The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1212 - ใครดูย่ำแย่ไปกว่ากัน
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ด้านในห้องหลักบนเรือสีหน้าเทพทั้งเก้าหม่นหมอง
เทพเจิ้งสะบัดตัวทำให้เห็นชุดหนังที่นางสวมสะดือ หน้าขา และอกเกือบครึ่งเผยออกมา เห็นผิวเรียบเนียนของนางแทบจะทั้งตัว! นี่มันบ้ามาก!
นี่หรือคือเทพเจิ้งผู้สูงส่งที่เคยรู้จัก?ตอนนี้นางกลับกลายเป็นสตรีสำส่อนที่ดูยั่วยวนไปเสียได้
เทพอีกแปดคนมองนางนางทั้งอายและโมโห นางถามเสียงดุ
“มองอะไรของพวกเจ้า?พวกเจ้าสภาพดีกว่าข้างั้นเรอะ?”
เทพพ่อค้าแตะที่ปิดตาของตัวเองและหัวเราะแห้งๆ
“ข้ากลายเป็นชายตาเดียวไปเสียแล้วฮ่าๆๆๆ…”
เทพพ่อค้าที่เคยหล่อเหลาน่ามองไม่มีเค้าเดิมให้เห็นอีกต่อไปสภาพเขาอิดโรยราวขอทาน
“แค่นั้นเองน่ะเรอะ!ใครจะดูแย่ไปกว่าข้ากัน?”
กระบี่เทพบนแผ่นหลังเทพกระบี่หายไปแล้วเขากำลังแบกไม้กวาดบนไหล่แทน เขาดูเหมือนกับทาสบนเรือด้วยชุดหลวมโครกที่สวม
“ฮ่าๆๆๆพวกเจ้าดูแย่กว่าข้ารึ? ใช่รึ?”
เทพสตรีอีกคนหัวเราะราวกับคนเสียสติเมื่อนางเดินเข้ามา นางมาพร้อมกับกลิ่นกายเหม็นคลุ้งราวกับไม่ได้อาบน้ำมาหลายเดือน นางยังใช้เครื่องประทินโฉมให้ตัวเองดูอัปลักษณ์เหมือนอสูร
แต่ภายใต้การแปลงกายนี้ตัวนางคือเทพกวาง เทพีผู้ขึ้นชื่อด้านความน่ารัก แต่เครื่องประทินโฉมกลับทำให้นางกลายเป็นอสูรดุร้ายไปเสียแล้ว
เทพทุกคนพบชะตาแบบเดียวกันสภาพของเทพแต่ละคนนั้นแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
“โอ้ท่านเทพทั้งหลาน พวกท่านกำลังแข่งกันว่าใครดูแย่กว่ากันหรือ?”
ปั่กปั่ก
เสียงซือหยูเดินเข้ามาเขาตาเป็นประกายเมื่อเห็นเหล่าเทพ เขาชมมือสังหาร
“วิหคเพลิงทมิฬเจ้าทำได้ดีมาก”
มือสังหารเชี่ยวชาญสองเรื่องเรื่องแรกคือการสังหาร และเรื่องที่สองคือการปลอมตัว ดังนั้นนางจึงยอดเยี่ยมในการปลอมตัวให้เป็นทุกอย่างได้
ทุกคนบนเรือรบเปลี่ยนโฉมเป็นสิ่งอื่นด้วยฝีมือนางพวกเขากลายเป็นคนสกปรกมอมแมมในโลกเสี้ยววิญญาณ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพวกเขาจะไม่ถูกสงสัย
เมื่อเทพทั้งเก้ามองซือหยูเทพเจิ้งนั้นไม่พอใจเป็นพิเศษ
“ทำไมเจ้าถึงไม่ปลอมตัวกัน?”
