World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 100.1
ฮวาจูอวี้รู้สึกหมดหนทาง นางนั่งอยู่ในคุกใต้ดินที่มืดสนิทตามลำพัง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่จะไปที่แนวหน้าหรือตามเสี่ยวหยินกลับไปยังอาณาจักรเหนือ ในตอนสุดท้ายนางก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ฮุยเสวียบอกว่าเสี่ยวหยิน ไม่ได้ถูถพิษหรือถูกบังคับ ในเมื่อมันเป็นแบบนั้นนางก็ต้องจากไป ยิ่งนางอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ นางก็จะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เพียงแค่ว่านางไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
ในขณะนี้เสี่ยวหยินได้ดึงกองกำลังของเขากลับมาที่เมืองหยางกั่ว จากที่นางรู้หยางกั่วอาจจะถูกล้อมไปด้วยกองทัพของอาณาจักรใต้แล้วก็ได้ ถ้านางไปตอนนี้ก็ไม่มีที่อื่นนอกจากค่ายทหารของอาณาจักรใต้เท่านั้น นางไม่แน่ใจว่าการลงโทษแบบไหนจะรอนางอยู่ที่นั่น
เมื่อนางออกจากเมืองหลวง นางบอกจี่เฟิงหลี่ ว่านางไม่ใช่สายลับของอาณาจักรเหนือ นางยังได้สาบานว่าจะไม่ตามเสี่ยวหยินกลับไป ในที่สุดนางก็ต้องล้มเหลวที่จะรักษาคำพูดของนาง
นางมั่นใจว่าในความคิดของ จี่เฟิงหลี่ อย่างไม่ต้องสงสัย นางต้องเป็นสายลับของอาณาจักรเหนืออย่างแน่นอน ถ้านางกลับไป จี่เฟิงหลี่ ก็คงจะไม่ยอมปล่อยนางไป แต่ถ้านางไม่กลับไปก็จะเทียบเท่ากับการยอมรับว่านางเป็นสายลับ เรื่องนี้นางจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ฮวาจูอวี้ลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูห้องขัง ด้วยดาบขนาดเล็กของนางประตูก็เปิดออก ฮุยเสวียได้เปิดประตูทิ้งไว้โดยเจตนาและไม่มีทหารที่มาคอยลาดตระเวนในห้องโถง พวกเขาถูกส่งไปประจำที่ข้างนอก นางเดินออกจากห้องขังไปเงียบๆและเดินขึ้นบันไดช้า ๆ ตรงออกไปข้างหน้า
ด้านนอกคุกใต้ดินมีทหารไม่กี่คนนั่งอยู่ ฮวาจูอวี้ใช้กำลังภายในของนางขยับไปข้างหลังของพวกเขาอย่างรวดเร็วและสกัดจุดของพวกเขาเอาไว้ จากนั้นนางก็รีบถอดเครื่องแบบของชายคนหนึ่งและถอยกลับเข้าไปในมุมมืดของคุกใต้ดินเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่นางทำเสร็จแล้วนางก็เอาดาบของชายคนนั้นและจากไปอย่างรวดเร็ว
ที่อยู่ของเจ้าเมืองไม่ได้มีขนาดเล็กๆ คุกใต้ดินตั้งอยู่ที่สวนด้านหลัง ฮวาจูอวี้ต้องแอบอยู่ในเงามืดของต้นไม้และเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ เมื่อนางพบกลุ่มทหารลาดตระเวนที่ใกล้เข้ามานางก็รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคา
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านนำพาความเย็นมาด้วยเล็กน้อย มันเป็นช่วงดึกและท้องฟ้าด้านบนก็มืดสนิท แม้ว่าจะไม่มีดวงจันทร์แต่ก็ยังสามารถมองเห็นดวงดาวได้บ้าง ถ้าใครจะมองดีๆ ถ้าไม่มีสงครามใด ๆ เกิดขึ้นในคืนนี้ก็คงจะเป็นภาพที่สวยงามมาก
นางยังคงซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้ามาเป็นเวลานานและไม่กล้าเดินหน้าจนกว่าทหารลาดตระเวนทั้งหมดจะหายไป ในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับความคิดที่ว่าเสี่ยวหยิน ช่างระมัดระวังจริงๆ อาณาจักรเหนือได้เข้ายึดเมืองหยางกั่วและไม่มีใครอยู่ในเรือนของพวกเขา นอกจากกองกำลังของเขา แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงมีการรักษาความสงบเอาไว้อย่างหนาแน่น
มองไปข้างหน้า นางก็เริ่มมองเห็นว่ามีหลังคาเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่จะกำลังหลบหนีไป ทันใดนั้นก็มีเสียงต่ำดังขึ้น “เจ้าควรจะได้รับอากาศบริสุทธิ์เพียงพอแล้ว หลังจากอยู่ที่นั่นมานาน”
ร่างกายของฮวาจูอวี้ แข็งขึ้นและนางก็มองลงไป แล้วนางก็ได้ตระหนักว่านางได้หลบซ่อนตัวอยู่บนหลังคาของเรือนที่อยู่ภายในลานเล็ก ๆ และยืนอยู่ใต้ต้นไม้ในลานคือฮ่องเต้ของอาณาจักรเหนือ เสี่ยวหยิน เขายืนอยู่ที่นั่นในขณะที่มือไขว่หลัง แสงของโคมไฟกรองผ่านใบไม้และทำให้เห็นบางส่วนของใบหน้าของเขา ทำให้เขามีกลิ่นอายที่เย็นชาและมีท่าทางที่จริงจังมาก
เห็นเขา ฮวาจูอวี้ก็ต้องการที่จะแกล้งยิ้ม แต่นางก็ไม่มีพลังที่จะทำเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าแผนการของนางที่จะหลบหนีไปในคืนนี้คงจะล้มเหลวแล้ว “ลงมา เจ้าไม่สามารถหลบหนีไปได้ “อาภรณ์ของเสี่ยวหยินสะบัดอยู่ในสายลมในขณะที่เขาก้าวออกมาจากเงามืด
นางรู้ว่าตอนที่เสี่ยวหยินพบนางแล้ว นางจะไม่สามารถออกไปได้ ที่อยู่นอกจวนเป็นกองกำลังของเขา แม้ว่านางจะออกจากจวนไปได้สำเร็จ นางก็จะไม่สามารถออกจากเมืองหยางกั่วไปได้
หัวคิ้วของฮวาจูอวี้ ขมวดขึ้นและตัดสินใจที่จะกระโดดลงไป
“ฝ่าบาทช่างอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ!” ฮวาจูอวี้แสดงความคิดเห็นขณะที่นางยกมือขึ้นทำความเคารพ มันดึกขนาดนี้แต่เขาไม่อยู่บนเตียง แต่กลับยืนอยู่ใต้ต้นไม้โดยที่ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ นางไม่เชื่อว่าเขาจะยืนอยู่ที่นั่นเพื่อที่จะรอจับนางเท่านั้น
ริมฝีปากของเสี่ยวหยินยกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่จาง ๆ “ฮ่องเต้ผู้นี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีเท่ากับเจ้า มันดึกมากแล้วแต่เจ้าก็โฉบเฉี่ยวอยู่เหนือหลังคา ทิวทัศน์บทนั่นเป็นอย่างไรบาง? ”
” ดวงจันทร์ถูกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์อยู่หลังเมฆมืด ฝ่าบาทไม่คิดว่ามันงดงามหรือ? “ฮวาจูอวี้ถามขึ้นอย่างเย็นชา ไม่ว่าทิวทัศน์และบรรยากาศจะงดงามแค่ไหน สงครามก็จะทำลายทุกอย่างลง
เสี่ยวหยินไม่ได้โกรธในข้อเท็จจริงที่ว่าฮวาจูอวี้ หนีออกจากคุกใต้ดิน เขาชี้ไปที่โต๊ะหินและม้านั่ง ก่อนจะพูดขึ้น “นั่ง ฮ่องเต้ผู้แห่งนี้มีบางสิ่งที่จะถามเจ้า”เสียงของเขาหนาวจัดโดยไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นอยู่แม้แต่น้อย
