The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 699
699 – นามแห่งจักรพรรดิโลหิต
แสงที่รอยแยกมิติเริ่มที่จะสงบลงมันถึงส่วนสุดท้ายของการขยายดตัวแล้ว ถ้าซือหยูถอยไปตอนนี้ สิ่งที่รอคอยเฉินหลงก็คือการมาของจ้าวเทวะ พอถึงตอนนั้นก็จะไม่มีโอกาสให้หลบหนีอีกแล้ว
“เจ้าหนูเจ้าทำได้เกินกว่าที่ข้าคิดไปมาก ปล่อยที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”
เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น
ผู้เฒ่าจิวรึ?ซือหยูเลิกคิ้ว ผู้เฒ่าจิวทิ้งคำพูดไว้เบื้องหลังโดยบอกว่าเขาจะมาที่ก้นบึงมังกร แต่ซือหยูก็ยังไม่ได้พบเขา นั่นทำให้ซือหยูสับสนมาจนถึงตอนนี้
“แล้วก็…เจ้าไม่อยากจะเห็นฝ่ามือเทพดับสวรรค์อีกครั้งรึ?ดูให้ดีล่ะ”
เมื่อพูดจบจันทรากระจ่างได้ปรากฏอีกครั้งในพื้นที่อันมืดมิด
แรงจันทร์ตระการตาสะท้อนในดวงตาของเขาแสงนี้สว่างจนยากที่จะมอง มันไม่ต่างจากดวงตะวันร้อนแรง ทั้งก้นบึ้งมังกรสว่างไสวเพราะมัน
แสงสว่างแผ่ออกจาก้นบึ้งมังกรไปถึงสวรรค์ถ้าหากมองก้นบึ้งมังกรจากที่ห่างไกลจะพบว่ามีลำแสงขนาดยักษ์พุ่งออกมา
“ฝ่ามือจันทราของจริง…”
ซือหยูตกตะลึง
จันทราอัดแน่นราวกับภูเขาตัวผู้เฒ่าจิวนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก ดูเหมือนกับว่าเขาได้อัญเชิญดวงจันทร์ของจริงลงมาที่นี่!
มีความต่างมหาศาลระหว่างฝ่ามือจันทราของเขากับซือหยูและห้าศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูที่ยังคงตกใจรู้สึกถึงประกายแสงมากมายในจิตใจเขารีบนั่งลงเพื่อเรียนรู้มัน
“ฝ่ามือจันทราแบบสมบูรณ์เรอะ?เจ้าเป็นใคร?”
สามศักดิ์สิทธิ์ทั้งตกใจและอ้าปากค้าง
ร่างของผู้เฒ่าจิวณ ตอนนี้อยู่ในจันทรากระจ่าง เสียงของเขาดูเหมือนมาจากดินแดนอันห่างไกล
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มาดูเถอะว่าสมบัติช่วยชีวิตที่ตำหนักให้เจ้ามาจะมีอยู่เท่าใด”
เขาตะโกนเบาๆจันทร์กระจ่างพุ่งออกไปละลายทุกสิ่ง
แกร๊ก!
เสียงบางอย่างแตกจากกระเป๋าของสามศักดิ์สิทธิ์มีสร้อยหยกอีกเส้นที่แตก
โลหิตไหลออกมาจากมุมปากของเขาสามศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัวและตกใจมาก เขาหยิบเอาสร้อยหยกที่แตกออกมาจากกระเป๋า
“สร้อยหยกฟูหลวนสร้อยหยกที่ใช้ฟื้นฟูพลังชีวิต”
หลังจากจันทรากระจ่างสลายผู้เฒ่าจิวยืนมือไพล่หลังพูดเยาะเย้ย
“ราชาเขตกลางช่างใจกว้างจริงๆ”
สามศักดิ์สิทธิ์มิอาจซ่อนความตกใจไว้ได้
“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านเป็นใครกันแน่?เหตุใดท่านถึงเชี่ยวชาญวิชาสูงสุดขององครักษ์แสงกระจ่างนัก?”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะเบาๆและมองซือหยูที่กำลังเก็บเกี่ยววิชา
“ทุกสิ่งล้วนพ้นผ่านเป็นอดีตเจ้าพร้อมจะรับกระบวนท่าจากข้าหรือยัง?”