ซือหยูเป็นคนเดียวที่สวมชุดสะอาดสะอ้านและไร้เครื่องประทินผิวเขาไม่ต่างจากกระเรียนที่ยืนท่ามกลางฝูงไก่
“ฮ่าๆๆๆก็เพราะข้าไม่ต้องทำน่ะสิ ข้าคือเจ้าของเรือโจรสลัดจักรวาลลำนี้ บุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลเทพโท่ป๋าที่ถูกเนรเทศ โท่ป๋าหยุน”
ตระกูลเทพโท่ป๋าเป็นตระกูลเทพในพันธมิตรบูรพา
สามปีก่อนเทพโท่ป๋าตายโดยอุบัติเหตุ ทายาททั้งสามต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อรับมรดกสืบทอด บุตรชายคนโตเป็นผู้ชนะในท้ายสุด บุตรคนที่สองถูกสังหารและบุตรคนที่สามได้หายตัวไป
ทุกอย่างที่รู้มีเพียงว่าเขาหนีไปยังจักรวาลและไม่มีใครพบตัวจนถึงบัดนี้
มีเพียงวิหคเพลิงทมิฬที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาสามปีก่อน นางได้ทำภารกิจหนึ่งและพบว่าโท่ป๋าหยุนถูกโจรสลัดจักรวาลสังหารไป แต่โจรสลัดเหล่านั้นไม่รู้ว่าคนที่สังหารคือโท่ป๋าหยุน
ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ความเป็นตายของโท่ป๋าหยุนมาจนถึงวันนี้
ด้วยเหตุนี้ซือหยูจึงใช้ตัวตนโท่ป๋าหยุนได้โดยไม่ต้องระวังอะไรและเทพที่มากับเขาจะแสร้งเป็นข้ารับใช้ของโท่ป๋าหยุน
ทั้งเรือได้ถูกตกแต่งให้เหมือนกับเรือโจรสลัดจักรวาลพวกเขากลายเป็นคนตระกูลโท่ป๋าและถูกบังคับให้กลายเป็นโจรสลัดจักรวาล
โลกเสี้ยววิญญาณไม่เคยขาดโจรสลัดจักรวาลอยู่แล้วว่ากันว่ามีโจรสลัดเกือบทั้งหมมดในจักรวาลที่ใช้โลกเสี้ยววิญญาณเป็นฐานทัพ ในทุก ๆ วันจะมีโจรสลัดหน้าใหม่ลี้ภัยเข้ามาอยู่เสมอ มันเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทุกวัน
“ไม่ว่าเทพตำราจะฉลาดเพียงใดมันจะไม่มีทางคิดว่าเทพผู้สูงส่งในอดีตได้ปลอมตัวเองเป็นโจรสลัดแน่” ซือหยูยิ้มแฉ่ง
เทพเจิ้งจ้องซือหยูนางพูดด้วยความอับอายและโมโห
“ถ้าแผนเจ้าล้มเหลวข้าจะไม่มีวันอภัยให้กับเจ้า…”
“หึหึยังไม่พอนะราชินีอารมณ์ร้อนของข้า! เสียงท่านควรจะดุร้ายกว่านี้ แต่ท่านยังต้องดูยั่วยวนในเวลาเดียวกันด้วย ต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้นถึงจะเข้ากับสตรีบนเรือที่ถูกรายล้อมไปด้วยชายตัวเหม็นตอนนี้น่ะ”
ซือหยูพูดตัดบทนาง
เส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผากเทพเจิ้งนางเริ่มเสียใจที่เอาซือหยูขึ้นมาบนเรือแล้ว คนที่ฉลาดสักหน่อยย่อมรู้ว่าซือหยูถือโอกาสนี้ล้างแค้นพวกเขาที่บังคับให้เขาต้องขึ้นเรือ ซือหยูจึงบังคับให้พวกเขาต้องแต่งตัวน่าอายแทน
มันจะต้องมีแผนที่ดีกว่านี้!
แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่เคยคิดว่าจะต้องปลอมตัวขนาดนี้ ตามแผนพวกเขาจะใช้เครื่องประทินโฉมไม่มากนักและปะปนไปกับคนบนโลกเสี้ยววิญญาณเยี่ยงคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งมันก็เป็นขีดจำกัดที่จะทำได้แล้ว
แผนของพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดที่เป็นอยู่ตอนนี้เลยแม้แต่ตัวตนของพวกเขาก็ถูกดัดแปลงไม่เหลือเค้าเดิม แม้แต่บิดามารดาก็คงจะจำไม่ได้
ปั่กปั่ก!
มีคนรีบเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงหอบเบาๆ
“ซือหยูข้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เจ้าคิดว่า…”
เจิ้งหยวนชิงรีบมาที่นี่สายตานางย่อมมองไปยังเทพทุกคนอยู่แล้ว นางหยุดนิ่งในทันทีและอุทาน
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมื่อสังเกตแต่ละคนดีๆ นางพบว่าแต่ละคนนั้นดูคุ้นหน้าอยู่บางส่วน นางอ้าปากค้าง
“อ๊ะ!พวกท่านคือ…”
“หยวนชิงอย่ากระโตกกระตา…”
เทพเจิ้งเตือนนางด้วยความอับอาย
ก่อนที่นางจะพูดจบเจิ้งหยวนชิงก็พูดสวนกลับมา
“อ๊ะะ!ซือหยู ผู้หญิงสำส่อนผู้นี้เป็นใครกัน? ชุดนางน่าอายยิ่งนัก…”
ฉ่า!
เทพเจิ้งหน้าแดงก่ำนางจ้องซือหยูด้วยความโมโหร้าย นางอยากจะบีบคอเขาให้ตาย!
นางไม่รู้ว่าบิดามารดานางจะจำได้หรือไม่แต่ลูกสาวนางกลับจำนางไม่ได้เลย
เหล่าเทพหัวเราะจนน้ำตาร่วง
เมื่อใจเย็นลงเจิ้งหยวนชิงเบิกตากว้าง
“หรือว่า…ท่านแม่?”
เมื่อรู้ความจริงเจิ้งหยวนชิงแทบจะสำลัก นางจ้องซือหยูอย่างอาฆาตแค้น “เจ้า!เจ้าทำให้แม่ข้า…”
ซือหยูหรี่ตาเขายิ้มอย่างชั่วร้ายและเชิดคาง
“แม่สาวน้อยใยพูดกับข้าเช่นนั้นเล่า? เพราะเจ้าได้ลิ้มรสข้าเมื่อคืนจนทนไม่ได้ที่จะแยกจากกันหรือ?”
“ไม่ต้องห่วงตอนที่ลงจากเรือแล้ว ข้าจะขายเจ้าในราคาดี รับประกันได้เลยว่าจะต้องมีชายที่ทำให้เจ้าสบายใจราวกับอยู่บนสวรรค์เชียวล่ะ”
ซือหยูยื่นมือ
เจิ้งหยวนชิงหน้าแดงตัวตนของนางในตอนนี้คือลูกหลานเทพที่ถูกโท่ป๋าหยุนจับเป็นทาส นางคือว่าที่เทพผู้งดงาม
เมื่อได้ยินคำยั่วยุของซือหยูนางเขินอายขึ้นมาแม้จะรู้ว่าซือหยูเพียงแกล้งพูด
“ซือหยู!รอจนกว่าจะกลับไปที่พันธมิตรบูรพาเถอะ เจ้าจะต้องชดใช้แน่!”
