The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 681
681 – แผนการของอาณาจักรทมิฬ
แค่ก
หวูอู๋ยี่กระอักเลือดออกมาอีกนางเผยใบหน้าเจ็บปวดออกมาเมื่อถึงตอนนี้ นางเดินกลับไปที่เมืองด้วยสภาพบาดเจ็บสาหัส
เมื่อนางไปถึงข่าวก็แพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ข้ารับใช้ที่เจ้าพันธมิตรซือยอมรับได้จู่โจมหวูอู๋ยี่ก่อนจะหลบหนี! นั่นก็เพราะเขาทำลายผนึกได้ในตอนที่ทะลวงพลังขั้นถัดไป!
ข่าวนี้ทำให้ความยินดีของคนในเมืองที่พวกเขารู้สึกมาก่อนหน้านี้หายไปทุกคนรู้สึกชิงชังเป็นอย่างยิ่งในหัวใจ
“เจ้าพันธมิตรซือปฏิบัติกับวู่เหิงอย่างเป็นธรรม!ท่านไม่เคยแตะต้องวู่เหิงแม้สักครั้งแม้เขาจะมาจากต่างโลก! ท่านยังให้ม้าเมฆาเพื่อให้วู่เหิงได้ทะลวงพลังขั้นถัดไป แต่สุดท้ายมันก็ทรยศ…มันยังทำให้ภูติของเขาบาดเจ็บอีก!”
“เราควรจะรู้ได้แล้วว่าคนที่ไม่ได้มาจากเฉินหลงมิน้ำใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ยังไงมันก็เป็นพวกต่างโลก เราไม่น่าไปเชื่อใจมัน!”
“ถ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ปกครองทวีปในวันใดวันหนึ่งวันนั้นข้าจะต้องฆ่ามันด้วยตัวเอง!”
…
ในห้องของซือหยู
“นายน้อยข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว…”
หวูอู๋ยี่พูด
ซือหยูลืมตาช้าๆเขาไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็นมากกว่าครึ่งเดือน เขาซูบผอมลงไปในระยะเวลานี้ เส้นผมสีเงินที่ตระการตาดูหม่นแสงลงไป
เขาดูเหนื่อยล้าเส้นโลหิตในดวงตาดูช้ำเป็นรอยแดง
“มานั่งข้างหน้าข้าสิ…”
ซือหยูพูดด้วยเสียงแหบ
หวูอู๋ยี่ไม่กล้าขัดคำสั่งนางนั่งอยู่ด้านหน้าซือหยูด้วยใจเต้นแรง
ไม่นานฝ่ามืออบอุ่นก็วางลงบนแผ่นหลังของนางอย่างอ่อนโยนหวูอู๋ยี่ตัวสั่นและหน้าแดง นางพยายามจะผละตัวออกจากซือหยู
แต่ก่อนที่นางจะได้ผละตัวคลื่นพลังชีวิตอันอบอุ่นได้เข้ามาที่ร่างของนางไปถึงบาดแผลที่ท้อง มันเข้าฟื้นฟูจุดชีพจรที่เสียหาย
“ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก…”
ซือหยูพูดด้วยเสียงแหบพร่า
หวูอู๋ยี่ตัวแข็งทื่อนางเห็นว่าซือหยูอ่อนล้าอยู่แล้ว แต่เขาก็เต็มใจที่จะให้พลังชีวิตรักษานาง นางสงสัย…
ข้าคู่ควรแล้วงั้นรึ?อย่างไรข้าเป็นแค่ข้ารับใช้ต้อยต่ำ…
นางรู้สึกเหมือนมีบางอย่างสั่นอยู่ในใจนางรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างหลุดออกมา!
“ข้าขอทำเองดีกว่า…”
หวูอู๋ยี่โน้มตัวมาข้างหน้าเบาๆและปรับท่านั่งนางนั่งที่ด้านหลังซือหยูและฟื้นฟูตัวเอง
ซือหยูผละมือออกและหลับตาอีกครั้งเขาบ่มเพาะต่อไปโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว
ในเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามบ่มเพาะฝ่ามือนิรนามอย่างหนัก หลังจากพยายามหลายต่อหลายครั้ง เขาเกือบใช้พลังชีวิตทั้งหมดของตัวเองไป
แต่เขาก็ยังบ่มเพาะไม่สำเร็จบางครั้งเขาคิดว่าเขาได้รู้ถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่พอผ่านไป เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้อะไรเลย
“ถ้าจิงหยูอยู่ที่นี่นะ…”
ซือหยูถอนหายใจเบาๆ
ถ้าเขาได้รับระดับปัญญาเหนือมนุษย์ของจิงหยูเขาอาจจะบ่มเพาะได้ดีขึ้น แต่เขาก็หลับตาพร้อมกับปล่อยความคิดนี้ไป
ในหมู่เมฆาหมื่นลี้ไกลออกไป
“จ้าวสามกองทัพพร้อมแล้ว เราได้กลุ่มกึ่งภูติสามร้อยคนกับกลุ่มกึ่งเทพอีกหมื่นคนตามคำสั่งของท่าน”
ในเมฆามีกระโจมหนึ่งที่ส่องแสงลอยอยู่กลางอากาศ
ด้านในกระโจมชายหนุ่มหน้าซีดกำลังดื่มสุราอยู่อย่างสบายใจ
“อืมบอกพวกทหารให้ซ่อนตัวและไม่ต้องทำอะไร”
จ้าวสามยิ้มตลอดเวลาที่พูด
“น้อมรับบัญชา”
ขุนพลตรงหน้าเขาโค้งคำนับและจากไป
“ซือหยูขอดูหน่อยว่าคนประหลาดอย่างเจ้าจะไปได้ซักกี่น้ำ…”
จ้าวสามพูดเบาๆและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
เมื่อสงครามครั้งใหญ่กำลังจะมาถึงทวีปค่อยๆคลอไปด้วยพลังอันป่าเถื่อน ข่าวเรื่องทัพใหญ่ของห้าศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำลายได้ทั้งทวีปได้กระจ่ายไปยังทั่วทุกมุมในเฉินหลง