ฮวาจูอวี้มองเขาและค่อยๆเดินไปนั่งที่ม้านั่งหิน
“คนที่ให้สร้อยคอเส้นนี้กับเจ้าคือน้องสาวของฮ่องเต้ผู้นี้” เสี่ยวหยินค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเมื่อมองไปที่นาง
“ใช่” ฮวาจูอวี้พยักหน้าและพูดขึ้น “กระหม่อมเดาว่า สร้อยคอเส้นนี้เป็นของที่พี่ที่ชายของนางทิ้งไว้ให้นาง “
“ทำไมนางถึงตาย?” เสี่ยวหยิน ยกเสื้อคลุมของเขาขึ้นและนั่งลงที่ม้านั่งหินในขณะที่หันหน้าไปทางนาง
หัวใจของฮวาจูอวี้เจ็บปวดเกิดขึ้นทันที นางรู้ว่าเขามีคำถามมากมายเกี่ยวกับจินเซ่อ พวกเขาแยกจากกันตั้งแต่วัยเด็ก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้นางมีหน้าตาแบบไหน
“นางงดงามมาก นางมีคิ้วเรียวยาว เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ นางมีดวงตาที่สดใสและชาญฉลาด นางไม่ค่อยยิ้มเพราะอาจเป็นเพราะอดีตอันไม่พึงประสงค์ของนาง นางมีวัยเด็กที่ยากลำบากและต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก แม้แต่จะเป็นเช่นนั้นนางก็มีจิตใจดีและซื่อสัตย์ สำหรับข้าแล้วนางถึงกับ … “เสียงของฮวาจูอวี้ค่อยๆลดลง นางไม่กล้าพูดให้จบประโยค ถ้าเสี่ยวหยินรู้ว่าจินเซ่อถูกทำให้อัปยศอดสูจนถึงแก่ความตายและถ้าหากคืนนั้นเขามาถึงเร็วอีกหน่อย เขาก็อาจจะช่วยจินเซ่อได้และถ้าเขาฟังคำร้องของนางเขาก็จะได้พบซากศพของจินเซ่อ ถ้าเขารู้สิ่งเหล่านี้เขาจะรู้สึกผิดแค่ไหน
“เจ้าบอกว่านางเสียชีวิตเพราะนางพยายามที่จะช่วยเจ้า แล้วใครฆ่านาง? “เสี่ยวหยินถามขึ้นในขณะที่สายตาที่เฉียดคมจ้องมองที่ใบหน้าของนางอย่างแผดเผา
ฮวาจูอวี้ตกอยู่ในความเงียบ
“เรื่องนั้นกระหม่อมยังคงสืบสวนอยู่” ตอนแรกนางคิดว่าจิ่เฟิงหลี่ ได้ว่าจ้างคนตามทำคำสั่งจากฮ่องเต้พระองค์ก่อน แต่ถึงกระนั้นนางยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด
ดวงตาสีม่วงของเขาแวบวาบขึ้นในขณะที่เขาหรี่ตาลง “เอาล่ะในอนาคตข้าจะสืบสวนมันกับเจ้า ให้ข้าถามเจ้าแบบนี้ ถ้าโจวย่าเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตของเจ้า เจ้าคงเป็นคนรักของนาง? เจ้าทั้งสองแต่งงานกันหรือยัง? ”
ฮวาจูอวี้รู้สึกอายเล็กน้อย
“จริงๆแล้วกระหม่อม… .. ” จริงๆแล้วข้าเป็นผู้หญิง ฮวาจูอวี้ลังเลที่จะบอกเขาเรื่องนี้ ถ้าเขาลืมนางไปแล้ว ก็ควรปล่อยให้เป็นเช่นนั้น มิฉะนั้นก็จะนำแต่ปัญหามาเท่านั้นถ้าพูดถึงมัน นางไม่รู้จะตอบคำถามของเขาได้อย่างไร
เสี่ยวหยินมองไปที่คนที่อยู่ข้างหน้าเขาและรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะสวมเครื่องแบบธรรมดา แต่ก็แทบจะไม่สามารถซ่อนรูปลักษณ์ที่ดีของเขาเอาไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาที่ชัดเจนและสว่างของเขาซึ่งดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถหันสายตาไปที่อื่นได้
ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้?
