The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1160 - สอบสวนบนเรือ
เป็นปัญหารึ?นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ซือหยูเลื่อนดัชนีแตะปลายจมูก จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากเรือในพริบตาต่อหน้าเซียนที่เฝ้าบันไดลิงทั้งสองคน
เมื่อซือหยูขยับตัวแสงสีทองก็ถูกปลดปล่อยออกมา มันฆ่าอีกาอสูรไปมากมาย อีกทั้งยังฆ่าอีกาเซียนขั้นหนึ่งที่ปิดล้อมเซียนเฒ่า มันถูกลำแสงสีทองแทงและตายโดยไม่ทันได้กรีดร้อง
ต่อมาเขาก็ใช้ภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยาทมิฬเก้าดวงแล่นผ่านเผากาอสูรไปมากมาย
กาอสูรเหล่านี้ฉลาดเมื่อเห็นพรรคพวกตาย พวกมันก็หนีไปในทันที
คนที่ถูกล้อมรอดชีวิต
หลายคนรู้สึกขอบคุณพวกเขาตกใจเมื่อเห็นว่าการโจมตีเดียวของเขาทำให้กาอสูรเซียนสองตัวบาดเจ็บสาหัส เดี๋ยวสิทุกอย่างเรียบร้อยแล้วรึ?
“ขึ้นมาเถอะ”
ซือหยูมองฝูงกาตรงหน้าเขาก้าวขึ้นเหยียบอีกาจ่าฝูงและพุ่งไปยังเซียนเฒ่า
ด้วยพลังของกายาเก้ามังกรกาอสูรตายไปอีกหลายตัว
เซียนเฒ่าดีใจที่ถูกช่วยชีวิตเขาถอยมาที่ข้างซือหยูและโค้งคำนับ
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรเลย…อ๊ะ…”
เขาเงยหน้าอย่างมั่นใจและเห็นว่าเป็นซือหยูเขาตกใจ เขาคิดว่าเป็นผู้อาวุโสบนเรือที่เห็นพลังอันไม่สมดุลและลงมาเพื่อช่วย แต่คนที่ช่วยกลับเป็นคนที่มีพลังใกล้เคียงเขาได้อย่างไร?
ซือหยูเตรียมการโจมตีไว้แล้วเขาไปที่แนวหน้าของการต่อสู้
แม้ชายหนุ่มจะเก่งกล้าเขาก็ถูกศัตรูรายล้อม ราชากาอสูรทำให้ยากที่เขาจะหนีเขาต้องเข้าไปจัดการราชากาอสูรให้ได้ เพราะถ้าหากไม่มีมัน พวกกาธรรมดาก็ทำอะไรไม่ได้
ซือหยูเรียกกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ทั้งสามเล่มออกมา
เมื่อซือหยูได้เป็นอสูรเนรมิตรดวงวิญญาณของเขาได้พัฒนาขึ้นในอีกระดับ เขาสามารถใช้เพลงกระบี่ไตรสุริยาได้อย่างง่ายดาย พวกมันตั้งค่ายกลอย่างเต็มที่ พลังถูกใช้ออกมาในขั้นสูงสุด
“พี่ชายฝ่าวงล้อมออกมา! หนีเร็ว!”