เมื่อพูดจบผู้เฒ่าจิวยื่นมือออกไปอีกครั้ง เขารวบรวมดวงตะวันไว้ในมือ
สามศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัวอยางมาก
“กระบวนท่าที่สอง…ฝ่ามือสุริยา”
แกร๊ก!
สิ่งรอบข้างสามศักดิ์สิทธิ์ถูกบดขยี้ไปเขาต้องรีบถอยขณะที่กระอักเลือด กำไลหยกที่สวมไว้บนข้อมือแตกไปอย่างเงียบๆ
“ของช่วยชีวิตอีกชิ้นรึ?หึหึ เจ้าคงจะใช้ไปเยอะแล้วสินะ”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะและก้าวไปข้างหน้าด้วยมือไพล่หลัง
สามศักดิ์สิทธิ์หน้าซีดราวกับกระดาษ
“ท่านผู้อาวุโสโปรดรอเดี๋ยว ข้….”
ผู้เฒ่าจิวยื่นมือทั้งสองโดยไม่สนใจสิ่งใดเขารวบรวมจันทราในมือซ้ายและสุริยาที่มือขวา
“กระบวนท่าสุดท้ายฝ่ามือเทพแสงกระต่าง มีคนเดียวในสามองครักษ์เทพที่บ่มเพาะมันได้สำเร็จ”
สามศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงอีกครั้งเขาแทบจะเป็นบ้า
เขาถาม
“ท่านเป็นใครกันแน่?”
เขาได้รับคำตอบเพียงแสงตะวันจันทราเสียงแตกดังอีกครั้ง บางอย่างของสามศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไป เขายังบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะหมดสติ
“หืม?พวกนั้นให้สมบัติช่วยชีวิตเจ้ามาสี่ชิ้นเลยรึ? ราชาเขตกลางยอมจ่ายเยอะเพื่อกำจัดจักรพรรดิจิวโจวจริงๆ…”
ผู้เฒ่าจิวยิ้มเยาะ
เมื่อเห็นว่าสามศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้ไม่ได้อีกเขาบินไปที่ข้างซือหยู ซือหยูเพิ่งจะลืมตาขึ้นมา แววตาเขาเต็มไปด้วยความยินดีในสิ่งที่เพิ่งจะเรียนรู้ แต่เขาก็ยังมีคำถามอีกมากมาย
“ในหนทางการบ่มเพาะพลังเมื่อเจ้าแก้ไขปัญหาได้ เจ้าก็จะพบสิ่งซ่อนไว้อยู่อีก การเดินในหนทางนั้นก็คือหนทางเดียวของพวกเรา”
ผู้เฒ่าจิวพูดอย่างลึกซึ้งเขาดูเหมือนยอดฝีมือไร้เทียมทานในขณะนี้
ซือหยูที่เพิ่งได้สติเห็นด้วยกับคำพูดของเขาเขามองผู้เฒ่าจิวด้วยความนับถือ เขานับถือผู้เฒ่าจิวเพราะเคยช่วยเหลือเขามาก่อน และก็เพราะผู้เฒ่าจิวได้ส่งผ่านวิชาระดับภูติให้กับเขา
“ข้าทำสามกระบวนท่าให้เจ้าดูแล้วจะเข้าใจมันเท่าใดก็อยู่ที่ตัวเจ้า”
ผู้เฒ่าจิวมองซือหยูขณะที่พูด
ซือหยูพยักหน้า
“ท่านผู้เฒ่าขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ชี้แนะ ข้าจะจดจำไว้ตลอดกาล”
ผู้เฒ่าจิวส่ายหน้าและยื่นมือไปยังรอยแยกมิติเขาคว้าพลังแห่งความตายเอาไว้
