The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1112 - วางแผนหน
ซือหยูถาม
“ท่านใต้เท้าท่านได้ฎีกาหลวงจากราชาเขตกลางมาได้อย่างไรหรือ? ฎีกาหลวงมอบโดยราชาเขตกลาง มิอาจถูกมอบให้ผู้ใดต่อได้ ใต้เท้าเป็นคนของราชาหรือ? ถ้าเช่นนั้น ข้าก็เกรงว่าข้าต้องกังวลถึงความตั้งใจของใต้เท้า”
มีอยู่ทางเดียวเสมอในการได้ฎีกาหลวงจากราชาเขตกลางและนั่นคือการได้รับจากเขาโดยตรง!
นอกเหนือจากนั้นถ้าหากมันตกไปอยู่ในมือคนนอก ฎีกาหลวงจะแตกสลายไปเอง
หลายคนมองซือหยูนี่คึอคำถามที่พวกเขาอยากจะถามเช่นกัน ทุกคนเหลือบมองซือหยูด้วยความประทับใจ แม้ว่าเขาจะมีฐานพลังธรรมดา เขาก็มีความเฉลียวฉลาดอยู่กับตัว เหวินยี่ชิงแสยะยิ้ม
“ข้าไม่ใช่แค่คนของราชาเขตกลางแต่ข้าคือคนที่เขาเชื่อใจที่สุด บุตรแห่งจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ รองจ้าวดินแดนยังไงล่ะ!”
ทุกคนชักสีหน้า
ดินแดนมีดสวรรค์?ไม่ใช่ว่า…ไม่ใช่ดินแดนที่ร่วมมือกับเผ่าผีหรอกรึ?
รองด้านดินแดนนั้นเป็นรองแต่เพียงจ้าวดินแดนเขาจะต้องร่วมมือกับเผ่าผีด้วยเช่นกัน!
แต่แล้วบุตรชายของเขาล่ะ?
ซือหยูเพิ่งจะนึกขึ้นได้นี่คือบุตรชายของจ้าวดินแดนตัวจริง!
ในวันที่ซือหยูถูกตามล่ารองจ้าวดินแดนหลายคนเข้าร่วมการลบ่าเขาด้วย มีเพียงหัวหน้ารองจ้าวดินแดนที่ไม่อยู่ มิเช่นนั้นก็คงไม่รู้ว่าเขาจะรอดชีวิตในวันนั้นหรือไม่
“ฎีกานี้ข้าได้มาเพราะท่านพอพาข้ามาหาราชาเขตกลางเมื่อหลายปีก่อนข้าได้มันเพราะราาเขตกลางยอมรับในตัวข้า”
เหวินยี่ชิงยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มอันไม่มีชีวิตชีวา
“เจ้าจะต้องสงสัยว่าทำไมคนอย่างข้าที่ใกล้ชิดกับเขตกลางถึงได้ช่วยเหลือพวกเจ้าใช่หรือไม่?”
นี่คือสิ่งที่ทุกคนกังวล
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามาจากดินแดนต่างๆ ทั่วทั้งจิวโจว ข้าจะใช้ฎีกานี้ปล่อยพวกเจ้าทุกคนจากเขตกลาง แต่จงบอกสิ่งที่ข้ากำลังจะบอกกับจ้าวดินแดนของพวกเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้าขอเป็นการตอบแทน จงนำข้อความสำคัญไปส่งซะ”
เหวินยี่ชิงใบหน้าบิดเบี้ยวเบาๆ ราวกับกำลังข่มความเศร้าหมอง
แค่ฝากข้อความรึ?มันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ?
“โปรดบอกจ้าวดินแดนของพวกเจ้าว่าเทพอสูรมณีอยู่ในเขตกลาง! นาง อยู่ ใน…วังหลวง!!!”
ความกลัวชิงชัง และความเศร้าแสดงผ่านแววตาเหวินยี่ชิง
ทุกคนลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังพวกเขาหนาวไปจนถึงกระดูกสันหลัง
“จะ…เจ้าบอกว่านาง…อยู่ในเมืองนี้รึ?”
หญิงชรายืนขึ้นทันทีใบหน้านางมีความกลัวแฝงอยู่
ตั้งแต่ที่เขตมหาสัตว์อสูรได้กลายเป็นป่าช้าใครกันจะไม่กลัวอสูรอันน่ากลัวที่กลืนกินดวงวิญญาณและหัวใจของมนุษย์เลบ่า?