เสียงดังของซือหยูทะลวงฝูงกาไปกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์จมหายไปในมิติ พวกมันเข้าไปล้อมราชากาอสูร
พร้อมกันนั้นซือหยูยังฝ่าวงล้อมฝูงกาเพื่อเปิดทางให้คนที่ถูกล้อม
ชายหนุ่มถือค้อนรู้ตัวเองนานแล้วว่าเขาตกอยู่ในอันตรายแต่ก็ไม่มีใครช่วยเขาเขาไม่สามารถหนีไปได้และกระวนกระวายอยู่ตลอดแต่จู่ ๆ ซือหยูก็ก้าวเข้ามา
มีทางเปิดโล่งให้เขาหนีส่วนราชากาอสูรนั้น…
เสียงดังมาจากด้านหลังราชากาอสูรกรีดร้องเสียงแหลม บาดแผลสามแห่งปรากฏที่ร่าง
กระบี่สีเงินสามเล่มปรากฏ
ชายหนุ่มถือค้อนตะโกน
“เพลงกระบี่สุดยอด!แล้วยังพลังมิติอีก! หาได้ยากในโลกถ้ำ”
ขณะที่ราชากาอสูรบาดเจ็บชายหนุ่มถือค้อนรีบถอยจากวงล้อม เขายิ้มให้ซือหยู
“ขอบคุณที่ช่วยข้าชื่อหยางไท่”
ซือหยูพยักหน้าเบาๆ และกลับไปที่บันไดลิง เขาขึ้นเรือโดยไม่รีรอ
หยางไท่ที่เป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยก่อนกลับได้เพียงคำตอบอย่างเย็นชาจากซือหยูเขาเอามือแตะจมูก “เจ้าเด็กนั่นไม่ได้มาจากพันธมิตรข้าไม่รู้จักเขาเลย”
หยางไท่ไปยังสนามรบด้วยรอยยิ้มพร้อมกับค้อนของเขา
เมื่อเห็นใบหน้าหยางไท่เซียนทั้งสองตกใจเล็กน้อย พวกเขาอยากจะสุภาพ แต่พวกเขาก็ถูกหยุดด้วยมือหยางไท่
“ไม่เอาน่าพวกเจ้าจะสุภาพไปทำไมกัน? นายพวกเจ้าตัดสินใจเด็ดขาดไม่พอหรือ?”
เซียนทั้งสองคนเหงื่อตกพวกเขาดูอ่อนแรง
“เอาเถอะผู้โดยสารที่เข้ามายุ่งเป็นคนนอก พอขึ้นฝั่งเมื่อใดก็จงดูแลเขาด้วย ทำให้ดีล่ะ หึหึ…”
หยางไท่พูดด้วยสีหน้าประหลาด
“ขอรับนายน้อย”
เซียนทั้งสองกลั้นหายใจพวกเขาแอบเสียใจ เป็นที่รู้กันดีว่านายน้อยของพวกเขากำลังทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่นี้ พวกเขาควรจะไปช่วยเหลือ แต่ซือหยูกลับกลายเป็นผู้ได้รับเกียรตินั้นแทน
หลังจากได้รับคำสั่งพวกเขาไม่ได้ทำอะไร
ซือหยูที่สังหารกาอสูรกลับมายังห้องพักที่นี่เป็นที่ที่เขาไม่รู้จัก เขาไม่อยากจะพูดคุยกับคนแปลกหน้ามากเกินไป เขาไม่อยากจะเปิดเผยข้อมูลโดยไม่จำเป็น เพราะเขากำลังถูกผู้คุมกฎตามล่าอยู่
ต้องใช้เวลาอีกสี่เดือนก่อนจะถึงพันธมิตร
ผู้คุมกฎอาวุโสอยากจะไล่ตามเขาแต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนถ้าหากเขาใช้เวลาช่วงนี้ฝึกฝน เขาอาจจะมีโอกาสช่วยเทพกิเลนกลับมาก็ได้
ทันทีที่เขาคิดค่ายกลประหลาดได้เกิดขึ้นในจิตใจของซือหยู มีสิ่งที่คล้ายอสรพิษขนาดเท่าดัชนีปรากฏออกมา ร่างของมันรายล้อมไปด้วยพลังวิเศษ ความเป็นไปได้เดียวก็คือพลังจากแดนอสูร “เก้ามังกรอสูรลึกลับนักพอฝึกได้สำเร็จ มันก็กลายเป็นวิชาอัญเชิญ”
หลังจากศึกษามันสองเดือนซือหยูก็พบแก่นแท้ของวิชาเก้ามังกรอยู่ เขาสามารถควบคุมสิ่งที่เขาอัญเชิญได้ตามใจปรารถนา
ถ้าเขาต้องการสิ่งที่แข็งแกร่งมังกรเก้าหัวจะปรากฏตัวออกมา ถ้าหากเขาอยากได้สิ่งที่อ่อนแอกว่า อสรพิษน้อยก็จะออกมาแทน
พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตและเมื่อผ่านไปสามสิบนาที พวกมันจะถูกค่ายกลอัญเชิญกลับไป
“มันน่าจะเป็นพลังพิเศษที่คนเขียนวิชาคิดค้นขึ้นมาแต่มันก็เหมือนกับเรื่องหลอกลวง มันเหมือนกับว่าเขาเจอพลังนี้โดยบังเอิญและอ้างว่าตัวเองคิดขึ้นมา”
ซือหยูเล่นกับอสรพิษน้อยในมือสักครู่ก่อนจะเก็บมันไป
เขาเรียกแผ่นศิลาออกมา
เขาบ่มเพาะขอบเขตที่สามของโอรสสวรรค์จ้องนภามาสักระยะแล้วและเมื่อดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นจนถึงขั้นของอสูรเนรมิตร มันก็เป็นไปได้ว่าเขาจะบ่มเพาะมันได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก
ซือหยูเริ่มบ่มเพาะมันทันที
เวลาผ่านไปในพริบตาสองเดือนผ่านไป
เรือไปทุกที่แล่นผ่านธารดาราอันเงียบสงัดอย่างไม่มีสิ่งกีดขวาง
หยางไท่กับเซียนเฒ่าเข้ามาหาเขาแต่ซือหยูกำลังบ่มเพาะพลัง พวกเขาจึงไม่ได้พบกัน
เรือลำใหญ่ลำหนึ่งแล่นผ่านธารดาราเข้ามาก่อให้เกิดคลื่นกระแทกและสายลมรุนแรง ขนาดของมันไม่ได้เล็กกว่าเรือสินค้าเลย
ที่สองด้านของเรือนั้นมีเซียนที่แต่งกายดีหลายร้อยคนที่หัวเรือมีชายหนุ่มสองคน บุรุษหนึ่ง หนึ่งสตรี และชายอีกสองร้อยคน
หัวหน้าหน่วยร้อยคนคือคังเตี้ยยี่หัวหน้าอีกร้อยคนคือชายแก่ เขามองรอบ ๆ แต่ไม่กล้ามองเซียนตรงหน้า
ในบรรดาสองงร้อยคนมีเพียงคนเดียวที่เป็นเซียน ทุกคนอับแสงเมื่อเทียบกับเขา
สตรีคือเซียนกระเรียนชายแก่นั้นเป็นเซียนที่สีหน้าเย็นชา เขาดูทรงอำนาจและน่าจะมีสถานะที่สูงส่ง
ชายตาเดียวบุตรแห่งเทพที่ตกตายเป็นดั่งก้อนศิลาที่ขว้างไปยังธารเงียบสงบ เกิดเป็นระลอกคลื่นในพันธมิตร
ตั้งแต่พันธมิตรได้ก่อตั้งขึ้นผู้คุมกฎอาวุโสมักจะตายไปบ้าง อย่างเช่นเมื่อต้องเจอกับอสูร
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ตายเพราะอสูรแต่เป็นน้ำมือของมนุษย์
ความตายของเขาทำให้ผู้คุมกฎอาวุโสโกรธเกรี้ยว
เทพจิงเองก็โกรธแค้นเข้าไปใหญ่
เทพจิงมีลูกหลานไม่มากนักผู้ที่มีสายเลือดสมบูรณ์ที่สุดก็คือจิงไป่ เทพจิงบ่มเพาะเขาให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพแต่เมื่อเขาไปทำหน้าที่ในจิวโจว เขาก็ถูกมนุษย์ฆ่าตาย
เทพจิงได้สั่งให้หน่วยเทพกระเรียนไปลงมือจับตัวคนร้ายตั้งแต่ก่อนที่ผู้คุมกฎอาวุโสจะตอบสนอง
ที่กลางทางนางได้พบกับหน่วยผู้คุมกฎอาวุโสที่นำโดยชายกระหายเลือดเสี่ยวเสวียน
เสี่ยวเสวียนมีอันดับสูงกว่าจิงไป่และเขาแข็งแกร่งมักจะไม่มีเซียนขั้นสามคนใดที่เทียบกับเขาได้ ด้วยโลหิตเทพที่ไหลเวียนในกาย เขาแข็งแกร่งมากและสามารถเอาชนะทุกอย่างต่อสู้ได้อย่างไม่ยากเย็น
เขาถูกนับว่าเป็นผู้ทรงพลังเขาไล่ตามเรือไปทุกที่ผ่านจิวโจวมาตลอดสามเดือนจนตามทัน
“พวกเราคือผู้คุมกฎอาวุโสเรือสินค้าต้องหยุด เราจะทำการสอบสวน!”
เซียนทั้งสองคนที่คุ้มกันเรือชักสีหน้าผู้คุมกฎนั้นรุนแรงอยู่เสมอ พวกเขามองหน้ากันและรีบกลับไปยังห้องพัก
“นายท่านผู้คุมกฎมาที่นี่ ท่านไม่ออกไปดูหน่อยหรือ? เราจะให้พวกเขาขึ้นเรือหรือไม่?”
