The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1061 - ไม้เท้าเซียนมณ
ชิ้นเข็มพิษเซียนพ่ายฝังที่ระหว่างคิ้วของซือหยูมันเกิดเป็นคลื่นทมิฬส่งลึกไปถึงกะโหลก ตรงไปยังดวงวิญญาณของเขา
ตั้งแต่จุดที่เข็มฝังลงไปทั้งร่างของซือหยูเร่ิมกลายเป็นสีดำที่เหมือนกับถ่าน มันเป็นภาพที่น่ากลัว และนั่นก็ทำให้คนอื่น ๆ ขนลุก
นี่คือผลของพิษเซียนพ่ายเมื่อได้รับพิษแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอด และมันยังถูกใช้กับสมบัติกึ่งภูติที่เคลื่อนย้ายตัวเองได้อีก เป้าหมายไม่มีเวลาที่จะหลบเข็มได้เลย
มันคืออาวุธสุดยอดและไร้ปรานีถึงที่สุด
“ฮื่ม!เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าดินแดนตั้งใจจะให้ใช้อาวุธนี้กับใคร?”
เฉียนเฟิงเริ่มอารมณ์ดีขึ้นเมื่อล้างแค้นสำเร็จ
“สิ่งนี้มีไว้ใช้กับจางอู๋ชวง!ดินแดนมีดสวรรค์รวบรวมทรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างอาวุธสังหาร ดินแดนมีดสวรรค์ใช้กำลังคนและวัตถุดิบนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังกำลังทรัพย์ ต่อให้ตำหนักโลหิตทำอย่างพวกเรา พวกเจ้าก็หามาได้ไม่พอ!”
“เจ้าควรจะยินดีที่ได้ตายด้วยอาวุธชิ้นนี้!เพราะมันคือสิ่งที่จะเอาไว้ใช้กับจางอู๋ชวง เจ้าได้ตายอย่างคุ้มค…”
ขณะที่เขาพูดเสียงถอนหายใจเบา ๆ ก็ดังขึ้น
“ของล้ำค่าทีเดียว!คงจะไม่ดีถ้าข้าปฏิเสธ ข้าขอรับไว้แต่โดยดีก็แล้วกัน”
ทุกสายตาหันไปหาร่างของซือหยูที่ดำเป็นตอตะโกแสงลอดผ่านร่างเขาจากภายในสู่ภายนอก ผิวที่ดำสนิทค่อย ๆ หายไปเหมือนเมฆาทมิฬแทนที่ด้วยแสงจันทร์ ไม่นานก็เหลือเพียงแค่คลื่นเล็ก ๆ ที่ระหว่างคิ้วของเขา
ทุกคนเบิกตากว้างเมื่อมองซือหยูใช้นิ้วสองข้างคีบเข็มออกมาอย่างง่ายดายเขาวางเข็มลงบนมือด้วยความสนอกสนใจ ถ้าเขาทำได้แบบนี้นี่จะถือว่าเขาโดนพิษรึ?
เฉียนเฟิงฃนิ่งไปครู่หนึ่งเขาหน้าถอดสี
“เจ้ามีสมบัติวิเศษที่ป้องกันดวงวิญญาณได้ในระดับสูงเรอะ?”
เฉียนเฟิงเกือบเดาตรงความจริงช่างน่าประทับใจ
ซือหยูบ่มเพาะโอรสสวรรค์จ้องนภาจนสำเร็จและทำให้เขาได้ผ้าคลุมราชันย์มาครองมันต้านทานการโจมตีทางวิญญาณที่ต่ำกว่าระดับเซียน พลังที่ต่ำกว่าเซียนทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
พิษเซียนพ่ายน่ากลัวก็จริงซือหยูปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าหากเขาไม่มีผ้าคลุมราชันย์ เขาคงจะตายไปแล้ว พิษคงจะฆ่าเขาไปก่อนที่ทรายดาราทางช้างเผือกจะถูกใช้งาน
เฉียนเฟิงตกตะลึงเมื่อเห็นภัยเขาชี้ดัชนีที่เข็มและสั่ง
“กลับมา!” ในตอนนั้นเองเข็มทมิฬในมือซือหยูสั่นเบา ๆ มันทะลวงผ่านมิติเมื่อถูกเจ้าของเรียกกลับ ทมันกำลังจะกลับไปหาเจ้าของแล้ว
“เจ้าคิดจะหนีไปง่ายๆ หลังจากแทงข้าไปรึ?”