อสูรเนรมิตรที่เหลือหน้าซีด
“เจ้าพูดจริงรึ?”
มีคนถามด้วยเสี่ยงสั่นเครือ
เหวินยี่ชิงมองท้องนภาด้วยรอยยิ้มโศกเศร้า
“พ่อข้าถูกกินทั้งเป็นจากอสูรนั่นเจ้าคิดว่าข้าโกหกหรือพูดจริงเล่า?” “อธิบายให้ละเอียดเถอะ”
เรื่องนี้น่าตกตะลึงเกินไปเทพอสูรมณีที่บาดเจ็บหนักจากการร่วมมือของเหล่าราชาเขตได้ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเขตกลางอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงที่ราชาเขตกลางพำนักอยู่ แค่ได้ฟังก็ทำให้พวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัวแล้ว
เหวินยี่ชิงกล่าว
“ท่านพ่อถูกเรียกไปวังหลวงเพราะราชาเขตกลางต้องการเจอตัวชั่วยามถัดมา ตราชีวิตพ่อข้าแตกหัก ทิ้งข้อความบอกว่าเทพอสูรมณีอยู่ในวัง!”
ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อได้ฟังเรื่องราว
ถ้าหากเป็นเรื่องริงมันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!
พวกเขาตัวสั่นเมื่อได้รู้ว่าเทพอสูรมณีอยู่ใกล้เพียงใต้จมูก
สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือราชาเขตกลางอาจมิได้ร่วมมือกับเผ่าผีเท่านั้นแต่ยัง…ร่วมมือกับเผ่าอสูรอีกด้วย!
พวกเขาคงอยากขอโอกาสนำข่าวนี้กลับไปยังดินแดนของตัวเอง…ต่อให้เหวินยี่ชิงไม่ได้ร้องขอก็ตาม!
“เดี๋ยวก่อนเจ้าเป็นคนกุข่าวเรื่องปีศาจกระหายเลือดที่กลืนกินหัวใจและดวงวิญญาณของคนเขตกลางใช่ไหม?”
ซือหยูพยายามหาข้อมูลมากกว่านี้หรือว่าทั้งหมดจะเป็นฝีมือเหวินยี่ชิงที่อยากจะกระจายข่าวออกไป?
แต่เหวินยี่ชิงกับขมวดคิ้วและส่ายหน้า
“ไม่ใช่นั่นไม่ใช่การกุเรื่อง มันคือเรื่องจริง วันนี้ บางแห่งในเมืองใต้ มีพลังกระหายเลือดปรากฏ พลังราวกับผุดจากนรก มันควักหัวใจและกลืนกินวิญญาณคนที่พบเจอ มันโหดร้ายถึงที่สุด! มันหนีไปได้หลังจากพ่ายแพ้ยอดฝีมือและยังหาตัวไม่พบ นี่ไม่ใช่แผนของข้าแน่นอน”
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ถ้าหากเป็นเซียนมณีนางจะพ่ายแพ้เพราะยอดฝีมือธรรมดาหรือ?
มันจะต้องมีสิ่งที่กลืนกินหัวใจและดวงวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
“เพื่อป้องกันตัวข้าต้องเงียบและแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร ข้าพยายามจะหนีจากเขตกลางเพื่อส่งข่าว แต่ข้าไม่มีเส้นสายหรือคนรู้จักในเขตอื่น ไม่มีใครจะเชื่อข้า แต่พวกเจ้าน่ะต่างกัน เพราะถ้าหากพวกเจ้าเป็นคนบอกเอง ผู้มีอำนาจจะต้องสนใจแน่”
เหวินยี่ชิงคุกเข่าโค้งคำนับ
“นี่คือข้อความจากพ่อข้าก่อนตายแม้จะเป็นเวลาก่อนตาย ท่านพ่อยังห่วงใยความปลอดภัยของทวีป โปรดส่งข่าวนี้กลับไปเถอะ พ่อข้าจะได้ไม่ตายเปล่า!”
คำพูดของเขาจับใจทุกคนพวกเขาย่อมต้องนำข่าวกลับไปบอก
“ลุกขึ้นเถิดพวกเรามีภาระผูกพันในเรื่องนี้อยู่แล้ว” ซือหยูถาม
“เหวินยี่ชิงข้าอยากรู้ว่าเราจะเดินทางเมื่อใด?”
