The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 398
เพี๊ยะ–
ซือหยูตบน้ำเต้าทมิฬให้เปิดออก กลิ่นหอมเข้าสู่โจมพวกเขา
เจ้าเมืองอันยี่ชักสี่หน้า
“ไม่นะ…! นั่นมันวารีสวรรค์!”
ฮั่นเจียงหลินตัวสั่น เขาตอบสนองเร็วเสียยิ่งกว่าเจ้าเมืองอันยี่ เขาหันหนีทันที วารีสวรรค์นั้นคือยาพิษที่สังหารได้แม้กระทั่งผู้คุมสวรรค์ ใครกันที่จะหยุดมันได้?
“เจ้าอยากจะฆ่าพวกข้าจริงๆเรอะ?”
ทั้งสองที่กำลังหนีตะโกนด้วยความโกรธ
ซือหยูดีดวารีสวรรค์สองหยดที่สีครามใสราวกับเม็ดหยก วารีสวรรค์ได้พุ่งไล่ล่าทั้งสองที่กำลังหนี
ในยามวิกฤติ ทั้งสองหยิบสมบัติเทพระดับกลางออกมา
ซ่า—
สมบัติเทพระดับกลางสองชิ้นเริ่มถูกกัดกร่อน สมบัติเทพถูกทำลายในทันที! ถ้าหากสมบัติเทพยังเป็นได้เช่นนั้น มนุษย์จะไม่กลายเป็นเถ้าถ่านในทันทีหรอกรึ?
และที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือเมื่อผ่านสมบัติเทพ วารีสวรรค์ยังคงไม่หยุด วารีสวรรค์ที่หลงเหลือยังคงพุ่งเข้าไปหาทั้งสอง
อ๊าก—-
ทั้งสองกรีดร้องพร้อมกัน ร่างของพวกเขาเริ่มเปื่อยยุ่ยในความเร็วสูง! โดยเฉพาะฮั่นเจียงหลิน กระดูกขาวโผล่ออกมาทันทีที่สัมผัส ร่างของเขากลายเป็นเถ้าถ่าน
ผั่วะ–
ใบหน้าแดงซีดซัดเข้าใส่ฮั่นเจียงหลิน เสียงกรีดร้องของเขาหายไป เขาล้มทั้งยืน
แก่นพลังซัดใส่ซือหยูราวกับแม่น้ำ ซือหยูดูดซับฐานพลังของผู้คุมสวรรค์ทั้งหมด ฐานพลังอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงกำลังเข้าใกล้ระดับห้า…อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์!
ซือหยูตกตะลึง เขายินดีเป็นอย่างมาก เขากำลังจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์อย่างง่ายดายเช่นนี้รึ?
พลังปีศาจได้พุ่งเข้าใส่เจ้าเมืองอันยี่ เจ้าเมืองอันยี่ขัดขืนอย่างไร้ประโยชน์ เขาตะโกนด้วยความแค้น
“อ๊ากก! ข้าจะไม่มีวันอภัยให้เจ้า แม้ข้าจะเป็นผี…”
อั่ก–
ร่างของเขากลายเป็นเถ้าถ่านเสียก่อนที่จะพูดจบ ขี้เถ้ากระจายไปทั่วโดยรอบ ซือหยูรู้สึกถึงพลังอันน่าตกใจที่เข้ามาในร่าง เขารู้สึกราวกับกำลังจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์
แต่ซือหยูก็ถูกฉีกกระชากจากความคิดนั้น แก่นพลังที่หลั่งไหลเข้ามาหายไปอย่างรวดเร็ว ฐานพลังนั้นมีขีดจำกัด เขามิอาจเข้าสู่ขอบเขตผู้คุมสวรรค์ได้
เขาไม่สำเร็จอำมฤตระดับห้าแม้จะดูดซับฐานพลังของผู้คุมสวรรค์ไปสองคนงั้นรึ? ความต่างระหว่างระดับสี่และห้านั้นมากเพียงใดกัน?
