The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 323
ไร้หัวใจ ไม่รู้สำนึก
จางซือยี่โกรธจนตัวแทบจะระเบิด เขากัดฟันจนเกิดเสียงบดดังลั่น
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย! ส่งธนูมังกรฟ้าดินมา!”
“ฮ่าๆๆๆ….”
ซือหยูเยาะเย้ย
“เจ้าเลิกเป็นวีรบุรุษแล้วเปลี่ยนมาเป็นโจรชั่วได้เร็วนักนะ เจ้ามาขวางพวกข้าเพื่อจะปล้นรึ?”
“บุตรทั้งสี่ของหอสดับหิมะเป็นขยะเช่นนี้หรอกรึ?”
จางซือยี่โกรธแค้นและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“หยินหยู! เจ้ามันอวดดีนัก!!”
เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและปล่อยพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งออกมาจนเกิดเป็นคลื่นสะเทือน เส้นผมสีเงินของซือหยูร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง
แต่ไม่ว่าเขาจะโกรธเพียงใจ ซือหยูก็ไม่ขยับกายแม้แต่น้อย เขายังคงมองอย่างดูถูก
“เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งเพราะเจ้าทำได้แค่ตะโกนเสียงดังรึ? การชิงของของข้าขึ้นอยู่กับพลังของเจ้า…ไม่ใช่ปากเจ้า!!”
จางซือยี่โกรธอย่างเต็มที่
“เจ้าเป็นคนบังคับข้าเองนะ!”
แต่ในตอนนั้นเอง ที่ขอบนภาเต็มไปด้วยจุดดำ….มีหลายคนกำลังบินเข้ามา!
เพียงแค่มองครั้งเดียวก็เห็นราวยี่สิบคน!
และทั้งหมดยังเป็นยอดฝีมือในขอบเขตอำมฤต
คนที่อ่อนแอที่สุดมีพลังอำมฤตระดับสอง!
และหัวหน้าก็ยังเป็นอำมฤตระดับสาม!
หนึ่งในนั้นมีหนึ่งคนที่สวมชุดที่เต็มไปด้วยคราบโลหิต ใบหน้าเต็มไปด้วยความชิงชัง จะเป็นใครไปได้นอกจากตู่หมิงฮั่ว?
ซือหยูหันไปมอง เขาเริ่มคิดหนัก
เมื่อเขามองเห็นตู่หมิงฮั่ว เขาก็ถอนหายใจ
“จริงๆด้วย ถ้าจะกำจัดปัญหา ข้าก็ต้องทำลายต้นตอของปัญหา!”
ตู่หลงที่ยืนข้างๆทั้งละอายใจและกระวนกระวาย
ซือหยูนั้นไว้ชีวิตตู่หมิงฮั่ว แต่เขาก็เห็นผิดเป็นชอบ เขารวมกลุ่มคนเข้ามาไล่ล่าซือหยูกับกลุ่มคน!
ปั้ง ปั้ง—
ทั้งยี่สิบคนพุ่งเข้ามา
หัวหน้าเป็นชายร่างสูงใหญ่ เขาสวมเกราะเหล็ก เขามีหนวดยาวและใบหน้าดุร้าย
ตู่หลงเคร่งเครียด
“เจ้าตำหนักหยินหยูโปรดระวังตัวด้วย เขาคือเตี้ยฉี ทหารลำดับสองแห่งเมืองอันยี่! เขามีพลังมหาศาลและยังมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย เขาอันตรายมาก! แล้วเขาก็ยังบ่มเพาะคนของตัวเองที่พร้อมจะสละชีวิตได้ทุกเมื่อ แม้พวกเขาจะมีไม่มาก แต่ทุกคนก็เป็นอำมฤตระดับสอง ทุกคนที่ได้ยินเรื่องของทหารเหล่านี้ล้วนตกใจกลัว!”
ซือหยูพยักหน้าเบาๆ นอกจากเตี้ยฉีแล้วยังมียอดฝีมืออำมฤตระดับสามอีกสองคน
ถ้าซือหยูได้สู้กับคนคนเดียวก็มีโอกาสเก้าในสิบส่วนที่เขาจะชนะ
แต่ยากนักที่เขาจะต้องรับมือกับเตี้ยฉีและจางซือยี่พร้อมกัน
ที่ยากยิ่งกว่าก็คือยังมีทหารเมืองที่เป็นอำมฤตระดับสองอีกสิบเก้าคน ดวงตาพวงเขาดุจดั่งตาพยัคฆ์ที่มองเหยื่อ
ถ้าซือหยูต้องสู้กับสองคน เขาจะไม่มีเวลาจัดการกับคนที่เหลือ
บางทีตู่หลงอาจจะป้องกันตัวเองได้ แต่ฉีหยุนเซี่ยงกับฮั่วฉีหลานนั้นอยู่ในขอบเขตมังกร ต่อหน้าขอบเขตอำมฤตเช่นนี้ พวกนางไม่มีสิทธิ์จะได้โต้ตอบเลย
พวกนางจะถูกจับเป็นหรือจับตายกัน? สถานการณ์กำลังย่ำแย่
แผนเดียวที่มีคือต้องหนีเท่านั้น
“ล้อมพวกมัน ปิดทางหนีให้หมด!”
