The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 992 - หุ่นเชิดระเบิด
ความตกตะลึงถาโถมไปที่ลู่จือยี่
“หุ่นเชิดสีเงินนี่มาจากไหนกัน?มันมีพลังเท่าพี่ไทซู!”
กู้ไทซูคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยไม่มีใครมีพลังเทียบเท่าเขาได้ แต่หุ่นเชิดตรงหน้าพวกเขาสามารถต่อสู้กันได้หลายกระบวนท่าโดยอยู่ในความเสียเปรียบ มันมหัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่เคยมีใครเคยรับกู้ไทซูเกินสิบกระบวนท่าได้มาก่อน
ซือหยูมองดูการต่อสู้เงียบๆ เขาต้องระแวงในพลังของกู้ไทซูมากกว่าเดิมอีกเยอะ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เขาเหมือนกับอสูรเนรมิตรขั้นสอง แต่ซือหยูก็บอกได้ว่านี่ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเขา
“ถึงเวลาจบเรื่องนี้แล้ว”
กู้ไทซูถอนมือกลับช้าๆ และพูดอย่างไร้อารมณ์เมื่อผ่านกระบวนท่าที่เก้า มือของวาดลวดลายประหลาดราวกับกำลังเตรียมท่าที่แข็งแกร่งที่สุด แสงสีม่วงค่อย ๆ เปล่งประกายจากอกราวกับว่ามีหยกล้ำค่าสีม่วงฝังอยู่ภายใน
แสงสีม่วงเปล่งประกายตระการตามากขึ้นเรื่อยๆ จนห่มท้องนภา ฟ้าดินปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงนี้ หากมองจากภายนอกจะเห็นว่าพื้นที่ลับเมฆาม่วงได้กลายเป็นดินแดนสีม่วง
ม่อเทียนฉวนตกใจและสับสนนางมองมันด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย นางจ้องมองบุรุษเมฆาม่วง
“อัจฉริยะฎีกาสวรรค์อะไรกันเขากำลังจะข้ามระดับพิสุทธิ์ไปถึงภาวะแปลงฟ้า! นานมาแล้ว มีเซียนแค่ไม่กี่คนที่มาถึงขั้นแปลงฟ้าได้ กู้ไทซูเป็นอัจฉริยะของจริง”
นางประทับใจในสิ่งที่ได้เห็นอย่างมากสีหน้าของนางดูซับซ้อน
ว่ากันว่าฎีกาสวรรค์แปลงฟ้าคือเงื่อนไขต่ำสุดที่เซียนจะก้าวเข้าสู่ประตูแห่งเทพตั้งแต่โบราณกาล มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ครอบครองฎีกาสวรรค์ในระดับนี้ หนึ่งในนั้นคือเซียนมณี ผู้ที่อาวุโสสุดและแข็งแกร่งสุดของพวกเขา นางบรรลุฎีกาสวรรค์แปลงฟ้าแต่ก็ล้มเหลวในวิถีการเป็นเทพ นางสิ้นชีวิตลงในโลกมนุษย์ ถ้าหากนางผ่านวิถีเทพมาได้ คนที่ยังเป็นไม่เซียนก็ย่อมทำอะไรนางไม่ได้เลย
กู้ไทซูสำเร็จเงื่อนไขแปลงฟ้าด้วยอายุยังน้อยไม่ยากที่เขาจะก้าวเข้าสู่สภาวะแปลงฟ้าในอนาคต เขามีพรสวรรค์และความสามารถที่จะได้เป็นเทพ! ม่อเทียนฉวนที่เป็นคนรุ่นก่อนจะพอใจได้อย่างไร?
บุรุษเมฆาม่วงยิ้ม
“เจ้าชมเกินไปแล้วยังถือว่าสำเร็จไม่ได้จนกว่าเขาจะเข้าสู่ภาวะแปลงฟ้าของจริง”
ความริษยาและความสิ้นหวังเล็กๆ ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มของเขา
หลังจากใจเย็นลงม่อเทียนฉวนกล่าว
“แดนลับของเจ้าแตกสลายแล้วจบงานชุมนุมเฟิงหยุนซะเถอะ” บุรุษเมฆาม่วงส่ายหน้าเบาๆ
“เราอาจจะต้องรอจนการต่อสู้จบลงข้าไม่รู้ว่าเจ้าคุ้นหุ่นเชิดสีเงินนี้หรือไม่?”
