World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 100.2
ฮวาจูอวี้ ไม่เข้าใจถึงการกระทำของจี่เฟิงหลี่แม้แต่น้อย ในขณะที่นางกำลังคิด ประตูคุกใต้ดินก็เปิดออก ดึงความสนใจของทั้งนางและทหารไปที่นั่นทันที
มีคนกำลังใกล้เข้ามา
คนที่เดินเข้ามาสวมชุดสีดำสนิทและฮวาจูอวี้ก็จำเขาได้ในทันที มันคือ ถังยวีจากอาณาจักรใต้ ในทางตรงกันข้ามกับคนที่เพิ่งจะลงจากบันไดที่อยู่ด้านหลังเขา เขากลับสวมชุดขาวทั้งตัว
แสงระยิบระยับของโคมไฟที่แขวนอยู่บนผนังด้านข้างได้ส่องแสงบางส่วนลงไปบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เดินลงมา
แม้ว่าการแสดงออกของเขาจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัด แต่ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาก็ส่องประกายออกมาเป็นพิเศษ ในขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาหานางอย่างเงียบ ๆ
นางตกใจและไม่กล้าที่จะเชื่อว่าจี่เฟิงหลี่ มาอยู่ที่นี่จริงๆ
ภายในคุกใต้ดินมีเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณสิบกว่าคน เมื่อเห็นเขาทุกคนก็มาหาอาวุธของพวกเขาและวิ่งไปข้างหน้า แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะมีโอกาสที่จะได้สัมผัสเสื้อของเขาได้ เพราะถังยวี ได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อสกัดกั้นเส้นทางของพวกเขาเอาไว้ ด้วยการสะบัดแขนเสื้อของเขาราวกับกลีบดอกไม้สีชมพูที่นับไม่ถ้วนต่างก็ถูกปล่อยออกมา
ลักษณะที่ปรากฏอย่างฉับพลันของกลีบดอกไม้พวกนี้ ทำให้ภายในคุกใต้ดินเต็มไปด้วยกลิ่นที่หอมหวานและความมึนเมา
หลังจากได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายปีในสนามรบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนต่างก็คิดว่ากลิ่นพวกนี้เป็นพิษจึงต่างก็กลั้นหายใจ แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ล้มลงไปที่พื้น สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือพิษของถังแมน นั้นไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ถ้ากลิ่นที่สามารถพบได้พวกมันก็จะไม่เป็นพิษ ทหารถูกวางยาพิษโดยหยดน้ำที่เกาะติดอยู่กับกลีบดอกไม้ เมื่อกลีบดอกไม้ถูกปล่อยออกไป หยดน้ำก็ถูกยิงออกไปและสัมผัสเข้ากับผิวของพวกเขาและซึมเข้าไปในร่างกายของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
ยืนอยู่ด้านหลังของห้องขัง ฮวาจูอวี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่เชื่อ ทำไมจี่เฟิงหลี่และถังยวีถึงมาอยู่ที่นี่? เพื่อที่จะมากำจัดนางที่เป็นสายลับของอาณาจักรเหนือหรือ? นางคิดไม่ออกจริงๆ และยังคงจ้องมองไปในทิศทางของ จี่เฟิงหลี่ คนที่เปล่งประกายด้วยรัศมีบางอย่างออกมาในขณะที่เขาเดินผ่านกรีบดอกไม้เพื่อที่จะมายืนอยู่ข้างหน้าของนาง
ฉากนี้กลับส่องเป็นประกายอย่างแท้จริง!
มันส่องประกายแพรวพราวจนฮวาจูอวี้ รู้สึกว่ามันเป็นภาพที่นางต้องฝันไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามแต่ความเจ็บปวดที่หัวไหล่ของนางเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนที่ทำให้รู้ว่านางกำลังตื่นอยู่
จี่เฟิงหลี่ อยู่ที่นี่จริงๆ!