เตี้ยฉีบินเข้ามาและสั่งการทันที
ทหารอีกสิบเก้าคนที่มากประสบการณ์ล้อมซือหยูอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ทางหนีก็หายไปงั้นรึ? ซือหยูใจหาย
ตู่หลงกระวนกระวาย
“ผู้จัดงานประมูลตู่ เจ้าตำหนักหยินหยูไว้ชีวิตเจ้าไปครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมเจ้ายังป่าเถื่อนเช่นนี้อีก?”
ตู่หมิงฮั่วมองตู่หลง
“ฮื่ม! มันกล้าฆ่าข้าเรอะ? มันก็แค่หยุดตัวเองก็เพราะเกียรติของตระกูลข้า! มันไม่กล้าพอจะฆ่าข้าหรอก!”
ทุกคนเห็นเหมือนกันว่าชีวิตของตู่หมิงฮั่วถูกช่วยเอาไว้เพราะการคุกเข่าของตู่หลง
แต่ในตอนนี้ เขากลับเกลียดชังและปฏิเสธที่จะยอมรับในบุญคุณ!
แววตาตู่หลงเต็มไปด้วยความผิดหวังไร้สิ้นสุด
“ผู้จัดงานประมูลตู่ เห็นแก่ข้า โปรดปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ!”
ตู่หมิงฮั่วแววตาเฉียบคมดุร้าย เขาถอนหายใจแรง
“เจ้าบอกว่าเจ้าคือตู่หลงงั้นรึ? นายน้อยที่หนีจากบ้านเกิดไปผู้นั้นน่ะรึ? เขาหายตัวไปนานแล้ว เจ้าอ้างตัวเองเป็นเขามาที่เมืองอันยี่ แม้ข้าจะจำเจ้าไม่ได้ เจ้าก็ยังมีหน้ามาขอร้องความเมตตาแทนศัตรูอีกรึ?”
คำพูดของเขาทำให้จิตใจของตู่หลงเย็นเฉียบ
ตู่หลงรู้แล้วว่าตระกูลของเขาไม่ได้หวังให้เขากลับมา!
แต่แม้ตู่หมิงฮั่วจะรู้ว่าเขาคือตู่หลง เขาก็จงใจถามตู่หลงเช่นนั้น นี่ทำให้ทุกคนไม่พอใจอย่างมาก
และชีวิตของตู่หมิงฮั่วก็ยังคงอยู่ได้เพราะตู่หลงที่คุกเข่าร้องขอโดยไม่สนใจศักดิ์ศรีของตัวเอง
“ตู่หลง….”
ซือหยูทำมือให้เขาเลิกอ้อนวอน
“สำหรับคนที่ไร้หัวใจไม่รู้สำนึกเช่นนี้ เขาไร้จิตสำนึกไปนานแล้ว การอ้อนวอนของเจ้าไม่ต่างกับการเหยียบย่ำตัวเองอย่างไร้เหตุผลเลย”
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรื่องนี้ต้องสะสางด้วยกำลัง!”
ตู่หลงโทษตัวเอง
“เป็นเพราะความใจอ่อนของข้า ข้าทำให้ท่านต้องมาลำบาก!”
แม้เขาจะช่วยชีวิตตู่หมิงฮั่วเอาไว้ เขาก็ทำให้พวกซือหยูต้องมาเจอกับความสิ้นหวังเช่นนี้!
ฉีหยุนเซี่ยงกระวนกระวาย แม้ซือหยูจะแข็งแกร่ง เขาก็มิอาจสู้กับศัตรูมากมายเช่นนี้ได้ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีทางที่จะดีได้เลย
ส่วนฮั่วฉีหลานนั้น นางกำลังหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ ศิษย์น้องตัวน้อยเอ๋ย เจ้าสร้างปัญหาให้ศิษย์พี่เก่งเหลือเกินนะ!”
ฮั่วฉีหลานมองรอบๆพร้อมกับพูดออกมาอย่างน่าตกใจ
“ข้าจะทิ้งพวกอำมฤตระดับสองให้เจ้าจัดการ ส่วนพวกระดับสามข้าจะจัดการให้เจ้าเอง”
เอ๋? ซือหยูตกใจมาก
ฮั่วฉีหลานมีฐานพลังมังกรระดับเจ็ดขั้นสูง แม้กระนั้นนางก็ยังบอกว่านางจะจัดการอำมฤตระดับสามได้สองคนพร้อมๆกันงั้นรึ?