สายตาของเขาค่อยๆจดจ่ออยู่ที่ฮวาจูอวี้ จู่ๆเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในส่วนลึกของหัวใจของเขา เขารีบจับหน้าอกของเขา ในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดลง
เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เขาถามขึ้นด้วยหัวคิ้วที่ขมวด
ในขณะนี้คนรับใช้ก็วิ่งออกจากห้องและตรงเข้ามา ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของเสี่ยวหยิน “ฝ่าบาท แม่นางเหวินว่านกำลังมีอาการไอขึ้นมาอีกครั้งและไม่สามารถดื่มยาได้ หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพคะ “
เมื่อได้ยินแบบนี้เสี่ยวหยินก็ขมวดคิ้วและถามขึ้น “ไม่ใช่เมื่อครู่ที่ผ่านมานางยังดีๆอยู่หรือ?”
“อาจเป็นไปได้ว่าสุขภาพของนางได้แย่ลงจากการติดตามฝ่าบาทมาในครั้งนี้ และเนื่องจากร่างกายแม่นางเหวินว่านก็ยังไม่คุ้นเคยกับภูมิอากาศของอาณาจักรเหนือ หม่อมฉันไม่รู้ว่านางจะทนต่อความหนาวที่กำลังจะมาถึงได้หรือไม่” นางกำนัลบอกขึ้นด้วยความกังวลใจ
เหวินว่านป่วยหรือ? ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเสี่ยวหยินถึงยังไม่นอน เขาคงกังวลเกี่ยวกับอาการของเหวินว่าน ดูเหมือนว่าลานเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นของเหวิ่นวาน ฮวาจูอวี้ โชคร้ายอย่างแท้จริง ที่นี่มีหลังคาจำนวนมากแต่นางกลับมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่!
ร่องรอยของความกังวลกระพริบขึ้นในดวงตาของเสี่ยวหยิน ในขณะที่เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากม้านั่งหินและพูดขึ้นเบา ๆ”ไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อฤดูหนาวมาถึงเราอาจจะไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเหนืออีกต่อไปแล้ว”
แสงที่จาง ๆ ส่องลงมาบนหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา จู่ ๆ เขาก็หันหลังกลับและจ้องมองไปที่ฮวาจูอวี้ “เจ้าอยู่ที่นี่ เนื่องจากที่น้องสาวของฮ่องเต้ผู้นี้โปรดปรานเจ้า ฮ่องเต้ผู้ก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก แต่ก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระด้วยเช่นกัน เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ฮ่องเต้ผู้นี้จะพาเจ้ากลับไปยังอาณาจักรเหนือด้วย แล้วเจ้าค่อยบอกข้าเกี่ยวกับน้องสาวของข้าได้อย่างช้าๆ พักอยู่ในคุกใต้ดินไปชั่วคราวก่อนและอย่าคิดถึงการหลบหนีอีกต่อไป “น้ำเสียงที่โดดเด่นของเขาทำให้ยากที่คนจะปฏิเสธ เขาสั่งให้ ฉิงอวี้น และปี้เอวี้ย พานางกลับไปที่คุกใต้ดิน ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในห้อง
นั่งอยู่ที่นั่น เฝ้าดูรูปร่างที่หายไปของเขาจากทางด้านหลัง เป็นเวลาสองเพียงไม่นานที่นางรู้สึกว่าลมตอนกลางคืนเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อและม้านั่งหินก็เย็นเข้ากับถึงกระดูก
ไม่ต้องกังวล เมื่อฤดูหนาวมาถึงเราอาจจะไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเหนืออีกต่อไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจที่จะครองโลก
