The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1213 - วางอุบายกับเหล่าเทพ
“อาซันไปถามว่ามันเป็นใคร”
เมือ่ได้รับคำสั่งว่าที่เทพอันดับสามบินไปข้างหน้า เมื่อได้พูดคุยกับซือหยูแล้ว เขากลับมาในไม่นาน
“ตระกูลเทพโท่ป๋าหรือ?”
เทพโจรสลัดหน้านิ่วเรื่องความตายของเทพโท่ป๋าแห่งพันธมิตรประจิมและเรื่องที่บุตรทั้งสามห้ำหั่นกันเพื่อชิงบัลลังก์เทพนั้นไม่ใช่ความลับในโลกเสี้ยววิญญาณ
ข่าวลือเรื่องโท่ป๋าหยุนที่เป็นบุตรคนสุดท้องเองก็มาถึงโลกเสี้ยววิญญาณเช่นกัน
เทพโจรสลัดเองก็ได้ยินข่าวลือเหล่านั้นด้วย
เรื่องติดใจของเทพโจรสลัดหายไปแล้วไม่แปลกเลยที่คนเหล่านี้ดูไม่เป็นธรรมชาติไม่เหมือนกับโจรสลัดจริง พวกเขาคือลูกหลานเทพที่ล่วงลับและต้องมาหาเลี้ยงตัวเองด้วยสิ่งที่ตนไม่ถนัด
“ท่านเทพโจรสลัดเราจะใช้โอกาสนี้…”
อาซันทำท่ามือ
อย่างไรตระกูลเทพโท่ป๋าก็เป็นตระกูลเทพลูกหลานอย่างโท่ป๋าหยุนจะต้องมีของล้ำค่าติดตัว
เทพโจรสลัดจ้องกลับตาเขม็ง
“เราคือโจรสลัดไม่ใช่โจร!เราไม่เคยปล้นในโลกเสี้ยววิญญาณ เราจะไม่ทำอันตรายผู้ที่ลี้ภัยมาที่นี่ เจ้ากำลังจะทำให้ข้าผิดคำสัญญากับพันธมิตรเก้าเทพรึ?”
เทพทั้งเก้าในโลกเสี้ยววิญญาณมีคำมั่นที่คล้ายกันเพื่อให้โลกเสี้ยววิญญาณมีกำลัง พวกเขาจะอ้าแขนรับเหล่าคนทรยศจากโลกหลายใบด้วยความเต็มใจ
ดังนั้นผู้ที่เข้ามาลี้ภัยจะไม่ถูกฝ่ายใดทำอันตราย ไม่ว่าจะจากสำนักนรกหรือเทพโจรสลัด พวกเขายังต้องรับผู้ลี้ภัยเข้ามาอีกด้วย มิเช่นนั้นถ้าหากใครรู้เข้า ใครกันจะกล้าลี้ภัยมาที่โลกเสี้ยววิญญาณอีก?
เทพโจรสลัดผู้เป็นโจรสลัดจักรวาลนั้นรู้ดี
อาซันเงียบไปเขาก้าวถอยไปที่ด้านหลังเทพโจรสลัดเงียบ ๆ แต่สายตาเขายังคงมองบนเรือ ตอนที่เขาไปถามซือหยูเมื่อครู่ เขาได้เห็นสตรีที่ใส่ชุดแสดงเนื้อหนัง นางน่าดึงดูดตาต่อเขามาก
อาซันเกิดความต้องการเพียงเหลือบมองนางไม่กี่ครั้งเหตุที่เขาช่วยเทพโจรสลัดก็เพราะว่าเขามีความมักมากในสตรีคนนั้น
“ให้มันเข้ามา”
เทพโจรสลัดโบกมือกำลังที่ซุ่มอยู่หลีกทางให้
…
บนเรือรบโท่ป๋าหยุนกับคนลื่น ๆ แล่นเทียบท่าอย่างอาจหาญ
เทพพ่อค้าและเทพเจิ้งเช่นเดียวกับเทพอื่นๆ บนเรือแสดงเป็นตัวละครที่ต่างกันออกไป
จิตวิญญาณเทพของแต่ละคนถูกผนึกไม่มีร่องรอยเผยให้สัมผัสได้ แม้แต่เทพโจรสลัดก็สัมผัสจิตวิญญาณเทพของเทพแต่ละคนไม่ได้
กลุ่มเทพดีใจพวกเขาไม่สะทกสะท้านเมื่อเห็นกำลังมากมายที่ซุ่มอยู่ แต่เมื่อเห็นหน้าไม้สังหารเทพ พวกเขาหัวใจแทบจะหยุดเต้น แต่ละคนหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง
เป็นเช่นเดียวกับที่ซือหยูทำนายไว้มีกำลังหนาแน่นซุ่มรอที่ท่าเรืออยู่จริง เพียงรอให้พวกเขาเข้ามาติดกับเท่านั้น
และพวกเขายังได้รู้อีกด้วยว่าเป้าหมายของเทพโจรสลัดนั้นไม่ใช่เรือลำใหญ่แต่เป็นเรือกระดูกเทพลำเล็ก