ซือหยูพูดกับเข็มอย่างเย็นชามือขวาของเขาเกิดม่านแสงอ่อน ๆ และหยดโลหิตที่ถูกขับออกจากเข็ม แก่นโลหิตไม่เต็มใจที่จะออกจากเข็ม แต่ด้วยพลังของทรายดาราทางช้างเผือก แก่นโลหิตก็ถูกขับออกไปได้สำเร็จ
มันปะทุเป็นเพลิงในมือซือหยูโลหิตนั้นถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน! เข็มเหล็กหยุดสั่นและสงบนิ่งอยู่ในฝ่ามือของซือหยู
เฉียนเฟิงหน้าซีดก่อนจะหน้าแดงก่ำเขาเริ่มกระอักเลือดอย่างมิอาจหยุดยั้ง โลหิตของเขาฟุ้งกระจายไปทั่วจนเป็นหมอกแดง
“เจ้า…เจ้าเอาตราประทับออกจากสมบัติกึ่งภูติ!”
เฉียนเฟิงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาราวกับว่าเขาได้ยินข่าวที่เลวร้ายที่สุด
เมื่อสมบัติวิเศษถูกพัฒนาจนเป็นระดับกึ่งภูติมันจะสร้างสายสัมพันธ์กับผู้ใช้งานด้วยแก่นโลหิต เมื่อโลหิตถูกขับออกไป มันก็จะทำลายตัวเองจนระดับของสมบัติลดลง
นอกจากจะเป็นราชาเก้าเขตไม่มีใครเคยได้ยินเลยว่าคนที่ต่ำกว่าเซียนจะลบล้างความเป็นเจ้าของของสมบัติวิเศษได้! แต่สิ่งนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นต่อหน้าเขา!
ยอดฝีมืออื่นงุนงงไม่แพ้กันพวกเขาเคยเห็นเรื่องแปลกประหลาดมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสัตว์ประหลาดอย่างซือหยูที่ไม่เป็นอะไรจากพิษเซียนพ่าย และพลิกกลับให้สมบัติเป็นของตัวเอง
พวกเขาเริ่มรู้สึกไม่ดีและหวาดกลัวพวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมฮั่นเฟยถึงคิดจะชิงจ้าวสวนจากตงฟางเถียนเฟิงแทนที่จะลงมือกับซือหยู นั่นเป็นเพราะว่าซือหยูผู้นี้มีพลังไร้เทียมทาน
หลายคนที่คิดจะลงมือชิงจ้าวสวนจากซือหยูเริ่มทิ้งความคิดไป
ซือหยูไม่สนใจคนอื่นและหยดโลหิตของตัวเองลงไปในเข็มใช้เวลาไม่นานก่อนจะเกิดสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาวุธ ข้อมูลเรื่องสมบัติแสดงขึ้นในจิตใจทันที
สิ่งนี้เรียกว่าเข็มจับวิญญาณแทงวิญญาณใช้ได้กับวิญญาณทุกประเภท สามารถสังหารจิตวิญญาณได้ด้วยการซัดครั้งเดียว เมื่อโจมตีศัตรู มันจะเป็นได้ทั้งภาพมายาหรือภาพจริง อาวุธนี้คาดเดาได้ยากและแทบจะป้องกันไม่ได้ หากใช้กับพิษเซียนพ่าย พลังที่ได้จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
สิ่งนี้ไม่ใช่สมบัติภูติระดับต่ำเลย!
