the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 462 จู่โจมกะทันหัน
ควันไฟลอยล่องในป้อมปราการ ท้องฟ้ารัตติกาลดาราดาษ
กลายเป็นขมุกขมัว ราวเช่นในป้อมปราการเกิดมหันตภัย
จงเฉิงเหยียบเร่งรถออฟโรดหนีเอาตัวรอดผ่านท้องถนนอัน
ว่างเปล่า
จงเฉิงพยายามหลบประตูเงาแต่ก็ไม่สำ เร็จจนทั้งร่างมีแต่รอย
ดาบ ประตูเงานี้ราวกับเป็นวิญญาณตามติดค่อยไล่ล่าทรมานเขา
มาตลอดทาง
โชคดีที่ว่ามีกำลังเสริมกลุ่มหนึ่งโผล่มาขัดเริ่นเสี่ยวซู่ได้ชั่วครู่
จงเฉิงถึงพ้นนรกคมดาบไม่รู้จบนี้ไปได้
ไม่มีชาวป้อมปราการคนใดกล้าดูความวุ่นวายนี้ต่อแล้ว ต่าง
เข้าไปหลบในห้องน้ำกันหมด กลัวว่าจะโดนลูกหลงเข้าให้
มีคนสั่งการผ่านวิทยุแล้ว ทหารสมาคมตระกูลจงที่
กระจัดกระจายอยู่ทั่วป้อมปราการไหลหลั่งไปไปยังคฤหาสน์ของตระกูลหลัก
เบื้องบนของสมาคมตระกูลในคฤหาสน์หลังนั้นกำลังหวาดผวา
ได้แต่หวังกันว่าพวกทหารจะมาทัน!
เจิ้งย่วนตงก็มาถึงแล้วเช่นกัน เขาซ่อนตัวอยู่บนตึกสูง รอดูว่า
สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ท้องฟ้าไกลขมุกขมัวด้วยควันไฟ
ราวสื่อว่าอนาคตของสมาคมตระกูลจงตกอยู่ใต้กองเพลิงแล้ว
ถึงสงครามในแนวหน้าพวกเขาจะเริ่มมีเค้าลางความพ่ายแพ้
แต่ว่าพวกเขาก็ยังมีพื้นที่อิทธิพลกว้างใหญ่ไว้ดำเนินกลยุทธ์แนว
ป้องกันได้อีกครั้ง ป้อมปราการ 178 มีทหารน้อยเกินไป ถ้าพวกเขา
ยังเดินทัพไปยังใจกลางที่ป้อมปราการ 146 อยู่ล่ะก็ แนวรบก็คง
ยืดยาวเกินไปแล้ว
แต่เมื่อเด็กหนุ่มมาเยือนป้อมปราการ 146 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ที่จริงเจิ่งย่วนตงก็เดาออกแล้วว่าเริ่นเสี่ยวซู่มาที่นี่ทำไม เขาคิด
จะฆ่าบุคคลแกนหลักของสมาคมตระกูลจงให้หมดไม่ใช่เหรอ ใครๆ
ก็เดาออกทั้งนั้นแหละ!
แค่ตอนแรกเขาไม่เชื่อว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะทำได้จงเฉิงมองกระจกหลัง และเห็นว่าเกราะเหล็กที่ไล่ล่ามาเริ่มจะ
ช้าลงไปบ้างแล้ว จงเฉิงรู้เหตุผลทันทีเพราะเขาก็เคยใช้นาโนแมชชีน
มาก่อน พลังของพวกมันใกล้หมดแล้ว!