ม่อเทียนฉวนหรี่ตา
“ใช่มันดูคุ้นกับข้า! ถ้าจำไม่ผิด มันปรากฏตัวในสงครามเมื่อร้อยปีก่อน จากนั้นมันก็ระเบิดจากสมบัติภูติของเทียนจี่จื้อแล้วถูกพาไปที่กระโจมเทพสวรรค์ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเจอมันอีก”
บุรุษเมฆาม่วงพยักหน้า
“ใช่แล้ว!ถึงมันจะดูไม่เหมือนกัน แต่วัตถุดิบของพวกมันเหมือนกัน”
“พวกเราอาจต้องรอไทซูอาจจะทำให้มันใช้พลังออกมามากขึ้น พวกเราจะได้ข้อมูลมากขึ้น”
บุรุษเมฆาม่วงกล่าว
ม่อเทียนฉวนพยักหน้าเบาๆ และมองดูการต่อสู้อย่างใกล้ชิด
แดนลับที่กลายเป็นโลกสีม่วงทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับได้ก้าวเข้าไปในอีกมิติหนึ่งกู้ไทซูที่เป็นต้นกำเนิดแสงสีม่วงเหมือนกับเป็นเจ้าของของโลกแห่งนี้ เขาคือตัวแทนแห่งสวรรค์ที่เหนือกว่ากฎเกณฑ์ของโลก
ทุกคนเกิดความรู้สึกแบบเดียวกันขึ้นพร้อมกัน
หุ่นเชิดชักสีหน้ามันเสียงสั่นด้วยความตกใจกลัว
“ฎีกาสวรรค์แปลงฟ้าเรอะ?เป็นไปไม่ได้! เจ้าอายุยังน้อย เจ้าบรรลุฎีกาสวรรค์ระดับนี้ได้ยังไง?”
ฎีกาสวรรค์แปลงฟ้ารึ?ซือหยูใจเต้นแรงเมื่อมองรอบ ๆ มันคือฎีกาสวรรค์นี้หรือ?
ฎีกาสวรรค์ของกู้ไทซูเป็นตัวแทนจากสวรรค์เบื้องบนเขาได้กลายเป็นผู้ปกครองของพื้นที่เล็ก ๆ นี้ไปแล้ว
แล้วฎีกาสวรรค์ระดับใดกันถึงจะเรียกได้ว่าขั้นแปลงฟ้า?
ใบหน้ากู้ไทซูดูสงบเขาเหมือนกับองค์เทพ
“หยุด!”
เขาพูดคำเดียวเบาๆ หุ่นเชิดยักษ์ถูกพลังวิเศษทำให้หยุดนิ่ง มันไม่เหมือนกับพลังของอสูรเนรมิตร แต่เป็นคำสั่งอันเป็นที่สูงสุด
หุ่นเชิดยักษ์ขยับไม่ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้ามันขยับตัวไม่ได้ แม้แต่พูดยังทำไม่ได้
กู้ไทซูพูดอีกคำ
“เพลิง!” novel-lucky
เพลิงร้อนแรงปะทุออกมาจากร่างหุ่นเชิดยักษ์เพลิงนี้รุนแรงจนร่างของมันอ่อนลงในทันที หยดของเหลวสีเงินไหลออกมาจากร่างของมัน ราวกับว่าหุ่นเชิดยักษ์จะถูกทำลายไปจากเพลิง
ทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสะพรึงกลัวโลกสีม่วงนี้คือโลกที่ปกครองโดยกู้ไทซู เขาไม่ต่างจากเทพ ณ ที่นี่ เพียงความคิดเดียวของเขาก็หยุดศัตรูได้ ความคิดเดียวอีกครั้งสามารถอัญเชิญไฟร้อนแรงออกมาจากความว่างเปล่าเพื่อทำลายล้างศัตรูได้ วิธีกำจัดศัตรูเช่นนี้ดูสดใหม่และน่ากลัว
ซือหยูรู้สึกกดดันภายใต้โลกสีม่วงดูเหมือนว่าเมื่อฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์พัฒนาถึงขั้นสูงสุด มันจะแสดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้ ไม่แปลกที่ผู้บ่มเพาะฎีกาสวรรค์จะเป็นที่น่าหวาดกลัวต่อใครหลายคน ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ของซือหยูนั้นยังลึกล้ำไม่พอ
เมื่อหุ่นเชิดสีเงินกำลังจะถูกทำลายด้วยน้ำมือกู้ไทซูสิ่งหนึ่งได้พุ่งออกมาจากด้านในหุ่นเชิด ราวกับว่ามีคนใช้สมบัติมิติ
ฟึ่บ!