หยางไท่กำลังพักอย่างสบายใจเขาตอบ
“ข้าขี้เกียจยุ่งกับพวกมันหยุดเรือให้พวกมันตรวจสอบเสีย ผู้คุมกฎอาวุโสจะไม่หยุดจนกว่ามันจะเจอเป้าหมาย”
ทั้งสองรับฟังคำสั่งเรือสินค้าหยุดแล่น
เรือลำยักษ์ของผู้คุมกฎอาวุโสใกล้เข้ามาผู้คุมกฎสองร้อยคนพุ่งเข้ามาล้อมเรือสินค้า
“ผู้คุมกฎอาวุโสขอจับผู้ต้องสงสัย!บอกทุกคนที่ขึ้นเรือให้ยืนบนดาดฟ้าเรือซะ! แล้วก็ตรวจบัญชีรายชื่อด้วย เราต้องการเห็นรายการคนที่ขึ้นฝั่งระหว่างทาง”
แน่นอนว่าเรือสินค้าให้ความร่วมมืออย่างดี
ไม่นานคนกับบัญชีรายชื่อก็ถูกนำออกมา
“ไม่มีการลงจอดในบัญชีรายชื่อมันจะต้องยังอยู่บนเรือ”
เทพกระเรียนหรี่ตานางมองคนสามร้อยคนอย่างเย็นชา
นางเหลือบมองอยู่นานแต่ก็ไม่พบซือหยูหรือม่อเทียนฉวน
นางพาปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญวิชาแปลงกายมาด้วยแต่นางก็ไม่พบใครที่ใช้การแปลงกาย
“ผู้คุมกฎตรวจสอบทุกห้องพัก!”
นางรอให้ผู้คุมกฎจัดการแต่ก็ไม่พบอะไร
“มันอยู่ไหนกัน?”
เทพกระเรียนขมวดคิ้ว
“ท่านมนุษย์นี่มันเจ้าเล่ห์นัก ข้าเกรงว่ามันจะรู้ตัวและหาวิธีซ่อนตัวจากเราได้แล้ว”
เสี่ยวเสวียนจ้องมองเทพกระเรียนอย่างเย็นชา
“หวังว่าที่เจ้าพูดจะเป็นเรื่องจริง”
เขาจ้องมองนางในใจเทพกระเรียนเศร้าหมองแต่นางก็ต้องใจเย็น
“ความตายของจิงไป่เกี่ยวข้องกับพวกมันข้ายืนยันได้! พวกมันจะต้องอยู่บนเรือ”
ทำไมพวกเขาจึงหาซือหยูไม่เจอน่ะหรือ?ซือหยูจำเป็นต้องอยู่บนเรือแต่มิอาจถูกพบว่ายังมีชีวิตอยู่ได้ ซึ่งเทพกระเรียนก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด
เพราะตราบเท่าที่ซือหยูมีหอคอยร้อยชั้นมันก็เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือที่เขาจะซ่อนตัว?
ตราบเท่าที่เขาอยู่ใดหอคอยเขาก็เหมือนกับหายตัวไป
หากมีใครพบหอคอยพวกเขาก็พบซือหยูเช่นกัน
เทพกระเรียนไม่กล้าพูดถึงการมมีอยู่ของหอคอยเพราะนางเองก็อยากจะได้หอคอยเช่นกัน นางเองก็ไม่อยากให้ซือหยูถูกเสี่ยวเสวียนจับได้ เพราะถ้าหากเขาถูกสอบสวน เรื่องบางอย่างจะถูกเปิดเผยออกมา หากนางทำให้เสี่ยวเสวียนสงสัย นั่นจะไม่ดีสำหรับนาง
เพราะถ้าหากเหล่าเทพโกรธเมื่อใดมันก็ยากที่เทพกระเรียนจะต้านทานแรงกดดันไหว
นางต้องระวังนางต้องฆ่าซือหยูขณะที่ชิงหอคอยกลับมาได้พร้อมกัน
“ข้าสงสัยว่ามีโลกใบเล็กที่ผู้ต้องสงสัยซ่อนตัวอยู่…”
เทพกระเรียนกล่าว
“เอาของวิเศษของพวกเจ้าออกมาพวกเราต้องตรวจสอบทุกชิ้นทีละคน!”