ยี่เหยาหน้าซีด ท้องไส้ของเขาปั่นป่วน สองผู้คุมสวรรค์ตายไปทั้งอย่างนั้น! ยี่เหยาตะโกนร้องสู่นภา
“จักรพรรดิสัตว์อสูรอยู่ไหนกันหมด? มาปกป้องข้าเร็ว!”
โฮก—
สองเสียงดังมาจากจักรพรรดิสัตว์อสูรทั้งสองตัว มันพุ่งทะลวงลงมาด้วยความเร็วสูง พลังนั้นเทียบเท่ากับผู้คุมสวรรค์ที่ใช้พลังสูงสุด!
ซือหยูจะจัดการโดยไร้วารีสวรรค์ได้อย่างไร?
แต่ในตอนนั้น พลังปีศาจได้กลายเป็นใบหน้าภูติผี มันคายแก่นโลหิตออกมา มันคือแก่นโลหิตของเจ้าเมืองอันยี่ ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของหยดหมื่นพล
ฟึ่บ–
ซือหยูสะบัดมืออีกพร้อมกับธนูใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมา ศรวิญญาณปกคลุมไปด้วยม่านโลหิต
“หา? สมบัติเทพระดับกลางที่เป็นธนูรึ? ตระกูลกุยมีสมบัติเทพแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ซือหยูใจเย็น เขาเค้นโลหิตตัวเองกับหยดหมื่นพลลงไปในธนู โลหิตจากเจ้าของเดิมถูกขับออกมา หยดโลหิตของซือหยูซึมลงไปในศรวิญญาณ มันถูกชำระขึ้นอีกหนึ่งในสิบส่วน
ซือหยูชำระธนูมังกรฟ้าดินไปแล้วสองในสิบส่วน ในที่สุดเขาก็ใช้พลังหนึ่งในห้าของมันได้แล้ว!
เอี๊ยด—
เอาง้างคันศรด้วยทั้งสองมือ เขาดึงสายธนูได้ยาวหกนิ้ว เพิ่มจากเดิมเป็นสองเท่า!
ศรวิญญาณสีครามถูกก่อตัว พลังอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่ว
“สมบัติเทพแข็งแกร่งนัก…”
ยี่เหยาตัวสั่น
“พลังของศรนั่นไม่ต่างกับผู้คุมสวรรค์!”
ฟึ่บ ฟึ่บ–
ศรวิญญาณสองดอกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง เสียงสั่นสะเทือนลั่นท้องนภาก่อนก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูร จักรพรรดิสัตว์อสูรทั้งสองมิอาจป้องกันตัวและร่างฉีกเป็นสองท่อนเพราะศรวิญญาณ!
เหล่าคนที่มาร่วมงานมองดูจากระยะหลายลี้ เพียงไม่นานเขาก็สังหารผู้คุมสวรรค์ไปสี่ชีวิต มันดูเป็นไปไม่ได้ ผู้คุมสวรรค์นั้นหายากในทวีป แต่พวกเขากลับถูกสังหารราวกับผักปลา
คนรอบๆใจเต้นแรงเมื่อมองซือหยู พวกเขาตกตะลึง ตระกูลกุยนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเขาคิด
พลังปีศาจครองนภากลืนกินจักรพรรดิสัตว์อสูร ซือหยูรู้สึกได้ถึงการทะลวงพลังอีกครั้ง
แต่มันก็ยังคงไม่พอ แม้ว่าจะดูดซับจักรพรรดิสัตว์อสูรทั้งสองไป มันก็ยังไม่พอ!
แก่นพลังทั้งสองเริ่มหายไปจากร่างซือหยู เขารู้สึกสับสน เขารีบกลืนกินผู้คุมสวรรค์สี่ชีวิต แต่เขาก็ยังมิอาจทะลวงอำมฤตระดับห้า!