พลังมิติแล่นผ่านในเสี้ยววินาทีดวงตาขนาดใหญ่ของหุ่นเชิดหม่นสีลง
กู้ไทซูขนลุกในตอนนั้น เพลิงในผิวร่างของหุ่นเชิดหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีอยู่
“มันหนีไปรึ?”
กู้ไทซูถามอย่างเย็นชาสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นชัดว่ามีคนกำลังควบคุมหุ่นเชิดจากภายใน ไม่ว่าคนนี้จะเป็นใคร เขาจะต้องใช้วิชาที่ทำให้หุ่นเชิดหนี และเมื่อภายในของหุ่นเชิดว่างเปล่าก็ไม่มีใครควบคุมมันได้อีก หุ่นเชิดจึงหยุดเคลื่อนไหว
ในตอนนั้นเองหุ่นเชิดสีหยุดเคลื่อนไหวเปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา มันเปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีน้ำเงินอย่างรวดเร็วและแปลกประหลาด
เอี๊ยด!
เอี๊ยด!
เสียงแสบแก้วหูของโลหะเสียดสีดังมาจากภายในหุ่นเชิดหุ่นเชิดยืนขึ้นมาเองทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครควบคุมอยู่ มันก้มลงมองลำตัวและส่งเสียงร้องโหยหวนจากปาก แสงสีน้ำเงินในตัวมันชัดเจนขึ้น ด้านในร่างของมันเกิดพลังอันตรายมหาศาล มันคือพลังอสูรเนรมิตรอันไร้ขอบเขต พลังของมันขยายตัวอย่างน่าตกใจ!
“มันกำลังจะระเบิดตัวเอง!” ลู่จือยี่อุทานนางเชี่ยวชาญการตีอุปกรณ์ในระดับที่ดีและเข้าใจเรื่องหุ่นเชิดมาบ้าง นางจึงรับรู้ได้
กู้ไทซูชักสีหน้าเขารีบตะโกน
“หยุด!”
ร่างหุ่นเชิดหยุดนิ่งแต่พลังอสูรเนรมิตรที่ขยายตัวไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เพราะฎีกาสวรรค์ของเขามิอาจควบคุมพลังที่มากเกินไปได้
ในด้านนอกบุรุษเมฆาม่วงกับม่อเทียนฉวนตัวแข็งทื่อเมื่อได้เห็น
“การระเบิดตัวเองของอสูรเนรมิตรขั้นสาม!ไม่นะ ต่อให้กู้ไทซูก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เราต้องไปช่วยพวกเขา!”
บุรุษเมฆาม่วงชักสีหน้า
พลังระเบิดของอสูรเนรมิตรขั้นสามนั้นมากพอที่จะทำให้ทั้งตำหนักเมฆาม่วงตกลงไปยังพื้นเบื้องล่างต่อให้เป็นกู้ไทซูก็ต้องสิ้นหวังกับพลังระดับนี้ แต่คนตำหนักเมฆาม่วงกำลังกระจัดกระจาย เขาจะช่วยทุกคนทันได้ยังไง? ม่อเทียนฉวนไม่พอใจ
“บังอาจคิดถึงขนาดนี้!”
ตั้งแต่หุ่นเชิดปรากฏตัวมันตั้งใจจะกำจัดผู้มีพรสวรรค์ในดินแดนพรสวรรค์ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ผลก็ไม่แปรเปลี่ยน
ด้านในแดนลับกู้ไทซูสัมผัสได้ถึงพลังอสูรเนรมิตรมหาศาลที่กำลังจะระเบิดออกมา
“กล้าดียังไง!”
เขากรีดร้องเขาบินออกไปและใช้พลังธาตุของเขามากมายเพื่อระเบิดร่างหุ่นเชิด แต่ในภาวะระเบิดตัวเอง หุ่นเชิดนั้นแกร่งยิ่งกว่าเดิมในตอนที่เป็นสีเงิน ถึงกู้ไทซูจะมีพลังมหาศาล หุ่นเชิดก็ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย
หลังจากพยายามหลายครีั้งกู้ไทซูเลิกล้มความคิดที่จะทำลายมัน เขากระโจนขึ้นฟ้าเพื่อที่จะหนีจากยอดเขาที่กำลังจะถูกทำลาย
“ยี่เอ๋อลี่เอ๋อ ไปกันเร็ว!”