หรือว่าเขาได้โจมตีเมืองหยางกั่วและบุกเข้ามาในคุกใต้ดิน เพื่อให้เขาสามารถพบนางและฆ่านางใช่ไหม? นางคิดไปถึงขนาดนั้นแต่เมื่อมองเห็นริมฝีปากของเขาที่โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สวยงาม จนทำให้ไม่สามารถที่จะมองไปที่อื่นได้
นางกลับไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยิ้ม แต่เมื่อเขาเห็นนางการแสดงออกของเขากลับดูมีความสุขและความโล่งอก
มีประตูห้องขังที่ปิดกั้นอยู่ระหว่างพวกเขา ภายในห้องขังนางมองเขาด้วยความสงสัยในสายตาของนาง ในขณะที่เขายังคงยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วหัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่สายตาของเขามองไปที่หัวไหล่ที่บาดเจ็บของนาง
ถังยวี เอากุญแจจากทหารคนหนึ่งมาแล้วรีบเดินไปที่ประตู
“ตามข้ามา” จี่เฟิงหลี่พูดขึ้นในขณะที่ยังยิ้มอยู่
“อืม” ฮวาจูอวี้ตอบขึ้นเบา ๆ นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก เพราะเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างมาก และนางเองก็วางแผนที่จะออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธ
ถังยวีเป็นผู้นำทางในขณะที่ฮวาจูอวี้และจี่เฟิงหลี่ตามหลังเขาไป
ถังยวี ได้กำจัดเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอกของคุกใต้ดินไปแล้ว กลีบดอกไม้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพื่อให้มันลอยไปกับสายลม
ในช่วงค่ำคืนที่มืดครึ้ม เงาของทั้งสามเดินไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวและแคบเพื่อเดินไปยังเส้นทางเข้าทางด้านหลังของที่พัก ระหว่างทางพวกเขาได้พบเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเพียงไม่กี่คน พวกเขาหลีเลี่ยงได้สองสามครั้งและถังยวีก็ใช้ยาพิษของเขาเพื่อจัดการกับส่วนที่เหลือ
ฮวาจูอวี้แอบสงสัยว่ามีกลีบดอกไม้ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขามากแค่ไหน นางรู้สึกว่าวิธีจบชีวิตของศัตรูเช่นนี้ค่อนข้างสวยงาม
ในที่สุดพวกเขาก็เดินเข้าไปในประตูทางเข้าด้านหลัง แต่แล้วก็มีเสียงรบกวนผ่านค่ำคืนที่เงียบสงบดังขึ้น ตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ทหารของอาณาจักรเหนือติดอาวุธครบมือได้ยืนขวางทางและนำด้วยฮ่องเต้ของอาณาจักรเหนือเสี่ยวหยิน
สวมชุดสีม่วง เขาดูสูงตระหง่านและยิ่งใหญ่ ผมสีม่วงของเขาอยู่ในทรงตั้งสูงอยู่บนศีรษะของเขาและท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่างจากไฟนับสิบ ๆ ดวง ใบหน้าของเขาจึงดูงดงามเป็นอย่างมาก
“ช่างไม่คาดฝันอะไรเช่นนี้ ที่เสนาบดีจี่จะมาช่วยทหารตัวเล็กๆ ด้วยตัวเอง ฮ่องเต้ผู้นี้รู้สึกประหลาดใจจริงๆ! นอกจากนี้เพื่อประโยชน์ของทหารตัวเล็กๆ เจ้าถึงกลับใช้กลยุทธ์คุกคามทิศตะวันออก สร้างความสนใจในทางทิศตะวันตก แผนการนี้ไม่เลวจริงๆ ถ้าฮ่องเต้ผู้นี้ไม่รู้สึกว่าการโจมตีของเจ้านั้นมันฉับพลันเกินไป ข้าก็คงจะนำกองกำลังของข้าออกไปปกป้องกำแพงเมืองแล้ว “เสี่ยวหยินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉียดคมและกดขี่
ฮวาจูอวี้ตกใจและไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่นางเพิ่งจะได้ยิน
การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของเสี่ยวหยินนั้นทำให้นางตกใจ แต่คำพูดของเขายิ่งน่ากลัวมากกว่า เขาบอกว่าการโจมตีอย่างกระทันหันของกองทัพของอาณาจักรใต้เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อที่จะช่วยเหลือนางหรือ!
นางไม่เชื่อ!
นางจะเชื่อได้อย่างไร?!