พอคำนวณเวลาดู ก็รู้ดีว่าต่อให้เริ่นเสี่ยวซู่ชาร์จพลังงานตอนที่
ไล่ล่าตนอยู่ก็คงไม่พอกับการรบหนักหน่วงอยู่ดี
คฤหาสน์อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว จงเฉิงเหยียบคันเร่งอีกครั้ง ทหาร
ที่อยู่ประตูคฤหาสน์เคลื่อนเครื่องกีดขวางออกให้เขาในพลัน
หลังจากจงเฉิงเข้าไปในขบวนป้องกันเรียบร้อย เหล่าปืนและอาวุธ
หนักเย็นเยียบทั้งหลายก็หันไปยังสุดปลายถนน
ถึงพ่อของจงเฉิงจะโมโหกับการกระทำของลูกตัวเอง แต่
หัวหน้าตระกูลจงผู้นี้ไม่อาจทนเห็นลูกชายตายไปต่อหน้าต่อตาได้
ตอนนี้บิดาของจงเฉิงอายุเจ็ดสิบเอ็ดปีแล้ว ทั้งจงเฉิงและจง
เซียงเกิดในช่วงที่เขาอายุมากแล้ว ทำให้เขาพวกเขาหวงลูกๆ มาก
หัวหน้าตระกูลจงเคยมีลูกชายมาก่อน แต่ก็เสียชีวิตไปด้วย
โรคมะเร็งปอดเรื่องนี้เป็นความลับในตระกูลจง สองปีหลังจากบุตรชายคนโต
ของสายหลักเสียชีวิตไป จู่ๆ ภรรยาเขาก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง ตอนแรก
คนตระกูลจงโกรธเกรี้ยวกันมาก คิดว่าภรรยาม่ายของบุตรคนโตนั้น
ทำลายเกียรติยศของตระกูล แต่ว่าหัวหน้าตระกูลจงก็ยังยืนกรานรับ
ภรรยาม่ายผู้เป็นลูกสะใภ้ตนเองมาเป็นอนุภรรยา
การรับอนุภรรยาในยุคนี้นับว่าเป็นการกระทำที่ล้าหลังนัก
แถมเป็นลูกสะใภ้ตัวเองยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
ตอนนั้นเองเหล่าเบื้องบนของสมาคมตระกูลจงถึงได้รู้ว่าอะไร
เป็นอะไร กลายเป็นว่าหัวหน้าตระกูลจงทำเรื่องผิดคุณธรรมเสียได้
ภรรยาม่ายจะตั้งครรภ์กับใครล่ะ แน่นอนเป็นหัวหน้าตระกูลจง!
แต่ว่าบ้านตระกูลจงสายหลักยังมีอำนาจมากในสมาคม ทุกคน
จึงเงียบไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขนาดจงเฉิงและจงเซียงเองก็ยัง
ไม่ทราบเรื่องนี้
ในตระกูลก็ยังมีข่าวลืมอยู่ว่าจงเฉิงและจงเซียงอาจจะไม่ใช่ลูก
แท้ๆ ของหัวหน้าตระกูลจง เพราะอย่างไรเขาก็ชรามากแล้วส่วนที่ว่าตัวหัวหน้าตระกูลได้ไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความ
เป็นบิดาหรือเปล่านั้น ก็ไม่มีใครทราบได้
จงเฉิงขับเข้าคฤหาสน์ไปแล้ว ตอนแรกหัวหน้าตระกูลคิด
จะลงโทษเขาให้หนัก แต่พอเห็นจงฉงมีเลือดมีรอยแผลทั่วกายก็
ไม่อาจหักใจได้อีก จึงเพียงเขาตบหน้าจงเฉิงไปที ซึ่งทำให้อาการ
หูอื้อหนักลงไปอีก
หัวหน้าตระกูลเก็บเพลิงโทสะลงไปก่อนจะว่า “ไปยืนด้านข้าง
หลังเรื่องคืนนี้จบแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
มีคนเห็นว่าจงเฉิงยังยืนอึ้งๆ อึนๆ อยู่ที่เดิมจึงเข้าไปดึงตัวเขา
หลบออกมา
มนุษย์เกราะเหล็กเลี้ยวเข้าตรงมุมปรากฏกายตรงหน้าทุกคน!
พริบตานั้นนอกคฤหาสน์ตระกูลจงก็มีห่ากระสุดสาดออกคิด
เป่าศัตรูที่ปลายถนนยาวให้กลายเป็นจุณ แต่ว่าชุดเกราะนั้นไม่ชะงัก
แม้เสี้ยววิ ทั้งยังเคลื่อนตัวไวขึ้นอีก
เจิ่งย่วนตงมองสถานการณ์ทุกอย่างจากตึกสูงที่อยู่ไกลๆ
ภายใต้ท้องฟ้ารัตติกาลนั้น ตำแหน่งที่มั่นของสมาคมตระกูลจงเป็นดั่ง
ภูเขาตั้งตระหง่าน พายุกระสุนพัดออก ส่วนมนุษย์เกราะเหล็กนั้น
เคลื่อนตัวไร้รูปแบบเข้าไปอย่างดุร้าย
เสียงเท้าเหล็กย่ำพื้นไม่จากจากการตีกลองรบที่ดังราวฟ้าลั่น!
“เจ้าเด็กนี่จะบุกต่อไปจริงดิ” เจิ้งย่วนตงพึมพำ “สมาคม
ตระกูลจงเรียกกำลังกลับมาได้ตั้งเยอะแล้วนะ เริ่นเสี่ยวซู่เองก็น่าจะ
ถูกขีดจำ กัดแล้วด้วย เขาคงไม่กลัวความตายอะไรขนาดนั้นมั้ง…”
แต่เพิ่งพูดจบไป มนุษย์เกราะเหล็กก็เร่งความเร็วขึ้นมาอีกครา
เกราะเหล็กหล้าเย็นเยียบ แต่ในท่ามกลางความเงียบงันนี้ ก็
ราวกับมันกำลังคำรามใส่สมาคมตระกูลด้วยความโกรธเกรี้ยว ขณะ
มันพุ่งทะยานมานั้น กระสุนลูกหลงยิงกระทบพื้นจนฝุ่นตีฟุ้งขึ้น
ประดับประดาราวเป็นธงรบอยู่ด้านหลังชุดเกราะ!
