The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1210 - ขอบเขตพลังแห่งชีวิต
ซือหยูบอกสถานที่ด้วยความมั่นใจ
เจิ้งหยวนชิงมองเขาด้วยแววตาสดใสโลกเสี้ยววิญญาณมิใช่แค่โลกที่วุ่นวายที่สุดในจักรวาล แต่ก็เป็นเส้นทางของการเดินทางครั้งนี้ด้วย
ตามผลที่ได้จากการหารือเหล่าเทพคิดว่าเทพรากษสน่าจะหนีไปยังโลกเสี้ยววิญญาณ
นี่นั่นคือสรวงสวรรค์ของเหล่าทรราชย์ของโลกทุกใบไม่มีใครกล้าเข้าไปจับตัวคนที่นั่น พันธมิตรบูรพาเองก็ไม่เว้น
ที่โลกเสี้ยววิญญาณนั้นนับเป็นแดนสวรรค์แก่คนเลว
หากเทพรากษสคิดจะหนีการตามล่าให้ได้นางก็ทำได้แค่ไปซ่อนตัวที่โลกเสี้ยววิญญาณ สถานที่ที่เหล่าเทพไม่กล้าไป
แต่เจิ้งหยวนชิงเองก็ไม่ได้โง่นางพูดด้วยสิ่งที่สงสัย “เทพรากษสอาจจะหนีไปที่โลกเสี้ยววิญยาณแต่เทพตำรา…”
“ข้าว่าเทพตำราคงยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลเทพตำราถูกทำลายล้างไปแล้ว”
“เขาอาจจะกำลังมุ่งหน้ากลับมาที่พันธมิตรบูรพาในเวลานี้เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่โลกเสี้ยววิญญาณ?”
ซือหยูยิ้มและชี้ศีรษะตัวเอง
“คิดในมุมของมันดูสิถ้าข้าเป็นเทพตำราที่แอบคิดร้ายต่อพันธมิตรมาตลอดเวลา ข้าจะไม่มีทางออกจากพันธมิตรและเดินทางอย่างไร้จุดหมาย อย่างน้อยจะต้องหาทางหาข่าวในพันธมิตรและทำเรื่องสำคัญ”
“ดังนั้นถ้าหากเทพตำราไม่โง่ มันก็น่าจะมีทางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในพันธมิตรอยู่แล้ว การนองเลือดเกิดขึ้นเมื่อเจ็ดวันก่อน ข่าวคงจะไปถึงจักรวาลเร็วกว่าตัวพวกเรา”
“ถ้าเทพตำรารู้มันจะหาที่หลบที่ปลอดภัยที่สุดในจักรวาล ซึ่งนั่นก็คือโลกเสี้ยววิญญาณไม่ผิดแน่”
เมื่อฟังการวิเคราะห์ของซือหยูจบเจิ้งหยวนชิงกระพริบตา นางคิดในใจ แม้จะดูเหมือนพูดเข้าข้างตัวเอง แต่มันก็มีเหตุผล
จากที่นางรู้วิถีเทพที่เทพตำราทุกคนเลือกเดินก็คือวิถีแห่งตำรา พวกเขามีความรอบรู้และสติปัญญาอันเฉลียวฉลาด เทพตำราในอดีตเป็นเครื่องบ่งบอกได้ดี ไม่มีแม้สักคนที่ไร้ปัญญา
ดังนั้นเทพตำราจึงน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่โลกเสี้ยววิญญาณ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าลักพาตัวฉินเฟยเฉินมาด้วยก็เพื่อล่อให้เทพตำราออกมารึ?”
เจิ้งหยวนชิงเดาใจซือหยูสุดท้ายนางก็เข้าใจว่าเหตุใดซือหยูจึงไว้ชีวิตฉินเฟยเฉิน
แต่เจิ้งหยวนชิงก็ต้องหงุดหงิดที่เห็นซือหยูส่ายหน้าเขายิ้มอย่างมีเลศนัย
“เทพตำราน่ะหรือกลกระจอกเช่นนี้ลวงมันออกมาไม่ได้หรอก ข้าเก็บฉินเฟยเฉินเอาไว้ด้วยเหตุผลอื่น”
“ไม่ยุติธรรมเลยที่เจ้าเอาแต่เดาทุกอย่างได้ถูกต้องขณะที่คิดอื่นเดาความคิดเจ้าไม่ได้เลย!”