“พรุ่งนี้…”
เหวินยี่ชิงตอบ
“ข้าจะอ้างการทำภารกิจและพวกเจ้าจงแสร้งเป็นผู้ติดตามข้า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี”
ทุกคนคิดและพากันพยักหน้า
ซือหยูกลับโรงเตี๊ยมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เขาฝึกฝนและบ่มเพาะอย่างใจเย็น
“เจ้าหนูเจ้าช่างใจเย็นนัก”
เทพปีศาจหัวเราะ
ซือหยูยังคงหลับตา
“การออกจากเขตกลางจะต้องสำเร็จแน่นอน!”
เทพปีศาจตอบ
“ข้าก็หวังอย่างเจ้า” ใช่แล้ว…เทพปีศาจกล่าวว่าความหวัง
เช้าวัดถัดมาซือหยูลืมตาพร้อมเข้าเมืองไปหาร้านค้าเพื่อขายสมุนไพรวิญญาณสองพันปี
สิ่งที่เขาขายนั้นทำให้เจ้าของร้านตกใจสมุนไพรวิญญาณมิใช่ของระดับสูง พวกมันสามารถหาซื้อได้ในเมือง
แต่สิ่งที่เจ้าของร้านตกใจก็คืออายุสมุนไพรที่ซือหยูขายเขาขายสมุนไพรอายุสองพันปีพอดิบพอดี มันคือของหายากที่จะได้เห็นสักหนในระยะเวลาหลายปีเท่านั้น และมันยังล้ำค่าอีกด้วย
ซือหยูได้แก้วระดับกลางร้อยดวงมาอย่างง่ายดายซึ่งมันเทียบเท่ากับแก้วระดับต่ำหมื่นดวง ปริมาณเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วในการใช้จุดเคลื่อนย้ายเทวะสองครั้ง
เมื่อซื้อขายเสร็จสิ้นซือหยูไปยังจุดเดิมเมื่อวานเพื่อพบกับสมาชิกผาบั่นภูติและเหวินยี่ชิง ทุกคนปลอมตัวเป็นคนของเหวินยี่ชิงและไปถึงหอเคลื่อนย้ายเทวะ “หยุดเดี๋ยวนี้การเคลื่อนย้ายถูกปิดชั่วคราว”
คนคุ้มกันคือชายแก่ตัวเตี้ยคางแหลมแต่ฐานพลังของเขาผิดปกติจนน่ากลัว
เมื่อสายตานั้นมองมาอสูรเนริมตรหลายคนตัวสั่นราวกับได้เจอกับแรงกดดันมหาศาล
“ท่านผู้เฒ่านี่คือฎีกาหลวง โปรดมองดูก่อนเถิด”
เหวินยี่ชิงยิ้มเบาๆ และส่งฎีกาหลวงให้
ผู้เฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าเพิ่งจะมาเมื่อวาน!มีเหตุอันใดต้องใช้อีกครั้งในวันนี้เล่า? ภารกิจอะไรกันที่เจ้าต้องเดินทางสองครั้ง? แล้วคนพวกนี้เป็นใคร?”
คำถามเหล่านั้นทำให้ทุกคนหนักใจ
เหวินยี่ชิงยิ้มอย่างสุภาพเขาตอบอย่างไร้ที่ติ
“นี่คือภารกิจโดยตรงจากท่านราชาข้ามิอาจเปิดเผยได้ หากท่านอยากรู้ ข้าจะเล่าให้ฟังหลังจากภารกิจจบลง ว่าอย่างไรเล่า? ส่วนเรื่องคนเหล่านี้…ข้าต้องกลับมาก็เพราะว่ารู้ตัวว่าขาดกำลังคน ข้าต้องการส่งคนจากวังไปเพิ่ม”
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชายแก่จะยืนขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา
“คนจากวังเรอะ!น่าขัน! ข้าอยู่ในวังมาหลายปี ข้าจะไม่เคยเห็นใครสักคนเลยรึ? ถ้าเจ้าอยากจะโกหก เจ้าก็ต้องรู้จักทำให้แนบเนียนกว่านี้!”
จิตสังหารของเขาปะทุออกมา!
แย่แล้ว!!ทุกคนชักสีหน้าทันที พวกเขาโดนมองแผนออกแล้ว!