“ยอมละ” เจิ้งย่วนตงถอนหายใจ ก่อนยุคที่ผู้มีพลังพิเศษจะลุก
ผงาดนั้น เขาเป็นจารชนสมาคมตระกูลชิ่งที่เก่งกาจที่สุดวิธี
การลอบสังหารเรียบง่ายมีประสิทธิภาพอย่างถึงที่สุด ทตัวเขาเองก็
เป็นนักสู้ฝีมือฉกาจแม้แต่หลังจากยุคสมัยนี้เริ่มต้นขึ้น เจิ้งย่วนตงก็เชื่อว่าแม้แต่ผู้
มีพลังพิเศษเขาก็ฆ่าได้
แต่เรื่องคืนนี้ของเริ่นเสี่ยวซู่ทำให้เขาสมองตื้อตึงไปหมด จู่ๆ ก็
รู้สึกว่ายุคสมัยของตนมันจบไปแล้ว
“ไม่สิ ฉันไม่ยอมหรอกนะ!”
ในความเวิ้งว้างไร้ขอบเขต สายตาเจิ่งย่วนตงจับจ้องไปยัง
เกราะใหญ่ร่างนั้น ทันใดกลางใจเขาก็ระเบิดอำนาจแห่งการ
ไม่ยอมแพ้ขึ้นมาสายหนึ่ง มันราวกับเป็นเป็นภูเขาไฟปะทุ เป็นการยิง
ออกของปืนใหญ่ เป็นอำนาจทำลายล้างของพายุหมุน
ความทะเยอทะยานที่สะสมมาตั้งแต่เยาว์วัยระเบิดออก
พริบตาให้หลัง เจิ้งหยวนตงก็ตะลึงลานมองไปยังชุดเกราะนั้น
เขาเพิ่งปลุกพลังพิเศษตัวเองขึ้นมา?
นี่เป็นพลังที่เขาใฝ่หามานานแล้ว หลังจากเห็นการกำเนิดของ
ผู้มีพลังพิเศษมาหลายต่อหลายคน เจิ้งย่วนตงก็ยังไม่เคยปลุกพลัง
ขึ้นมาแต่ขณะที่เขากำลังจะยอมแพ้แล้วนั้น ภาพเด็กหนุ่มบน
สนามรบก็ทำให้เขาเกิดความไม่ยอมแพ้ขึ้นมาอย่างแรงกล้าขึ้นมา
นี่ทำให้เจิ่งหยวนตงตกตะลึงขึ้นมามากที่สุดแล้ว เขารู้ดีว่า
ถ้าตนไม่เห็นเกราะนั่นบุกฝ่าไปอย่างไร้ความกลัวเกรง อารมณ์เขาก็
คงไม่พลุ่งพล่านขึ้นมา
“ตอนนี้ฉันปลุกพลังขึ้นมาได้แล้ว หมายความว่าช่วยเขาได้
แล้วสินะ” เจิ้งย่วนตงพูดกับตัวเอง
แต่ก่อนที่เขาจะทันตัดสินอะไรได้ ก็เห็นว่าจู่ๆ มนุษย์เกราะ
เหล็กนั่นก็หันหัวหนีไปทั้งๆ ที่จวนถึงตำแหน่งของสมาคมตระกูล
จงอยู่แล้วเชียว
ทั้ง
เจิ้งย่วนตงและทหารสมาคมตระกูลจงต่างนิ่งงันกันไป ไฉน
ๆ จู่ๆ ก็หนีไปเฉยเลยล่ะ
บุกฝ่าไปอย่างไร้ความกลัวเกรงที่ว่านั่นหายไปไหนแล้ว
พวกจงเฉิงก็มองภาพนี้จากคฤหาสน์ด้วยความสับสนงุนงง
หัวหน้าตระกูลจงขมวดคิ้วมุ่น เขามองไปที่จงเฉิงแล้วถาม “มันเกิด
อะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ เขาก็หนีไป”จงเฉิงว่า “พูดดังๆ หน่อยครับ!”
หัวหน้าตระกูลจงความดันขึ้นมาพร้อมเกิดอยากจะตบจง
เฉิงอีกสักรอบ แต่เขายังไม่ทันได้ลงมือ ทหารบริการรอบๆ ก็กรีดร้อง
ขึ้นมา
หัวหน้าตระกูลจงหันไปมองรอบๆ และก็เห็นว่าเด็กหนุ่มที่มา
ฆ่าพวกตนนั้นโผล่มาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้!
ในมือมีดาบทมิฬ ท่วงท่าไร้เทียมทาน!