หลังจากเข้าใจเข็มแล้วซือหยูเงยหน้ามองเฉียนเฟิงอย่างเย็นชา
“ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าเจ้ามาก่อนแม้ว่าเจ้าจะรังแกคนที่ไม่ควรไปแต่เจ้ากลับรนหาที่ตายหลายต่อหลายครั้ง ข้าไม่มีเหตุผลให้เมตตาเจ้าอีกแล้ว” ซือหยูดีดนิ้วเข็มทมิฬพุ่งเป็นลำแสงทะลวงผ่านมิติ
เฉียนเฟิงพยายามที่จะหนีด้วยวิชาป้องกันอันแข็งแกร่งเขากรีดร้องเสียงแหบพร่าด้วยความสยดสยอง
“ศิษย์พี่ปี้รีบมาช่วยข้าเร็ว…อั่ก…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเข็มได้แทงทะลุลำคอ พิษเซียนพ่ายที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขาและเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
พิษสาวนใหญ่ที่มีในเข็มถูกใช้ในการโจมตีแรกไปแล้วแต่เฉียนเฟิงก็มิอาจต้านทานกับเศษพิษที่ยังหลงเหลืออยู่น้อยนิดได้ แค่พริบตาเดียวเขาก็ปางตาย
“เจ้าเพียงแค่จำว่าปี้หลิงเทียนเตือนไม่ให้เจ้าแตะต้องข้าและร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูด้วยกันแต่เจ้าลืมเรื่องที่สองที่เขาอยากบอก”
ซือหยูถอนหายใจและรับเข็มจับวิญญาณแทงวิญญาณที่กลับมา “อย่างที่สองคือคำเตือนสำคัญของปี้หลิงเทียน…เพราะเจ้าสู้ข้าไม่ได้”
ลืมเรื่องแรกเพียงทำให้เขาถูกลงโทษจากปี้หลิงเทียนแต่ลืมเรื่องที่สองนั่นจะนำเขาไปสู่ความตาย
ขณะที่กลายเป็นฝุ่นผงแววตาเฉียนเฟิงเผยความไม่เต็มใจที่จะยอมรับโชคชะตา ฝุ่นผงทมิฬกระจายไปทุกหนแห่ง ไม่ว่ามันจะลอยไปตกที่ใด ต้นไม้วิญญาณจุดนั้นจะเหี่ยวเฉาและตายลงในที่สุด แม้แต่บรรยากาศก็อึมครึม
ไม่มีสักคนที่กล้าอยู่นานกว่านี้ทุกคนเริ่มหนี แม้แต่คนที่อยู่ในสวนสุสานเองก็หนีเช่นกัน
ฟึ่บ!
เสียงเบาดังมาจากด้านหลังซือหยู
ซือหยูหันไปมองในแววตามีความรู้สึกหลากหลาย
“โอ้เจ้าจับตัวจ้าวสวนสุสานได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?” ปี้หลิงเทียนยืนมือไพล่หลังเขาดูไม่เหนื่อยล้า ยากที่จะคิดว่าเขาออกมาจากสวนสุสานที่เต็มไปด้วยเสี้ยววิญญาณเซียนด้วยวิธีการใด
“เจ้าแน่ใจรึว่าคนที่ข้าจับตัวมาจะเป็นจ้าวสวนคนใหม่?”
ปี้หลิงเทียนถามกลับ
ซือหยูถือเข็มและเหลือบมองเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะส่ายหน้า
“ข้าจะไม่แปลกใจด้วยซ้ำถ้าเจ้าจับหมาดำได้”
หมาดำถือสิ่งที่รับมือยากที่สุดในแดนมณีตอนนี้
หลังจากเงียบอยู่นานปี้หลิงเทียนถอนหายใจแผ่วเบา
“เจ้าไม่ควรฆ่ามันแต่มันก็สมควรตาย!”
“ถ้าเช่นนั้นการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้าก็กำลังจะเริ่มขึ้นสินะ?”
ซือหยูฉีกยิ้ม ปี้หลิงเทียนพยักหน้าและส่ายหน้าเมื่อเปลี่ยนใจ
“ข้ามั่นใจว่าจะต้องได้สู้กับเจ้าแน่นอนแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
พรึ่บ!
คลื่นลมหวนดังมาจากท้องฟ้าสตรีงดงามทั้งสองบินลงมา
ฮั่นเฟยยังคงมีใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคยขณะที่ตงฟางเถียนเฟิงไม่พอใจ
“พี่เฟยเอ๋อไม่ละอายใจรึที่ชิงของของเด็กสาวตัวน้อยไปน่ะ?”
ฮั่นเฟยไม่สนใจคำพูดนางเลย
ดูเหมือนว่าจ้าวสวนตำราจะตกไปอยู่ในมือของฮั่นเฟยแล้ว
จ้าวสวนทั้งสี่ถูกจับตัวเหลืออีกเพียงคตนเดียวเท่านั้น นั่นคือจ้าวสวนวิชา!
“ฮื่ม!เจ้าหมาโง่! ข้าเสียจ้าวสวนไปแล้ว รีบเอาตัวเจ้ามาชดใช้ให้ข้าเลยนะ!” ตงฟางเถียนเฟิงกระทืบเท้าและชี้ไปที่หมาดำด้วยความไม่พอใจ
หมาดำยิ้มอย่างโง่เง่า
“แน่นอนแม่สาวน้อย ตราบเท่าที่เจ้าจับตัวข้าได้น่ะ”
เมื่อพูดจบหมาดำมองคนที่เหลือ การชิงตัวจ้าวสวนได้จบลงแล้ว
เมื่อจ้าวสวนสุสานอยู่ในมือปี้หลิงเทียนไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรหมาดำอีกต่อไป
คนที่เหลือตัดสินใจหนีเพื่อเลี่ยงปัญหาและหาที่หลบภัยที่มีโอกาสดีกว่า
สุดท้ายก็เหลือเพียงหกคนนั่นคือซือหยู ปิงหวูชิง ฮั่นเฟย ตงฟางเถียนเฟิง กู้ไทซู และปี้หลิงเทียน
“โจมตีพร้อมกันเลย!”