จี่เฟิงหลี่ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำทุกอย่างเช่นนั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือนาง! แต่นางก็ไม่สามารถละเลยความจริงที่ว่าเขาเพิ่งจะได้ช่วยเหลือนางออกมาจากคุกใต้ดินเมื่อไม่นานมานี้เอง
ยังคงตกอยู่ในภาวะตกใจ นางมองไปที่จี่เฟิงหลี่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนางแม้แต่น้อย เขากำลังมองไปที่เสี่ยวหยิน ด้วยสายตาที่หรี่ลงของเขาเท่านั้น
จู่ๆ กลิ่นอายที่รุนแรงก็กระจายออกไปในอากาศ ในขณะที่ชายสองคนจ้องมองกันและกัน ทำให้บรรยากาศรอบๆตัวพวกเขาตึงเครียดและแทบจะหายใจไม่ออก
ในช่วงนั้นจี่เฟิงหลี่ คว้าไปที่พัดที่อยู่ที่เอวของเขาและเปิดมันออก “ถ้าฮ่องเต้ของอาณาจักรเหนือรู้สึกว่ามันแปลก ๆ เช่นนั้นเสนาผู้นี้ก็คงจะต้องอธิบาย คนผู้นี้ทำงานอยู่ในจวนของข้า เขามีบางสิ่งที่สำคัญอยู่ในความครอบครองของเขา เสนาผู้นี้ช่วยเขาเพื่อที่จะเอามันคืน แต่ในเมื่อถูกพบเช่นนั้น บุคคลผู้นี้ก็ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป ถ้าฮ่องเต้ต้องการจะเก็บเขาไว้ เช่นนั้นเสนาผู้นี้ก็จะทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง “เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียลงได้บ้าง
ฮวาจูอวี้ ถึงกับหาคำพูดไม่พบ ทำไมนางถึงไม่รู้ว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองสิ่งที่สำคัญต่อจี่เฟิงหลี่? นางรู้สึกว่าจี่เฟิงหลี่เพียงแค่พูดแบบนี้เพื่อที่จะโน้มน้าวให้เสี่ยวหยินรู้ว่านางไม่มีความสำคัญกับอาณาจักรใต้ แต่จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย เพราะนางไม่มีความสำคัญใดๆ กับใครทั้งนั้น
เสี่ยวหยินหัวเราะพร้อมกับเงยหน้าขึ้น “จะทิ้งเขาไว้หรือ? เสนาบดีฝ่ายซ้าย เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าจะสามารถออกไปได้? ไม่เพียงแค่เขา แต่ทุกคนจะไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้ในคืนนี้! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังยวีก็สะบัดแขนเสื้อของเขาและกรีบของดอกไม้ก็ถูกปล่อยออกมาราวกับสายฝน และมุ่งไปยังทิศทางของเสี่ยวหยิน
เสี่ยวหยินดึงดาบของเขาออกมาและแกว่งดาบของเขาเพื่อส่งกลีบของดอกไม้กลับไปที่จี่เฟิงหลี่
ริมฝีปากของจี่เฟิงหลี่โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ในขณะที่เขาขยับพัดของเขาทำให้ดอกไม้ที่กำลังตรงเข้ามาตกลงไปบนพื้นทันที
“ดูเหมือนว่าเสนาจี่ จริงๆ แล้วจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ที่ซ่อนตัวอยู่ เนื่องจากเจ้าก็มาอยู่ที่นี่ แล้วเราควรแลกเปลี่ยนคำแนะนำกันเสียหน่อย “เสี่ยวหยินท้าทายขึ้นอย่างเย็นชา ในขณะที่เขาชี้ดาบของเขาไปที่จี่เฟิงหลี่
ฮวาจูอวี้ ตระหนักดีว่าจี่เฟิงหลี่ ไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดบังทักษะการต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
“เสนาผู้นี้ไม่สนใจที่จะแลกเปลี่ยนคำแนะนำ แต่ถ้ามีรางวัล เสนาผู้นี้ก็ ย่อมยินดี” จี่เฟิงหลี่พูดขึ้นอย่างช้าๆด้วยรอยยิ้ม
ความหยิ่งของจี่เฟิงหลี่ ทำให้เสี่ยวหยินเกิดความสนใจ ประกายที่เยือกเย็นกระพริบขึ้นในดวงตาที่หรี่ของเขา ก่อนจะพูดขึ้น “ได้ ถ้าเสนาจี่เอาชนะข้าได้ในคืนนี้ ฮ่องเต้ผู้นี้ก็จะปล่อยให้ทุกคนออกจากเมืองได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เช่นนี้เป็นอย่างไร?”