เจิ้งหยวนชิงเดินหนีไปที่กราบเรือนางบอกเทพทั้งเก้าในเรื่องที่คุยกับซือหยู
ซือหยูยักไหล่เขามองจักรวาลอันมืดสนิท ดวงตาของเขาลึกล้ำ
เขายังไม่หมดหวังถึงที่สุดเมื่อถูกบังคับให้ขึ้นเรือครั้งนี้
ถ้าหากเขายังอยู่ในพันธมิตรและเทพรากษสกลับมาล้างแค้นถึงตอนนั้นจะไม่มีใครปกป้องเขา ถ้าหากเขาติดตามเทพทั้งเก้ามาแทน เทพรากษสจะไม่เป็นภัย
อีกเหตุผลที่ทำให้เขาเข้าร่วมหน่วยล่านั้นเป็นเพราะฑากิณี!
ด้วยเหตุผลบางประการนางทำให้ซือหยูรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก สัญชาตญาณของซือหยูบอกให้เขารักษาระยะห่างจากฑากิณีให้มากที่สุด
‘หวังว่าหน่วยข่าวกรองข้าจะเจอข้อมูลเรื่องนางมากพอ…’
ซือหยูคิดก่อนที่จะเดินทางออกจากพันธมิตรบูรพา ซือหยูได้ไหว้วานหยางไท่และหวังยุ่นเสวียนให้ดูแลตระกูลเทพกระเรียนแทนเขา
ซือหยูยังจัดให้หน่วยข่าวกรองสืบทุกเรื่องของฑากิณีอีกด้วย
พอถึงคราวที่ซือหยูกลับไปเขาน่าจะได้ข้อมูลที่มากพอและวิเคราะห์ฑากิณีได้ดีกว่านี้
ฉินเฟยเฉินจ้องซือหยูด้วยความปองร้าย
“ซือหยู!ถ้าเจ้าคิดล่อลวงท่านพ่อให้ออกมาเพื่อข้า เจ้าก็ลืมไปได้เลย เจ้าจะไม่มีทางฉลาดกว่าพ่อข้า พ่อข้าไม่โดนเจ้าหลอกหรอก!”
ซือหยูยิ้มแย้มแจ่มใสแต่ก็เผยความเยือกเย็นออกมา “ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงคิดว่าข้าจะใช้เจ้าเป็นเหยื่อล่อกันเล่า?ฮ่าๆๆๆๆ…”
ฉินเฟยเฉินหัวใจหยุดเต้นเมื่อเห็นรอยยิ้มของซือหยูเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเลย
เมื่อกลับไปยังโลกหอคอยมีสามคนรอซือหยูอยู่
มีมือสังหารสำนักนรกเซียนขาวและเซียนดำ
เซียนดำเหลือบมองตาเซียนขาวทั้งสองคุกเข่าลง
“เราสองคนพร้อมรับใช้ท่านซือ”
“ดีเช่นนั้น ท่านสองคนจะต้องรับจิตวิญญาณเทพของว่าที่เทพสองคนนี้ไป…”
ซือหยูยิ้ม
หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนซือหยูตัดสินใจที่จะให้จิตวิญญาณเทพของจินกังและบุตรสาวเทพเซียนคันฉ่องกับเซียนขาวและดำ
แต่คนที่เขาอยากให้ที่สุดก็คือเซี่ยนเอ๋อ เพราะนางคือคนที่เขารักมากที่สุดถ้าหากนางได้จิตวิญญาณเทพไป นางจะกลายเป็นเทพได้อย่างแน่นอน
แต่เซี่ยนเอ๋อปฏิเสธนางใช้สายโลหิตวิหคเพลิง ที่นางต้องทำก็มีเพียงการบ่มเพาะตามลำพัง การเป็นว่าที่เทพไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง
แม้การได้จิตวิญญาณเทพจะเป็นทางลัดสู่การเป็นเทพร่างกายตั้งต้นจะเสียเปล่า ต่อให้เป็นเทพ พลังที่มีย่อมจำกัด
นอกจากนางเขาอยากจะให้จิตวิญญาณเทพกับจักรพรรดิผีและเจี๋ยนอู๋เชิง
จักรพรรดิผีนั้นต้องการแต่คุณสมบัติของจิตวิญญาณเทพทั้งสองไม่ตรงกับของเขาที่เป็นบุตรเทพผี ดังนั้นการดูดซับจึงไม่ดีนัก
เจี๋ยนอู๋เชิงเองก็อยากได้พลังเช่นกันแต่นางยอมแพ้ในท้ายสุดนางยังอายุน้อยและมีโอกาสที่จะกลายเป็นเทพได้ด้วยตัวเอง
สุดท้ายซือหยูจึงคิดถึงเซียนขาวดำทั้งสองช่วยเหลือซือหยูอย่างดีและกล้าหาญในการต่อสู้สุดท้ายที่จิวโจว ซือหยูเชื่อใจทั้งสองคน