ตงฟางเถียนเฟิงร้องตะโกนนางเป็นผู้นำทัพ
หลังจากลังเลซือหยูตัดสินใจลงมือด้วย ตงฟางเถียนเฟิงคนเดียวทำอะไรหมาดำไม่ได้ ฮั่นเฟยปี้หลิงเทียน และกู้ไทซูก็เริ่มโจมตีตาม ๆ กัน
ปิงหวูชิงชี้กระบี่และเตรียมจะลงมือแต่ซือหยูก็เข้ามาหยุดนาง
“เดี๋ยวก่อน!เจ้าอย่าเพิ่งทำอะไร”
“ทำไมกัน?หมานั่นทำร้ายคนหลายคน ทำไมเจ้าถึงหยุดข้า?”
ปิงหวูชิงสับสน
ซือหยูส่ายหน้าอย่างใจเย็น
“ข้าต้องยืนยันบางอย่างก่อนเจ้าอย่าเพิ่งทำอะไร”
หลังจากหยุดคิดปิงหวูชิงข่มจิตสังหารในใจและมองการต่อสู้เงียบ ๆ
ฟึ่บ!
เมื่อซือหยูเข้าร่วมการต่อสู้ทั้งห้าก็ได้จู่โจมไปแล้ว
การโจมตีที่มีแรงปะทะสูงสุดเป็นของฮั่นเฟยที่ควบคุมสุริยาทมิฬทั้งสิบและตัดทุกอย่างบนเส้นทาง
ตงฟางเถียนเฟิงใช้วิชาลับวิหคเพลิงของนางขยายขนาดขึ้น ร่างของมันมีแต่เพลิงร้อยสูง พลังนั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า
ปี้หลิงเทียนกับกู้ไทซูไม่ได้โจมตีรุนแรงนักแต่การโจมตีของทั้งคู่ก็ทำให้สิ่งรอบข้างสั่นสะเทือน แสดงให้เห็นถึงพลังมหาศาล
แล้วก็ยังมีซือหยูที่ใช้ค่ายกลคลื่นดาวตกขจัดทุกสิ่งในเส้นทางอีก
เมื่อทั้งห้าร่วมมือกันแม้แต่กลุ่มอสูรเนรมิตรก็ต้องหลีกหนี
หมาดำชื่นชมเมื่อเห็นพวกเขาร่วมมือร่วมใจ
“ฮ่าๆๆๆดีมาก! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าทวีปเก้าเขตจะผลิตผู้มีพรสวรรค์ในยุคนี้ได้มากมายเท่านี้ พวกเจ้าเกิดมาด้วยสายเลือดสูงส่งไม่ก็โชคดีเกินใคร พวกเจ้าแต่ละคนนับว่าเป็นหนึ่งในร้อยปี ได้เห็นพวกเจ้าพร้อมกันนั้นยอดเยี่ยมมาก! ข้าไม่ได้ดีใจขนาดนี้มานานแล้ว!”
เสียงหัวเราะของหมาดำหยุดลงใบหน้ามันแข็งกร้าวขึ้น มันพูดด้วยเสียงดุดัน
“เพราะฆ่าคนอย่างพวกเจ้ามันน่าสนุกกว่ายังไงล่ะ!เจ้าอยากจะได้สมบัติของเซียนมณีและชุบชีวิตทวีปเก้าเขตที่กำลังจะล่มสลายรึ? ลงนรกไปซะ!”
หมาดำแสยะยิ้มไม้เท้าเซียนมณีในปากของมันระเบิดแสงทมิฬฉาบทั่วทุกพื้นที่
เรื่องประหลาดเริ่มเกิดขึ้นการโจมตีของทุกคนหายไปอย่างไม่มีหวนกลับ ค่ายกลคลื่นดาวตกของซือหยูหยุดหมุนทันที สุริยาทมิฬหลายดวงของฮั่นเฟยเลือนหายไป วิหคเพลิงใต้เท้าตงฟางเถียนเฟิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหายกลายเป็นควัน การโจมตีของปี้หลิงเทียนและกู้ไทซูก็สลายไปเช่นกัน
“พลังทุกอย่างถูกลบล้าง…ไม่สิมันถูกชำระล้าง!”
ทุกคนเบิกตากว้างเมื่อจ้องมองไม้เท้าเซียนมณีในใจหนักอึ้ง