พวกเขายอมรับซือหยูในอีกระดับไปแล้วในตอนนี้
ซือหยูไม่เคยพลาดในการคาดการณ์อนาคตเขาแม่นยำจนน่ากลัว! ถ้าหากพวกเขายืนกรานทำตามแผนแรกที่ให้เทพทั้งเก้าปลอมตัวเป็นสามัญชนพวกเขาคงจะเสียหายอย่างหนักไปแล้ว
“เทพโจรสลัดกำลังเตรียมตัวเรื่องอื่นอยู่ท่านไม่ว่างที่จะพบพวกเจ้าในตอนนี้ พวกเจ้าเทียบเรือรบไว้ที่นี่ ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในโลกเสี้ยววิญญาณ”
อาซันบอกพวกเขา
ถ้าหากไม่มีเรือรบพวกเขาก็ไม่มีทางหนีออกจากโลกเสี้ยววิญญาณ เขาจะจับตามองแต่ละคนโดยเฝ้าดูที่เรือรบ
“ไม่มีปัญหา”
ซือหยูพยักหน้าเบาๆ เขาสะบัดแขนเสื้อ เทพหลายคนที่ปลอมตัวเป็นโจรสลัดลากตัว ‘ตัวประกัน’ สองคนออกมา
หนึ่งในนั้นคือฉินเฟยเฉินซึ่งเป็นตัวประกันของจริง ส่วนอีกคนก็คือเจิ้งหยวนชิง
เมื่ออาซันเห็นทั้งสองเขาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง “ว่าที่เทพ?เป็นลูกหลานเทพรึ?”
“โรงประมูลใดในโลกเสี้ยววิญญาณที่น่าเชื่อถือที่สุดรึ?ข้าจับลูกหลานเทพได้สองคนระหว่างทาง มันเป็นเซียนขั้นสี่และว่าที่เทพ ข้าจะขายพวกมัน”
เมื่อรู้ว่าพวกเขามีกำลังพอที่จะจับตัวว่าที่เทพได้อาซันเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมา
ยิ่งเกิดความวุ่นวายมากเท่าใดกำลังจะยิ่งเป็นที่ชื่นชมมากขึ้นเท่านั้น
“ถามได้ดีท่านโท่ป๋า! โรงประมูลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับท่านย่อมต้องอยู่ที่โลกเทพโจรสลัด ของล้ำค่ามากมายที่โจรสลัดปล้นมาได้จะถูกขายที่นั่น”
“ในภายภาคหน้าโลกเทพโจรสลัดจะกลายเป็นศูนย์กลางตลาดมืดแห่งโลกเสี้ยววิญญาณ ท่านจะขายและซื้อสิ่งใดก็ได้ที่นั่น”
อาซันเหลือบมองสตรียั่วยวนใจหรือก็คือเทพเจิ้งที่ปลอมตัวมาเขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
ซือหยูหัวเราะในใจมันคิดจริง ๆ รึว่าจะได้แตะต้องเทพเจิ้ง? นางเองยังไม่มองเทพโจรสลัดเลย!
“ขอบคุณเจ้ามาก”
ซือหยูยิ้มและนำกลุ่มโจรสลัดของเขาเข้าสู่โลกเสี้ยววิญญาณพร้อมกับตัวประกันทั้งสอง
ที่โรงเตี๊ยมเทพทุกคน ตัวประกัน และซือหยูนั่งล้อมวงกัน
“ฮ่าๆๆๆเทพขนนกคิดอ่านได้ยอดเยี่ยมนัก เราเข้ามาได้อย่างสง่าผ่าเผยและไม่ต้องสงสัย”
เทพพ่อค้าชมซือหยูจากใจ
คนฉลาดย่อมนิยมชมชอบคนฉลาดความสามารถของซือหยูต้องตาเทพพ่อค้าไปเสียแล้ว
เทพกระบี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน
“ขอแค่เทพขนนกมาช่วยเราในศึกคราวที่แล้วผลลัพธ์คงจะแตกต่างกันมากนัก” มีเพียงเทพเจิ้งที่ก้มหน้ากำหมัดแน่นนางพูดด้วยอารมณ์ร้อน
“ไอ้แมลงอาซันนั่น!ถ้าข้าไม่ระงับตัวเองเอาไว้ มันคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วในตอนที่มองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น!”