ในหัวใจของทุกคนสิ้นหวังและหวาดกลัวเมื่อได้ข่าวราวกับพวกเขาเห็นแล้วว่าทวีปเฉินหลงจะถูกยึดครองโดยสมบูรณ์
คนที่ไม่มีที่ซ่อนจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานีทั้งทวีปจะอาบไปด้วยเลือด
แม้กระนั้นพวกเขาก็ยังมีพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่แข็งแกร่งอยู่ในทวีปเหนือ แม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะไม่ได้ในครั้งนี้ แต่หลายคนก็หวังให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง
พลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันอย่างมากมีกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงเพียงไม่กี่คนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ขณะที่ทัพศัตรูมีอยู่หลายพันคน! ยิ่งไปกว่านั้นทัพศัตรูยังนำด้วยห้าศักดิ์สิทธิ์จากต่างโลก
นี่เป็นการต่อสู้ที่พวกเขาจะได้เห็นการล่มสลายของทวีปถ้าอาณาจักรทมิฬไม่มาช่วย ทวีปเฉินหลงจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
เวลาผ่านไปช้าๆท่ามกลางบรรยากาศอันหนักอึ้งหนึ่งวันผ่านไป สองวัน สามวัน
…
จากนั้นเองวันหนึ่ง ทวีปเฉินหลงเริ่มสั่นสะเทือนราวกับแผนดินไหว ดูเหมือนทั้งเฉินหลงจะสั่นไหวไปหมด
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างสัมผัสได้ถึงเรื่องประหลาดยังมีพลังแปลกๆเจือปนอยู่ในอากาศ มันทั้งเหนียวหนืดและขื่นขม ทั้งสองอย่างปะปนอยู่กับพลังวิญญาณในอากาศที่แยกออกจากกันไม่ได้
ผืนหญ้าและต้นไม้ได้กลายเป็นสีดำเมื่อพลังแปลกๆซึมเข้าไปเหล่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆอย่างมดหรือแมลงต่างนอนตายอยู่บนพื้น พลังแปลกที่มาถึงทวีปอย่างไร้ซุ่มเสียงทำให้ทั้งทวีปสั่นคลอน
ที่อาณาจักรทมิฬ
ที่ยอดเขาเก้าระดับชายชุดดำอยู่บนปลายเมฆา ตอนนั้นเขามองท้องนภา ดวงตาของเขาดูเหมือนกับมีสุริยันจันทราอยู่ภายใน เขามองทะลวงม่านท้องฟ้าออกไป
“ในที่สุดก็มาแล้วสินะข้ารอมานานเหลือเกิน!”
ชายชุดดำพูดเสียงของเขาเป็นดั่งสายฟ้าที่คำรามก้องนภา
ในตำหนักเจ็ดจ้าวมิติทั้งเจ็ดเปิดออกมาแล้ว ชายแก่หกคนสวมผ้าคลุมดำสนิท พวกเขายืนอย่างนับถือเมื่อได้ยินเสียงสายฟ้านั้น
“ท่านราชาแห่งความมืดเองก็พร้อมแล้ว”
หัวหน้ากลุ่มคือชายที่แก่กว่าเขาดูคล้ายกับจ้าวหอวารีสวรรค์ เขาดูมั่นใจอย่างมาก
“เราจะเดินทางเดี๋ยวนี้ซือหยูคงรับมือพวกมันได้ไม่นาน”
ชายแก่อีกคนพูดเบาๆ
“หากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ถูกทำลายเราก็ยังมีทัพใหญ่ของจ้าวสามอยู่ เขาจะยื้อเวลาได้บ้าง…”
ชายแก่เครายาวพูดด้วยความเวทนา
ทั้งหกคนเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นจ้าวหนึ่งที่เป็นผู้นำได้พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“สันติสุขและความอยู่รอดของทวีปเฉินหลงอยู่ในมือพวกเรา!เราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อผนึกก้นบึ้งมังกรเก้านรก เราจะต้องตัดการเชื่อมต่อของเฉินหลงกับโลกอื่นซะ การเสียสละของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์และทัพจ้าวสามจะไม่สูญเปล่า!”
จ้างสองพยักหน้า
“อาณาจักรทมิฬทนการดูหมิ่นมามากพอแล้วตอนที่เรารอโอกาสนี้เราจะปิดผนึกก้นบึ้งมังกรในตอนที่ห้าศักดิ์สิทธิ์กับกองทัพไม่อยู่ เราจะต้องทำให้สำเร็จ!”
เขาพูดเรื่องจริงที่อาณาจักรทมิฬไม่เคลื่อนไหวเลยก็เพราะพวกเขากำลังรอโอกาสทองที่จะลงมือ
พวกเขาตอนนี้ใช้ซือหยูเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ศัตรูออกมาขณะที่พวกเขาจะไปปิดผนึกก้นบึ้งมังกรเพื่อจบสงครามทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ!
ในสายตาพวกเขาซือหยูถูกลิขิตให้ตายจากความล้มเหลว ทัพใหญ่ของทหารหมื่นคนก็ต้องเสียสละเพื่อให้พวกเขามีเวลาทำแผนการมากขึ้น
ทางเดียวที่จะกู้คืนความสูญเสียของพวกเขาได้ก็คือการปิดผนึกก้นบึ้งมังกรเก้านรกไปตลอดกาล!