนนี้เอง เหลยหงพลันโบกมือ “คนที่สามไม่ต้องแล้ว หลินมู่อวี่ผ่านเข้าสู่ระดับดาวทองแดง มาเถอะ ครูฝึกระดับดาวทองแดงสามคนไหนต้องการประลองกับเขาบ้าง”
ครู่เดียว มีคนสวมชุดเกราะสีเงินถือกระบี่เดินเข้ามา ยิ้มพูด “น้องหลินจื้อ พลังยุทธ์ยอดเยี่ยม ข้าโจวถูขอรับการชี้แนะพลังป้องกันของน้ำเต้าเจ้าสักหน่อย!”
พูดจบ โจวถูเปล่งเสียงดัง รอบๆ กระบี่ปรากฏไอเย็นบริสุทธิ์หลายสาย บนแขนคลับคล้ายคลับคลาเหมือนมีวิญญาณยุทธ์รูปร่างคล้ายงูน้ำแข็ง โลกใบนี้มีทุกอย่างจริงๆ ขนาดวิญญาณยุทธ์แบบนี้ก็ยังจะมี
หลินมู่อวี่สูดลมหายใจลึก รวมพลังปราณต่อ โจวถูผู้นี้บางทีอาจจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตปฐพีชั้นที่สามแล้วก็ได้ พลังไม่ห่างจากตนมาก จะดูถูกเขาไม่ได้
“วิ้ง!”
กระบี่ลอยออกจากมือ หมุนวนในอากาศ พร้อมพลังงานแทงทะลุที่หมุนวนเป็นเกลียว ผู้ที่สามารถเข้ามาในวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นไม่มีพวกอ่อนแอจริงๆ ด้วย โจวถูเพียงออกอาวุธก็เห็นถึงความสามารถของเขาแล้ว!
หลินมู่อวี่ไหนเลยจะกล้าประมาท โคจรปราณปราการเกล็ดมังกรในชั่วพริบตา ใช้การป้องกันสองชั้น!
“ปึง!”
กระบี่ยาวโจมตีกำแพงน้ำเต้าทำให้เกิดเสียงของแข็งกระทบกัน การป้องกันสองชั้นของกระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรช่วยเพิ่มพลังการป้องกันจากปกติให้มากขึ้นอีกหนึ่งชั้น ด้วยผลของพลังสะท้อนกลับ เกราะปราณปรากฏขึ้นที่แขนของโจวถู เป็นไปตามคาด หลังจากผู้แข็งแกร่งระดับห้าสิบกว่าผู้นี้ถอยหลังมาหลายก้าว โจวถูทำใจให้สงบลง แต่ก็รู้สึกสะท้านอยู่ในใจไม่หยุด
ความจริงแล้วหลินมู่อวี่ไม่น่าจะรับการโจมตีของโจวถูได้ แต่เพราะวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของเขานั้นพัฒนามาห้าครั้ง แถมได้รับมาถึงห้าทักษะ ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือในห้าทักษะนี้มีสองทักษะที่เป็นทักษะป้องกันตั้งรับ ทั้งยังได้มาจากสัตว์วิญญาณอายุหลายพันปี หลักการที่ว่าหนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสอง ในเวลานี้เห็นผลชัดเจน ภายใต้การป้องกันของกระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกร หลินมู่อวี่จึงไม่หวาดกลัวการโจมตีของโจวถูเลยสักนิด!
ความจริงในเวลานี้เป็นโจวถูที่ตกใจอย่างมาก แต่หลินมู่อวี่เองก็ตกใจกับการป้องกันสองชั้นนี้เหมือนกัน หากตนเองสามารถสังหารมังกรกลดตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วได้รับปราการเกล็ดมังกร เกรงว่าต่อให้เป็นกวานยาง เย่เหลียงหรือคนอื่น เขาก็คงเบาแรงขึ้นมาก!
หลังจากโจมตีต่อเนื่องอีก กระบี่ของโจวถูก็ฝากรอยไว้บนกระดองเต่าทมิฬ แต่ก็ไม่สามารถทำลายมันลงได้ สุดท้ายหมดหนึ่งนาที เขาเหงื่อไหลทั่วหน้า ประสานมือพูด “น้องหลินจื้อ เจ้าชนะแล้ว!”
“ท่านออมมือแล้ว” หลินมู่อวี่ถ่อมตัว
เวลานี้เอง ผู้ดูแลอาวุโสเหลยหงที่นั่งอยู่ด้านบนก็ยิ้มแล้วพยักหน้า รู้สึกชื่นชมหนุ่มผู้ช่วยฝึกหลินมู่อวี่คนนี้มากยิ่งขึ้น
……
ครู่เดียวครูฝึกระดับทองแดงอีกสองคนก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของหลินมู่อวี่ได้ ทำให้กลุ่มผู้ช่วยฝึกส่งเสียงโห่ร้องเชียร์ หนึ่งในนั้นมีฉินจื่อหลิงที่ตื่นเต้นที่สุด ครั้งนี้ถือว่าหลินมู่อวี่ช่วยกู้หน้าให้ผู้ช่วยฝึกสำเร็จ
“หลินจื้อ ประลองกับครูฝึกระดับดาวเงินเถอะ!” เหลยหงหัวเราะฮ่า “เจ้าหนุ่ม ไม่เลวเลยนี่!”
ผู้ดูแลเกอหยางกลับยิ้ม “จำนวนผู้ช่วยฝึกของวิหารศักดิ์สิทธิ์ลดน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่มีผู้ช่วยฝึกระดับดาวทองเลยสักคน มีแค่ผู้ช่วยฝึกระดับดาวเงินสองคนเท่านั้น หลินจื้อ หากเจ้าชนะได้ ก็จะเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อวิหารศักดิ์สิทธิ์”
หลินมู่อวี่รู้สึกขบขันอยู่ในใจ ความจริงแล้วผู้มีฝีมือคนไหนอยากจะถูกซ้อมกันเล่า นี่เป็นสาเหตุให้จำนวนผู้ช่วยฝึกน้อยสินะ และวิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ช่วยฝึกระดับดาวทอง นั่นเป็นเพราะผู้ช่วยฝึกระดับดาวเงินข้ามขั้นไปเป็นคู่ซ้อมให้ครูฝึกดาวทองเป็นแน่ ต้องถูกซ้อมไม่ใช่น้อย นี่ถึงเป็นเหตุผลหลักของเสียงคับแค้นใจของผู้ช่วยฝึกหลายสิบคนกระมัง
“หลินจื้อ สู้เขา!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของผู้ช่วยฝึกนายหนึ่งตะโกนขึ้นมา
เสียงตะโกนของเขาช่วยทำให้ผู้ช่วยฝึกคนอื่นส่งเสียงให้กำลังใจตามทันที ครู่เดียวผู้ช่วยฝึกเกือบสิบนายก็ตะโกนพร้อมกัน “หลินจื้อ สู้ๆ” ทำให้เหลยหงหัวเราะ “วิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ครึกครื้นอย่างนี้นานแล้วนะนี่…”