“ฮ่องเต้เหนือช่างเป็นผู้กล้าหาญอย่างแท้จริง เช่นนั้นก็ตกลง! “จี่เฟิงหลี่จัดพัดของเขาและพูดขึ้น
“ตามนั้น!” เสี่ยวหยินย้ำขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่เขาเช็ดใบมีดของเขาเบา ๆ
หัวใจของฮวาจูอวี้ กำลังเต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้เกินความคาดหมายของนางจริงๆ
นางไม่ได้คาดหวังว่าจี่เฟิงหลี่จะมาที่เมืองหยวนกั่ว และก็ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวหยินจะพบกับจี่เฟิงหลี่ และมีการท้าประลองกันเช่นนี้
นางรู้ว่าทักษะการต่อสู้ของจี่เฟิงหลี่ นั้นสูงและไม่สามารถถึงได้ แต่ทักษะของเสี่ยวหยิน ก็ไม่ได้ด้อยเช่นกัน และยังพัฒนาขึ้นเมื่อเมื่อเร็ว ๆ นี้ หากมีการประลองกันขึ้น มันก็น่าตื่นเต้นที่ได้เห็นจริงๆ
คนที่อยู่ในปัจจุบันต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ทหารทุกคนก้าวถอยหลังและเปิดเส้นทางให้พวกเขารวมทั้งฮวาจูอวี้และถังยวี
สนามหลังบ้านที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงชายสองคนเท่านั้นที่ยังอยู่
ท้องฟ้าในตอนค่ำคืนมืดเหมือนน้ำหมึก ในขณะที่ไฟจากคบไฟสองแสงสว่างจ้า
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูในสนามรบ แต่ในการต่อสู้แบบนี้ พวกเขาจะปฏิบัติด้วยความสุภาพ และทำความเคารพซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะก้าวกลับมา
เสี่ยวหยินยึดดาบของเขาเอาไว้แน่น ในขณะที่เส้นผมสีม่วงของเขาพลิ้วไหวไปกับสายลม
จี่เฟิงหลี่ยืนนิ่งยืนอยู่ที่นั่น แขนเสื้อคลุมยาวของเขาสะบัดอยู่ในสายลม เขาจับพัดพร้อมกับเปิดมันออก ก่อนจะจ้องมองไปที่เสี่ยวหยิน ด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขาเฉียดคมราวกับเป็นใบมีด
มือของเสี่ยวหยิน สั่นขึ้นด้วยแรงกำลังในขณะที่เขาโจมตีไปที่จี่เฟิงหลี่ พร้อมกับดาบของเขา
จี่เฟิงหลี่ สร้างระยะห่างระหว่างพวกเขาและกระโดดกลับไป กำลังภายในดูน่ากลัวมากและร่างกายของเขาเบาราวกับเมฆ เขาใช้พัดของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีจากดาบของเสี่ยวหยินได้อย่างรวดเร็ว
เสียงของการปะทะดังขึ้น ฮวาจูอวี้สงสัยว่าพัดของเขาทำจากอะไรถึงสามารถต้านทานดาบของเสี่ยวหยินได้ ถ้าเป็นพัดปกติมันก็คงจะถูกแบ่งครึ่งออกไปแล้ว
จี่เฟิงหลี่ กระโจนไปด้านหลัง แต่เสี่ยวหยิน ก็ไล่ตามมาอย่างใกล้ชิดเหมือนเงาและโจมตีจี่เฟิงหลี่ต่อไป จี่เฟิงหลี่ หมุ่นกลับร่างกายของเขาและหลีกเลี่ยงการโจมตีของเสี่ยวหยิน ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเขาเห็นโอกาสเขารีบยิ่งพัดของเขาไปทางจุดที่ด้านหลังของเสี่ยวหยิน