ฮวาจูอวี้รู้สึกว่าหัวใจของนางจมดิ่งลงและความหนาวเย็นก็ทำให้นางสั่นขึ้น นางค่อยๆยืนขึ้นและถูกพาตัวกลับไปที่คุกใต้ดินโดย ฉิงอวี้น และปี้เอวี้ย
ภายใต้คำสั่งที่เคร่งครัดของเสี่ยวหยิน ฉิงอวี้น และปี้เอวี้ย ได้ล็อคประตูห้องขังอย่างแน่นหนาและสั่งให้มีทหารอีกหลายคนเฝ้าระวังอยู่ด้านนอก
นั่งอยู่บนกองหญ้าแห้งบนพื้นห้อง ฮวาจูอวี้ กอดเข่าของนางเอาไว้ โคมไฟที่ฮุยเสวียทิ้งไว้ให้ได้ดับไปนานแล้วและนางถูกล้อมรอบไปด้วยความมืดสนิทที่สมบูรณ์แบบ จู่ๆก็มีอาการฉีกขาดอย่างฉับพลันบนบาดแผลที่หัวไหล่ของนาง มันเตือนให้นางรู้ว่านางลืมที่จะใส่ยา นางหยิบขวดยาของฮวาจูอวี้ ออกมาก่อนจะเปิดมันออกและกวาดไปในความมืด พยายามที่จะใส่ยา นางต้องทนทุกข์ทรมานกับความรู้สึกแสบร้อน ก่อนจะฉีกเสื้อผ้าของนางเพื่อพันแผล การที่ต้องใช้เวลาหลายปีในสนามรบและได้รับบาดเจ็บเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆดังนั้นนางจึงมีทักษะในการพันแผลให้ตัวเอง
อยู่คนเดียวในคุกใต้ดินอย่างเงียบๆ ฮวาจูอวี้รู้สึกเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บตอนกลางดึกซ่อนตัวอยู่ในความมืดที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อเลียแผลของนางในความเงียบ ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งแค่ไหนนางก็ไม่สามารถช่วยได้ที่จะรู้สึกเศร้า นางอยากจะร้องไห้ แต่นี่ไม่ใช่เวลาหรือสถานที่ที่เหมาะ
คืนที่เงียบสงบและนางก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก่อนที่นางจะเริ่มรู้สึกเหนื่อย โชคร้ายที่คุกใต้ดินเย็นเกินไปและการนอนหลับจึงไม่เกิดขึ้น นางกอดเข่าของนางและกำลังจะนั่งสมาธิ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านไปเหนือศีรษะของนาง เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนางก็เริ่มตื่นตัวขึ้น นางลุกขึ้นยืนและเดินที่ประตูห้องขังและถามทหารด้านนอกขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
เสี่ยวหยินกลายเป็นคนระมัดระวังมากขึ้นและไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนของทหารด้านนอก แต่ยังให้คนมาเฝ้าหน้าห้องขังของนางอีกด้วย
เมื่อได้ยินการสอบถามของนางทหารก็ตอบขึ้นอย่างเย็นชา “จะมีอะไรเสียอื่น นอกจากกองทัพของอาณาจักรใต้ได้โจมตีกำแพงเมือง ฮ่องเต้ของเรากำลังออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่! “
ฮวาจูอวี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย กองทัพของอาณาจักรใต้โจมตีกำแพงเมืองแล้วหรือ?
พวกเขาเดินขบวนมาอย่างหนักเพื่อมายังทางเหนือ หลังจากที่ได้รับชัยชนะในการรบแล้ว พวกเขาก็ควรจะพักและเก็บกำลังเอาไว้ ไม่ควรเดินกำลังต่อเช่นนี้ หากเกิดความล้มเหลวจะทำให้เสี่ยวหยินได้รับโอกาสทองในการเปิดการตีโต้ บางทีอาจทำให้เขามีโอกาสที่จะจับซูโจวด้วยก็ได้ ทำไมจี่เฟิงหลี่ถึงได้เลือดร้อนเช่นนี้? เขาไม่ใช่คนสายตาสั้นและใจร้อนที่จะเอาแต่ชัยชนะอย่างรวดเร็วเท่านั้น สงครามกับอาณาจักรเหนือไม่ใช่อะไรที่จะเสร็จสิ้นภายในคืนเดียว