เมื่อซือหยูตัดสินใจเช่นนี้เซียนขาวดำดีใจมาก
ด้วยอายุชราของทั้งคู่ทั้งคู่มีพลังเพียงเซียนขั้นหนึ่ง แม้จะได้ทรัพยากรจากพันธมิตร ทั้งสองสำเร็จเพียงเซียนขั้นสาม ซึ่งห่างไกลจากคนที่อ่อนเยาว์กว่าอย่างจักรพรรดิผีและเจี๋ยนอู๋เชิงที่กลายเป็นเซียนขั้นสี่แล้ว
ทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงการเป็นเทพแต่ขณะนี้ ซือหยูได้ให้โอกาสนี้แล้ว ทั้งสองรู้สึกราวกับได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด
“เอาล่ะท่านสองคนแบ่งจิตวิญญาณเทพกันเอง แต่ละดวงจะมีวิถีเทพที่ต่างกันออกไป ครั้งหน้าที่เราได้พบกัน ท่านจะทำให้ข้าแปลกใจแน่นอน”
ซือหยูพูด เซียนขาวดำรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งทั้งสองรับจิตวิญญาณเทพและพร้อมที่จะกลับไปบ่มเพาะพลังในโลกหอคอยแล้ว
แต่ในตอนนั้นเองสายตาของเซียนขาวดำตึงเครียดขึ้น
“ท่านซือมีบางอย่างที่เราต้องรายงาน เราสัมผัสได้ว่าอายุขัยของเรากำลังหมดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้”
อะไรนะ?ซือหยูเลิกคิ้ว ความเป็นไปได้เดียวกับเรื่องนี้ก็คือเซียนมณีกำลังใกล้เข้ามา
“เรากำลังคิดว่าเซียนมณีอาจจะออกจากพันธมิตรบูรพาและเดินทางล่องจักรวาลแล้ว”
เซียนมณี…ซือหยูเกิดความรู้สึกอันซับซ้อนเมื่อคิดถึงนาง
“ขอบคุณท่านที่บอกข้า”
ซือหยูส่งเซียนขาวดำกลับโลกหอคอยขณะที่เขากำลังครุ่นคิดพร้อมกับบ่มเพาะพลัง
ซือหยูบ่มเพาะพลังอยู่สี่เดือนเต็มในโลกสุสานเทพเขาได้กลายเป็นอสูรเนรมิตรขั้นห้าแล้ว
หนึ่งเดือนต่อมาคลื่นพลังอสูรเนรมิตรได้เอ่อล้นทั่วร่างของซือหยู เกิดมงกุฎก่อร่างที่ศีรษะของเขา
“ยินดีด้วยนายท่านอีกไม่นานท่านจะได้เป็นอสูรเนรมิตรขั้นสูงสุเแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน ท่านจะได้กลายเป็นเซียน”
วิหคเพลิงทมิฬกล่าวชมเขาอย่างอ่อนโยน
ซือหยูพยักหน้า
“พลังข้าเพิ่มขึ้นแล้วแต่พลังโดยรวมของข้ายังไม่เพิ่มขึ้นนัก ถึงเวลาที่จะใช้โลหิตเทพ…”
เมื่อพูดจบซือหยูเรียกขวดหยกที่มีโลหิตเทพวารีอยู่เต็มออกมา
เขารวบรวมพิรุณโลหิตทั้งหมดแต่มันก็ควบแน่นกลายเป็นโลหิตเทพเพียงสิบหยด ซึ่งคือแก่นโลหิตของเทพวารีจริง ๆ
โลหิตหมุนวนรอบดัชนีซือหยูดูดกลืนโลหิตเทพทั้งสิบหยดผ่านระหว่างคิ้ว โลหิตถูกหม้อเก้ามังกรดูดที่แห้งเหือดมานานดูดซับเข้าไป
โลหิตเทพถูกเจือจางเติมเต็มพื้นที่หม้อเก้ามังกรหนึ่งในสิบ
โลหิตเทพเจือจางที่ไม่ได้เห็นมานานหยดซึมออกจากหม้อไหลผ่านมังกรหยกแห่งชีวิตมังกรหยกที่ยังไม่ก่อตัวอีกหนึ่งในสามถูกเติมเต็ม
ถึงตอนนี้มังกรหยกได้ก่อร่างทั้งตัวแล้ว ข้อมูลที่เขาไม่คุ้นเคยจำนวนมหาศาลแล่นเข้าสู่สมอง มันอธิบายถึงพลังเฉพาะของหม้อเก้ามังกรฃ
ตอนที่ก่อร่างมังกรท่อนแรกซือหยูได้รับพลังฟื้นคืนชีพ เมื่อได้ท่อนที่สอง เขาได้หัวใจนิรันดร์ เมื่อก่อร่างมังกรทั้งตัว เขาได้รับขอบเขตพลังแห่งชีวิต
มันทำให้ซือหยูกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