หลงเฟยหยูยืนมือไพล่หลัง เขามองอย่างเหยียดหยาม ดูเหมือนเขาจะรู้ความคิดของซือหยู
“ถ้าเจ้าสำเร็จขั้นผู้คุมสวรรค์ได้เป็นแบบนั้น อำมฤตระดับห้าในโลกใบนี้ก็ไม่ต่างกับคนไร้ค่า”
เหล่าผู้อาวุโสจากสี่ตระกูลรู้ดี
“ความยากในการทะลวงพลังอำมฤตระดับห้านั้นไม่ต่ำไปกว่าความพยายามตลอดชีวิตในการบ่มเพาะพลังของเจ้า…”
หลงเฟยหยูพูดต่อ
“มันคือความยากสูงสุดของเหล่านักสู้ มันต้องสั่งสมพลังมาหลายร้อยปีก่อนที่จะสำเร็จพลัง และนั่นสำหรับคนที่มีคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่”
ซือหยูสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อได้ยิน ถ้าเป็นเรื่องจริง ความยากของการเป็นผู้คุมสวรรค์ก็เกินมนุษย์ไปแล้ว!
ซือหยูละสายตาจากหลงเฟยหยูและกลับมาเหลือบมองยี่เหยา
ฟึ่บ–
ยี่เหยาบินหนีอย่างไม่ลังเล
แสงทมิฬฉาบรางซือหยู ทุกอย่างบนโต๊ะไม่ว่าจะเป็นเศษตำราระดับตำนาน ปีกแห่งตระกูลหวัง สมบัติเทพระดับสูงของตระกูลหลี่และเหรียญมังกรก้นบึ้งของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์…ทุกสิ่งหายไปจากสายตาอันโลภโมโทสันของคนโดยรอบ
ซือหยูหลับตาก้าวไปทางยี่เหยา
หลงเฟยหยูละสายตาจากสมบัติและมองตามซือหยู เหล่าผู้อาวุโสจากสี่ตระกูลมองตามไปเช่นกัน
“ลุงหลี่ ช่วยข้าด้วย!”
ยี่เหยาร้องและบินไปยังประตูศิลาด้านหลัง เขากรีดร้องด้วยความกลัว
ครืน–
ประดูศิลาเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดเทาก้าวออกมา
“มีเรื่องอะไรกัน?”
เขาปล่อยพลังมหาศาลออกมา เขาเป็นผู้คุมสวรรค์ สายตาเขาเฉียบคมในทันทีที่เห็นเถ้าถ่านดำสนิท
“ลุงหลี่! เป็นฝีมือตระกูลกุย!”
ยี่เหยาพูดด้วยความกลัว
“ตระกูลกุยอยากจะทำลายทวีปนี้ จักรพรรดิสัตว์อสูรสองตัว ฮั่นเจียงหลิน เจ้าเมืองอันยี่ ทุกคนถูกฆ่าตายหมดแล้ว! ช่วยข้าเร็ว!”
“ฝีมือใครกัน?”
“ข้าไงล่ะ!”
เสียงตอบสั้นๆดังขึ้น
เส้นผมโลหิตของซือหยูสยายออก เขาเดินเข้ามาพร้อมกับธนูโลหิตในมือ
“ชายตาบอดน่ะรึ?”
ชายในชุดเทาตำหนิ แต่มิได้ตำหนิซือหยู เขากำลังพูดถึงความไร้ค่าของพันธมิตรที่มิอาจทำอะไรกับชายตาบอดได้
“เข้ามาสังหารในดินแดนตระกูลยี่ของข้า อภัยให้ไม่ได้!”
เอี๊ยด–
เขาเพียงได้พูด ในตอนนั้นศรวิญญาณทะลวงกลางหน้าผากของเขา จากนั้นพลังปีศาจก็เข้าดูดกลืนฐานพลัง
“เจ้าเป็นคนที่ห้า”
ซือหยูประกาศ