ร่างทั้งสองหมุนไปรอบ ๆ กันและกัน หนึ่งอยู่ในเสื้อคลุมสีขาวที่เคลื่อนไหวราวกับแสงและอีกชุดหนึ่งในเสื้อคลุมสีม่วงที่เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าผ่า จังหวะดาบของเสี่ยวหยิน เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและเขาก็มีกำลังภายในที่อันน่าอัศจรรย์ การรับและการโจมตีทุกครั้งของเขาเต็มไปด้วยพลังทำให้เป็นเรื่องยากที่จะไล่ตามได้ทัน สำหรับจี่เฟิงหลี่ ทักษะของเขาก็เหมือนกับนิสัยของเขาที่สงบและมั่นคง ไม่ว่าการโจมตีของเสี่ยวหยิน จะรุนแรงแค่ไหน จี่เฟิงหลี่ ก็สามารถสกัดกั้นพวกมันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
การประเมินการต่อสู้ครั้งนี้ ฮวาจูอวี้รู้สึกว่าเป็นการยากที่จะตัดสินว่าใครเหนือกว่าใคร
ทันใดนั้นจี่เฟิงหลี่ ก็กระโดดลงไปบนดาบของเสี่ยวหยิน และใช้มันเป็นกระดานเพื่อที่จะผลักให้ตัวเองขึ้นไปในอากาศ เสื้อคลุมสีขาวหมุนวนอยู่รอบๆ ตัวเขา ในขณะที่เขาคลี่พัดของเขาออกอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางและพลิกตัวลงมาอย่างฉับพลัน
ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วมาก จนมันสร้างภาพลวงตาต่อร่างกายของเขาขึ้น ทำให้ยากที่จะมองเห็นภาพที่แท้จริงของเขาได้ ทักษะของเขาน่าอัศจรรย์มากจนทำให้ฮวาจูอวี้รู้สึกกลัว นางไม่ได้คาดหวังว่าศิลปะการต่อสู้ของเขาจะมีความสามารถสูงเช่นนี้ พัดของเขาเล็งไปที่ด้านหลังของเสี่ยวหยิน นางรู้ว่า เสี่ยวหยิน จะไม่สามารถหลบมันได้ในขณะที่เขาไม่ทันระวังตัว
“ระวัง!” ฮวาจูอวี้ช่วยไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น
หัวคิ้วของจี่เฟิงหลี่ ขมวดขึ้นและมือที่จับพัดที่กำลังจะจู่โจมก็หยุดไปชั่วคราวและปล่อยให้เสี่ยวหยินหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาไปได้ เขาหมุนตัวไปข้างหน้าแล้วหันไปรอบ ๆ ก่อนจะแทงดาบของเขาไปที่ด้านซ้ายของจี่เฟิงหลี่ในทันที
ฮวาจูอวี้ตกใจและปิดปากของนางด้วยมือของนางขึ้นทันที จี่เฟิงหลี่หันกลับมาดวงตาที่สว่างไสวของเขากำลังเผาไหม้ ในขณะที่มันมองตรงไปที่ฮวาจูอวี้
เสี่ยวหยิน ค่อยๆดึงดาบของเขาออกและฮวาจูอวี้ก็สามารถมองเห็นการไหลเวียนของเลือดที่มันกระจายตัวออกไป ย้อมเสื้อคลุมสีขาวให้กลายเป็นสีแดงเข้มในทันที ฮวาจูอวี้มองดูจี่เฟิงหลี่ อย่างใจจดใจจ่อ แต่สายตาของเขาก็ได้หันไปที่อื่นแล้ว
ถังยวีมองไปที่ฮวาจูอวี้ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถามขึ้น “เจ้าโง่หรือเพียงแค่ไม่ต้องการออกไปจากสถานที่แห่งนี้?” จากนั้นเขาก็เดินไปทางด้านของจี่เฟิงหลี่อย่างรวดเร็ว
ฮวาจูอวี้ ค่อยๆตามหลังถังยวีไป
จี่เฟิงหลี่ จับบาดแผลของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มที่เบาบางปรากฏขึ้น “ข้าไม่รู้ว่าฮ่องเต้เหนือยังต้องการจะแลกเปลี่ยนคำแนะนำต่อไปหรือไม่?”
เสี่ยวหยินมองเขาแล้วก็ส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้น “ฮ่องเต้ผู้นี้คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าไม่ใช่เพราะคำเตือน บางทีคนที่พ่ายแพ้ตั้งแต่แรกก็คงจะเป็นข้า พวกเจ้าควรจะรีบออกไป พรุ่งนี้เราจะได้พบกันอีกครั้งในสนามรบ “
“ได้” จี่เฟิงหลี่ ตอบและจากไปด้วยความช่วยเหลือของถังยวี