เหล่าเทพที่ได้ยินเสียงบ่นของนางยิ้มมองกัน
ทุกคนสังเกตเห็นแววตาของอาซันที่มองนางไม่แปลกถ้าเทพเจิ้งจะโกรธแค้น
แต่การแสดงของเทพเจิ้งนั้นก็น่าชมเชยนางสวมบทบาทเป็นสตรีรวยเสน่ห์ได้อย่างไร้ที่ติ
แม้แต่เทพบางคนก็แอบตกหลุมรักนางได้เมื่อคิดว่าเทพเจิ้งน่าดึงดูดใจได้ขนาดนี้
ถ้าหากพวกเขายังคิดเช่นนี้ได้คนอย่างอาซันก็ย่อมคิดได้เช่นกัน
เจิ้งหยวนชิงหน้าแดงระเรื่อมันเป็นเรื่องท้าทายสำหรับแม่นางมากจนนางยังละอาย
“ฮ่าๆๆเอาเถอะ เข้ามาที่นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ต่อไปคือการฆ่าเจ้าสองเทพนั่น นี่คือเรื่องสำคัญที่สุด…”
ซือหยูพูด
“มีเรื่องยากอยู่สองเรื่องในการจับตัวมัน!อย่างแรกคือเราต้องหาตำแหน่งของมันให้เจอ อย่างที่สองคือการรับมือกับเทพที่ช่วยเหลือพวกมัน”
เทพตำรากับเทพรากษสจะต้องกำลังซ่อนตัวอยู่ณ ตอนนี้โดยบงการสถานการณ์อย่างลับ ๆ ในการที่จะค้นหา การอาศัยเพียงหน่วยข่าวกรองนั้นไม่เพียงพอ
หากใครก็ตามถูกพบก่อนการต่อสู้ย่อมเกิดขึ้น สงครามระหว่างเทพจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดบนโลกแน่นอน โลกหนึ่งใบอาจแหลกสลายได้
ที่แย่กว่านั้นก็คือโลกเสี้ยววิญญาณนั้นมีโลกเพียงเก้าใบและโลกทุกใบแทบจะเชื่อมติดกัน
เทพที่ได้ข่าวจะเข้ามาหาพวกเขาได้ในไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ถึงตอนนั้นพวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายที่ถูกปิดล้อมเสียเอง
ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอย่าว่าแต่การสังหารทรราชย์ทั้งสองเลย แต่พวกเขาจะพ่ายแพ้หมดท่าและถูกฝังอยู่่ในโลกเสี้ยววิญญาณแห่งนี้
“ในเรื่องแรกข้ามีเส้นสายที่น่าจะพอใช้การได้”
เทพพ่อค้ากล่าว
“ข้าเดินทางท่องจักรวาลมานานข้าพอจะได้ติดต่อกับพ่อค้าคนอื่นอยู่บ้าง”
“ข้ารู้จักพ่อค้าในโลกเสี้ยววิญญาณถ้าเราให้พ่อค้าที่ข้ารู้จักแอบสืบเรื่องให้เรา บางทีเราอาจจะได้เบาะแสเรื่องสองคนนั้น”
แต่ถึงอย่างนั้นแม้แต่ตัวเทพพ่อค้าเองก็ไม่มั่นใจนักว่าวิธีนี้จะได้ผล
เหุตผลง่ายนิดเดียวนั่นก็เพราะพวกเขาเสียเปรียบจนเกินไป และแผนนี้อาจจะทำให้พวกเขาถึงตายได้
การลูบคมกับคนในโลกเสี้ยววิญญาณหมายความว่าพวกเขาจะถูกเผยตัวได้ตลอดเวลา
เพราะไม่มีใครบนโลกนี้เลยที่เชื่อใจได้
“ส่วนเรื่องที่สองเราต้องล่อให้พวกมันออกมาจากโลกเสี้ยววิญญาณก่อนจะจัดการมัน เราไม่มีทางเลือกอื่น”
เทพเจิ้งกล่าว