เส้นทางสีม่วงเกิดขึ้นมันลบเอาแรงโน้มถ่วงออกไป เขาสามารถเคลื่อนที่พันลี้ได้ในก้าวเดียว เขาจะออกจากที่นี่ไปได้ในพริบตา
หลายคนพยายามตามเขาแต่ก็ไม่มีพลังพิเศษอย่างที่กู้ไทซูทำพวกเขาบินไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาจะหนีออกไปจากที่นี่ยังไง?
“ศิษย์พี่กู้พาข้าไปด้วย!”
ศิษย์ตำหนักเมฆาม่วงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัวแต่กู้ไทซูจะมีเวลาช่วยพวกเขาทีละคนหรือ?
การระเบิดตัวเองของหุ่นเชิดมาถึงขั้นสุดท้ายแล้วมันจะระเบิดในอีกแค่สิบลมหายใจ ทั้งตำหนักเมฆาม่วงจะหล่นไปสู่พื้น
กู้ไทซูไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะช่วยลู่จือยี่ให้ไม่เป็นอันตรายได้หรือไม่ไม่ต้องพูดถึงการช่วยคนอื่นเลย
เวลากำลังจะหมดลงแล้ว!
ลู่จือยี่ใบหน้าแสดงความสงสารและเสียใจนางเหลือบเห็นคนสวมหน้ากากสีเงินที่หางตาและรู้สึกเจ็บปวด เขาช่างเหมือนกับชายหนุ่มที่นางรู้จัก “พี่หยูเซี่ยนเราจะทำยังไงดี?”
หยดเหงื่อเย็นไหลออกจากหน้าผากกงซุนหวูซื่อนางแตะสร้อยหยกที่อกโดยไม่ทันรู้ตัว ถ้านางทำลายสร้อยหยกให้เป็นชิ้น ๆ ในตอนนี้ นางอาจจะมีโอกาสอัญเชิญร่างเงาของผู้เป็นพ่อมาได้ ด้วยพลังของเขา แรงระเบิดของหุ่นเชิดไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าหากนางทำลายสร้อยหยกไป ทุกการผจญภัยของนางจะต้องจบลงที่นี่
ฟึ่บ!
ตอนนั้นเองไป่ชานเหลียง ปิงหวูชิงแห่งตำหนักใน และคนอื่น ๆ ได้มาถึง พวกเขาตกใจกลัวเมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดกำลังจะระเบิด แม้แต่ปิงหวูชิงก็ไม่มีข้อยกเว้น
“อสูรเนรมิตรระดับสามระเบิดตัวเองรึ?”
ปิงหวูชิงใบหน้าเคร่งเครียด
เทียนหยูเองก็ตกใจดวงตานางมิอาจหยุดกระขยับ
ไป่ชานเหลียงตะโกน “ข้ายังใช้ชีวิตไม่พอนะ!”
ปิงหวูชิงเงยหน้ามองด้านนอกนางพูดเบา ๆ
“เจ้าตำหนักม่อจะมาช่วยพวกเราแต่นางมาได้เพียงครั้งเดียว ไม่รับรองว่านางจะหาพวกเราเจอก่อนระเบิดหรือไม่!”
ทุกคนใจหายพวกเขารอไม่ได้อีกแล้ว! ที่นี่ยังมีแรงโน้มถ่วงที่ทำให้พวกเขาหนีไปไหนไม่ได้อยู่
“ทางเดียวคือต้องทำลายหุ่นเชิดมันอาจจะหยุดระเบิดได้”
ดวงตางดงามของปิงหวูชิงมองไปยังหุ่นเชิดยักษ์ที่เปล่งแสง
กงซุนหวูซื่อหน้าซีด
“ไม่มีประโยชน์กู้ไทซูยังเลิกล้มความคิดที่จะทำลายมันแล้วหนีไป”
เขาน่ะรึ?แม้เทียนหยูที่หยาบคายหยิ่งยโสก็รู้สึกไม่ดี
แม้กู้ไทซูที่แข็งแกร่งที่สุดยังสิ้นหวังแล้วพวกนางจะทำอะไรได้กัน?
แต่ในตอนนั้นเองซือหยูที่เงียบมาจนถึงตอนนี้พูดพลางขมวดคิ้ว
“ถ้าไม่มีทางอื่นข้าก็อาจจะต้องลองดู”
เขามีหลากหลายวิธีในใจที่จะทำลายหุ่นเชิดได้แต่เขาไม่คิดจะเปิดเผยวิธีการเหล่านั้นกับใคร