เมื่อซือหยูคิดถึงการที่เจ้าตำหนักหลิงนับถือนางอย่างสูง เขาก็มีความสงสัยอยู่บ้าง
ว่ากันว่าฮั่วฉีหลานคือเด็กสาวมหัศจรรย์แห่งพันธมิตรร้อยดินแดน ในเรื่องนี้เอง หยูโหรวก็บอกว่านางนั้นด้อยกว่าฮั่วฉีหลาน
จากนั้นฮั่วฉีหลานก็เข้าร่วมกับอาณาจักรทมิฬและถูกบ่มเพาะโดยเจ้าตำหนักหลิงอย่างดี เขาพานางไปไหนมาไหนอยู่ตลอด
ที่แปลกที่สุดก็คือเจ้าตำหนักหลิงพูดออกมาว่าซือหยูคือคู่แข่งของฮั่วฉีหลาน ในด้านของการเติบโต
ปั้ง—
ขณะที่ซือหยูกำลังครุ่นคิด ร่างของฮั่วฉีหลานก็เปล่งแสงออกมา
ซือหยูเคยเห็นวิชานี้มาก่อน
ตอนที่ผู้ตรวจการไป่ฮีโจมตีพวกเขา เขาโจมตีใส่ร่างที่เป็นแสงของนาง จากนั้นเหล่าแสงก็ได้รวมตัวกันเป็นร่างของนางอีกครั้ง มันแปลกและน่าตกใจมาก
“วิชาเงากระจ่าง!”
ฮั่วฉีหลานพูดเบาๆ
ทั้งร่างของนางเปล่งแสงราวกับแสงตะวันอันเจิดจรัส ยากที่จะมองนางได้ตรงๆ
ตู่หมิงฮั่วสีหน้าหม่นหมอง
“นั่นมัน…กายาแสงที่ร่ำลือ!!”
“วิชาที่จะทำให้ฐานพลังเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อดูดซับแสงตะวันน่ะรึ? และจะใช้สร้างร่างที่สองได้! ทั้งสองร่างบ่มเพาะร่วมกันน่ะรึ?”
หลังจากที่ได้ยิน ซือหยูตกตะลึง!
มีเรื่องแบบนี้อยู่บนโลกได้ยังไงกัน!
ปั้ง—
ภาพประหลาดปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงตะวันไร้ขอบเขตที่หายไป
ฮั่วฉีหลานยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเคย แต่เงาอันเปล่งประกายปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนาง
ร่างเงาทั้งร่างเปล่งแสงขาวกระจ่างราวกับเป็นสสารที่เกิดจากแสง เมื่อมองดูรูปลักษณ์ มันไม่ต่างกับฮั่วฉีหลานเลย!
นั่นคือร่างแสงที่สอง!
และที่น่าตกตะลึงก็คือหลังจากที่นางปล่อยร่างที่สองออกมา ฐานพลังของนางก็เพิ่มขึ้น!
นางได้ทะลวงพลังจากมังกรระดับเจ็ดเป็นอำมฤตระดับสามขั้นต้นในคราเดียว!
ตู่หมิงฮั่วอ้าปากค้าง
“ตอนที่กายาแสงผนึกตัวเองไว้ในร่าง มันจะผนึกฐานพลังเอาไว้ด้วย!”
พูดอีกอย่างก็คือ ฐานพลังที่แท้จริงของฮั่วฉีหลานคืออำมฤตระดับสาม!
ในตอนนี้ นางได้ปลดปล่อยร่างที่สองออกมา ทำให้ฐานพลังที่แท้จริงปรากฏขึ้น!
ในพริบตา ข้างซือหยูก็มียอดฝีมือขอบเขตอำมฤตระดับสามเพิ่มอีกสองคน!
และซือหยูเองก็สังหารอำมฤตระดับสองขั้นสูงได้ พวกเขาไม่เหลือภัยอันตรายอีกแล้ว!
ฮั่วฉีหลานผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ซือหยูโล่งใจขึ้นมาก เขาหัวเราะ
“ศิษย์พี่ ข้าจะปล่อยทหารสิบเก้าคนไว้ให้และฝากศิษย์พี่ปกป้องตู่หลงกับฉีหยุนเซี่ยงด้วย ส่วนพวกระดับสาม…ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า!”
ซือหยูพูดออกมา
คงจะเกินมือไปหน่อยหากเขาจะต้องรับมือกับทั้งสิบเก้าคนและปกป้องฉีหยุนเซี่ยงกับตัวเองไปพร้อมๆกัน
ส่วนฮั่วฉีหลานนั้นนางปล่อยให้อีกร่างปกป้องฉีหยุนเซี่ยง ส่วนอีกร่างนั้นจะใช้สังหารเหล่าทหารทั้งสิบเก้าได้
ฮั่วฉีหลานทั้งสองร่างหันมองซือหยูพร้อมกันด้วยความตกใจ
“เจ้ารับมือกับอำมฤตระดับสามได้รึ?”
“ถึงระดับปัญญาที่สำเร็จวิชาอำมฤตระดับหนึ่งขั้นสูงของเจ้าจะน่ายกย่อง แต่อำมฤตระดับสามกับระดับสองนั้นต่างกันราวฟ้าดิน”
ซือหยูหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ
“เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่ซ่อนพลังเอาไว้หรอกน่า!”
ฮั่วฉีหลานแววตาเปลี่ยนไปมาก
“เจ้ายังมีอะไรซ่อนไว้อีกรึ?”