หลังจากสะบัดมือซือหยูทิ้งไปเจิ้งหยวนชิงยกกระโปรงยาวของตัวเองวิ่งหนีไปด้วยความเขินอาย
เมื่อซือหยูหันหลังกลับเขาก็เห็นสายตาเยือกเย็นเก้าสายพุ่งตรงมาที่เขา
เจิ้งหยวนชิงพูดด้วยความใจเย็น
“ข้าไม่เป็นไรใช่แล้ว ข้าไม่เป็นไร”
เทพพ่อค้าเหลือบมองนางพลางคิด
‘แล้วเจ้าจะกำหมัดแน่นขนาดนั้นไปทำไมกัน?’
“อะแฮ่มซือหยู เจ้าแสดงได้ดีนัก ข้าหวังว่าเราจะถึงที่หมายด้วยความปลอด…”
เทพพ่อค้ากระแอม
ซือหยูพูดอย่างจริงจังไม่ติดตลก
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!ข้ามาถึงโลกเสี้ยววิญญาณแล้ว ข้าต้องการอาหารชั้นดีกับอาหารชั้นเลิศ พวกเจ้ากลับไปทำงานซะ! หยุดเดินเตร็ดเตร่ต่อหน้าข้าสักที! ไสหัวไป!”
เทพทั้งเก้ากำหมัดแน่นขึ้นมาพร้อมกัน …
ที่ท่าเรือโลกเสี้ยววิญญาณ
เทพตำรากับเทพรากษสอยู่ที่โรงสุรารอคอยข่าวจากท่าเงียบ ๆ
“หลายวันก่อนหน่วยข่าวกรองพวกมันเริ่มตื่นตัว ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะใกล้มาถึงแล้ว แต่ทำไมพวกมันถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมากัน?”
เทพรากษสกังวลขึ้นมา
เทพตำราดูสบายใจ
“ไม่ต้องรีบร้อนหากข้าเดาถูก พวกมันเลือกที่จะปะปน มันเลือกที่จะเจียมตัว เทพโจรสลัดที่อยู่ท่าเรือเคียดแค้นชิงชังหน้าไม้สังหารเทพที่เทพทั้งเก้าสร้างขึ้นมา พวกมันกลับไปไม่รอดแน่”
เมื่อพูดถึงหน้าไม้สังหารเทพเทพรากษสโล่งใจขึ้นมาก หน้าไม้เทพนั้นสูญหายไปนานแล้ว เหลือเพียงแค่เก้าชิ้นเท่านั้น
เมื่อใช้แล้วมันจะตามล่าเหล่าเทพอย่างไม่หยุดหย่อน ในยุคโบราณ เมื่อสองพันธมิตรใหญ่ได้เกิดขึ้นในจักรวาล หน้าไม้สังหารเทพคืออาวุธสุดยอดที่เทพทุกคนสะพรึงกลัว
มีเทพมากกว่าร้อยคนที่ตายไปเพราะหน้าไม้สังหารเทพในยุคนั้นรวมถึงเทพอันดับสูงที่แข็งแกร่งด้วย
แม้แต่เทพรากษสที่เป็นอันดับสี่ยังไม่มั่นใจว่าจะหลบการตามล่าจากหน้าไม้สังหารเทพได้
หากเทพใดถูกเจอตัวหน้าไม้เทพจะสังหารเทพผู้นั้นได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่เทพรากษสยังคงเป็ยกังวล
“ถ้าเทพที่มาตามล่าเราแอบเข้ามาเทพโจรสลัดก็คงจะไม่สังเกตเห็นเหมือนกันไม่ใช่รึ?”
“ไม่ใช่แค่ถ้าแต่พวกมันจะต้องแอบเข้ามาแน่! นิสัยพวกเทพพันธมิตรบูรพาจะต้องทิ้งเรือแอบเข้ามาที่โลกเสี้ยววิญญาณ! ข้าเตือนเทพโจรสลัดไว้แล้วว่าให้ตรวจดูเรือขนาดเล็กให้หมด!”
ถ้าหากจะเดินทางข้ามจักรวาลมาโดยไม่ผ่านเรือคนเหล่านั้นจะต้องเป็นเทพอย่างแน่นอน
เพราะมีแค่เทพเท่านั้นที่จะล่องผ่านธารดาราได้!