“รีบจัดการรอยแยกมิติก่อนเถอะมันต้องใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันกว่าจะขยายตัวเต็มที่ พอถึงตอนนี้จ้าวเทวะจะผ่านมาได้ แล้วพลังแห่งความตายของโลกเฉินหลงเองก็ลดลงมากแล้ว”
ซือหยูตัวสั่นเมื่อได้ฟัง
“เจ้ารออยู่ที่นี่ได้ข้าจะไปปิดมันเอง รอยแยกจะแตกสลายหลังจากขาดพลัง และจากนี้ไป เส้นทางระหว่างเฉินหลงกับจิวโ๗วก็จะถูกปิดกั้น”
ผู้เฒ่าจิวรวบรวมพลังในฝ่ามือและอัดลงในรอยแยกมิติอย่างช้าๆ
ซือหยูถอนหายใจยาวหลังจากที่ผ่านความยากลำบากมามากมาย พวกเขาก็จะทำสำเร็จแล้ว แต่จู่ๆซือหยูก็ตัวสั่นราวกับได้เห็นแววตาที่น่ากลัวมองผ่าน
ผู้เฒ่าจิวชักสีหน้าเขากระเด็นกลับมาอย่างประหลาดและกระอักเลือด ราวกับว่าเขาถูกบางสิ่งจู่โจมจนบาดเจ็บสาหัส!
ขณะที่กระเด็นกลับผู้เฒ่าจิวจ้องมองรอยแยกมิติด้วยความตกตะลึง
“จักรพรรดิโลหิตเจ้าจะมาที่โลกนี้เรอะ?”
“จิวหยวนโจวเจ้าคือหนึ่งในสามองครักษ์เทพที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามานานมากนัก ดูเหมือนพลังเจ้าจะลดลงไปมาก เจ้าไม่ได้อะไรจากการทรยศสินะ”
มีเสียงถอนหายใจดังตามมาจากในรอยแยก
ซือหยูสั่นไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงนั้นหม้อเก้ามังกรในวิญญาณสั่นเบาๆ เพียงแค่การมองของศัตรูก็ทำให้ซือหยูตัวสั่นเทิ้ม แม้แต่เสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไปด้วย
และแค่การเหลือบมองครั้งเดียวก็ทำให้ผู้เฒ่าจิวบาดเจ็บสาหัส…
ศัตรูผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน?
หลังจากที่หลุดจากภวังค์ซือหยูบินไปที่ข้างผู้เฒ่าจิว
“ผู้เฒ่าจิวท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผู้เฒ่าจิวปัดมือและพยายามจะยืนขึ้นเขาจ้องมองรอยแยกมิติ
“มันคือจักรพรรดิโลหิต”
จักรพรรดิโลหิตรึ?ซือหยูตกตะลึงเมื่อได้ยินนามนี้อีกครั้ง หนึ่งในคำสั่งเสียของเทียนจี่จื้อคือการที่เขาต้องล้างแค้นกับจักรพรรดิโลหิต
นี่คือคนเดียวกับคนที่ฆ่าเทียนจี่จื้อ!ตามที่เทียนจี่จื้อบอก จักรพรรดิโลหิตมีพลังไปถึงขั้นอสูรเนรมิตรแล้ว
“เขามาถึงที่นี่รึยัง?”
ซือหยูมองรอยแยกมิติด้วยความแตกตื่น
ผู้เฒ่าจิวส่ายหน้า
“ยังหรอกเขายังอยู่ในเส้นทางระหว่างโลกทั้งสอง แต่แค่การมองของเขาก็มากพอที่จะทำให้เจ้าเป็นเถ้าถ่านแล้ว”
แม้ว่าเขาจะอยู่ในรอยต่อระหว่างโลกเขาก็ยังมีพลังมากถึงเพียงนั้น…
ถ้าเขามาที่นี่จริงๆก็คงไม่มีใครในเฉินหลงที่จะรอดไปได้สินะ?