สถานที่อื่นในโลกเสี้ยววิญญาณมีม่านพลังที่สร้างโดยเทพเก้าคนถ้าหากเทพพันธมิตรบูรพาจะบุกเข้ามาจากที่อื่น พวกเขาก็ต้องจู่โจมม่านพลัง ซึ่งจะเป็นการเปิดเผยตัวเช่นกัน
ดังนั้นจึงมีทางเดียวในการเข้าสู่โลกเสี้ยววิญญาณนั่นคือการเข้ามาผ่านท่าเรือ!
และทางเดียวก็คือการใช้เรือขนาดเล็ก
เทพรากษสโล่งใจเต็มที่เพื่อได้ฟังบทวิเคราะห์ของเทพตำรา
“เจ้าคิดอ่านทุกแง่ได้ละเอียดดีคงไม่ยากที่จะกำจัดพวกเทพน่ารังเกียจพวกนั้น!”
สองวันต่อมาเรือรบลำใหญ่ยักษ์แล่นผ่านธารดารามุ่งตรงมายังท่าเรือโลกเสี้ยววิญญาณ
ธารดาราแหวกเป็นสายเมื่อเรือรบแล่น
แสงเทพเปล่งประกายเหนือท่าเทพคนหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยแสงเทพแอบปรากฏตัว เขาจ้องมองเรือรบลำยักษ์ด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“กลุ่มที่จะต่อเรือรบลำใหญ่เช่นนี้มีเพียงตระกูลเทพจากพันธฒิตรบูรพาและพันธมิตรประจิมเท่านั้นพวกเทพจากพันธมิตรบูรพาโง่เขลาจนบุกเข้ามาตรง ๆ เช่นนี้เลยรึ?”
“ท่านเทพโจรสลัดให้เราใช้หน้าไม้สังหารเทพยิงใส่เรือรบเลยหรือไม่?”
ว่าที่เทพสามคนเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น
เทพโจรสลัดจ้องมองเรือรบและส่ายหน้าเบาๆ
“รอเดี๋ยวก่อน!”
เมื่อเข้าใกล้เรือได้เข้าสู่มุมมองที่ชัดเจนขึ้น แต่กลับไม่เห็นสัญลักษณ์พันธมิตรบูรพา มันกลายเป็นเรือโทรม ๆ ที่ผ่านการรบมาจนสภาพไม่ดีนัก มันดูจะร่อนเร่อยู่ในจักรวาลมาเป็นเวลานาน มีธงรูปหัวกะโหลกบนเรืออีกด้วย
คนบนเรือล้วนดูน่ากลัวดุร้าย
“เรือโจรสลัดรึ?”
เทพโจรสลัดแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็ได้เห็นชายหนุ่มรูปหล่อสวมสุดสะอาดสะอ้านบนเรือเขาคลี่พัดในมือพลางพัดเมื่อเข้าสู่โลกเสี้ยววิญญาณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เทพโจรสลัดมองดูอย่างใกล้ชิดโดยไม่พลาดแม้สักคนบนเรือเขามองรูปลักษณ์ พฤติกรรม และแววตาของแต่ละคน
เทพโจรสลัดนั้นเห็นโจรสลัดมาทุกประเภทและสามารถแยกออกได้ว่าใครแสร้งเป็นโจรสลัดหรือไม่
โจรสลัดตรงหน้าเขาดูแปลกและคล้ายกับโจรสลัดอยู่เล็กน้อยมีร่องรอยการแปลงกายอยู่ด้วย
เมื่อเขาระวังตัวขึ้นอยู่นั้นเองชายหนุ่มผมสีเงินที่ดูไม่เหมือนโจรสลัดกว่าใครได้ใกล้เข้ามาจนทำให้เทพโจรสลัดลังเลยิ่งกว่าเดิม