World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 105.1
นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ในขณะที่เขากดนางลงไป นางเต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย สวรรค์อันเป็นที่รัก นางจะต้องทำอย่างไรในตอนนี้
นางสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้านางบอกเขาว่านางคือหยวนเป่า
ในค่ายทหารนี้ไม่มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากนาง
เป็นไปได้ไหมที่นางจะต้องกินความพ่ายแพ้ในครั้งนี้? เห็นได้ชัดว่าจี่เฟิ่งหลี่ คิดว่านางเป็นผู้หญิงที่คนอื่นพาเข้ามา เนื่องจากเขายังค่อนข้างมีสติอยู่ ถ้านางบอกเขาว่านางคือหยวนเป่า นางอาจจะมีความหวังที่จะรอดไปได้
“ข้า…” ทันทีที่นางอ้าปาก คำพูดที่เหลือของนางก็ติดอยู่ในลำคอ เขาปิดผนึกจุดอื่นของนางอีกและทำให้พูดไม่ได้อีกต่อไป
“ไม่ต้องพูด ข้าเกลียดเสียงของเจ้าจริงๆ!” จี่เฟิ่งหลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งขึ้น
เขาเหยียดแขนออกไปในความมืดและดึงผ้าห่มบนเตียงลงไปที่พื้น เขาจะไม่ปล่อยให้นางอยู่บนเตียงของเขา แต่ตั้งใจจะพานางไปที่พื้นแทน
นางถูกวางลงไปบนพื้นและยังคงนอนอยู่ที่นั่นสักพัก
ในความมืด จี่เฟิ่งลี่นั่งอยู่ข้างนางโดยไม่ทำอะไรเลย ร่างกายของเขาปล่อยความเย็นชาออกมา ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามต่อต้านมัน นางทำได้เพียงหวังว่าเขาจะมีความตั้งใจที่แน่วแน่และมั่นคง ยืนหยัดให้ได้นานกว่านั้น บางทีใครบางคนอาจมาช่วยนางก็ได้
คืนนั้นเงียบสงบมาก ข้างในกระโจมนั้นก็เงียบลงราวกับความตายมีเพียงเสียงลมหายใจที่หนักๆ ของจี่เฟิ่งหลี่เท่านั้น
การหายใจของเขาไม่มั่นคง เสียงดังขึ้นในคืนที่เงียบสงบ นางได้ยินเสียงลมหายใจทุกครั้งของเขาอย่างชัดเจน
เมื่อพิจารณาจากการหายใจของเขา ฮวาจูอวี้ก็สามารถบอกได้ว่ายาจะต้องรุ่นแรงมาก เมื่อได้ยินการหายใจของเขาที่หนักขึ้นและหนักขึ้นเรื่อยๆ นางก็รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง ทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นจาง ๆ ของเลือด นางคิดว่าจี่เฟิ่งหลี่ ต้องกัดแขนของเขาเนื่องจากความพยายามที่จะรักษาความมีสติของเขาเอาไว้
ความกลัวในใจนางจางหายไปเล็กน้อย อาจจะยังมีโอกาสที่จะรักษาความบริสุทธิ์ของนางเอาไว้ได้ในคืนนี้
ดูเหมือนว่าจี่เฟิ่งหลี่ จะไม่ต้องการสัมผัสนางอย่างแท้จริง นางเคยอยู่ในเหตุการณ์อันรื่นเริงของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงใช้ความพยายามอย่างมากในการยับยั้งชั่งใจในขณะนี้ ไม่ว่าจะในกรณีใด นางก็รู้สึกโชคดี อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีแสงแห่งความหวังเพื่อความอยู่รอดได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่นางต้องการ แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บที่แขน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถลดความแรงของยาลงได้ ลมหายใจของเขาหนักขึ้นและรุนแรงขึ้นทุกวินาทีที่ผ่านไป
ในความมืด นางรู้สึกถึงลมหายใจของผู้ชายในขณะที่เขากดลงมาช้าๆ
เขาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
จนสุดเอื้อมมือของเขา
จนร่างกายของพวกเขาถูกกดทับไปด้วยกัน
จนกระทั่งลมหายใจของเขาอยู่บนแก้มของนาง บังคับให้นางรู้สึกถึงความร้อนแรงที่เกิดขึ้น
ไม่เพียง แต่ใบหน้าของนางที่ถูกเผาไหม้ แต่ลึกๆ ภายในยังมีความสิ้นหวังและความเศร้าที่ได้ไหลล้นอยู่ภายในและไหลออกมาเหมือนการไหลของเลือด
เขาเริ่มถอดเสื้อผ้าของนาง แต่ก็มีปัญหากับมัน ดังนั้นเขาจึงดึงพวกมันออกโดยปล่อยให้นางสัมผัสกับความมืดมิดอย่างสมบูรณ์
นางรู้สึกถึงความเย็นบนผิวที่เปลือยเปล่าของนาง แต่หัวใจของนางก็รู้สึกเย็นชายิ่งกว่าเดิม
วันนั้น นางนั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวและมาถึงที่จวนของเสนาบดี นางรอเขาอยู่บนเตียงเจ้าสาว ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ในขณะนั้นนางตั้งใจจะมอบตัวเองให้กับเขา แต่โชคชะตาก็ชอบหยอกล้อกับคนอื่น หลังจากหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น หลังจากที่นางดูถูกเขา นางก็ยังคงยุ่งอยู่กับเขา ไม่ว่านางจะต่อต้านยังไงก็ไม่มีทางหลบหนีไปได้พ้น
รอยยิ้มอันขมขื่น เต็มไปด้วยความสิ้นหนทางปรากฏอยู่บนริมฝีปากของนาง ในขณะที่นางนอนอยู่บนพื้น
ในความมืด นางสามารถรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของเขา
จี่เฟิ่งหลี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ถูกเผาไหม้ของเขากดทับลงมาที่นาง โดยไม่มีการกอดรัดใดๆ เขารีบตรงเข้าไปในทันที
ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นโจมตีนางในทันทีและนางก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหายใจเข้าแรงๆ เมื่อได้ยินเสียงของนาง จี่เฟิ่งหลี่ ก็หยุดและพูดขึ้นด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ ทนกับมัน ข้าก็ต้องเจ็บปวดด้วยเช่นกัน”
เขาว่างมือของเขาไว้เหนือหัวของนางและไม่ได้ขยับอยู่เป็นเวลานาน
ออกไป! ฮวาจูอวี้ ตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ แต่ไม่มีเสียงพูดออกมาจากปากของนาง
ข้างนอกลมหนาวกำลังพัดโหมกระหน่ำ เสียงสะท้อนดังกึกก้องขึ้น ในขณะเดียวกันภายในกระโจมความเร่าร้อนคือฉากของฤดูใบไม้ผลิ
ฮวาจูอวี้ กัดลงอย่างแรงบนไหล่ของเขา นางสามารถลิ้มรสเลือดของเขา แต่นางปฏิเสธที่จะปล่อยเขาไป เหมือนหมาป่าที่กระหายเลือด
ในความมืดกลิ่นของเลือดและความปรารถนารวมอยู่ด้วยกัน
มือของจิ่เฟิ่งหลี่นั้นยังวางอยู่เหนือศีรษะของนางเสมอ เพื่อไม่ให้มีการสัมผัสที่ไม่จำเป็นระหว่างพวกเขา
ไม่แน่ใจว่ามันผ่านมานานแค่ไหน แต่การเคลื่อนไหวของจี่เฟิ่งหลี่ ก็สงบลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดูเหมือนเขาจะมีสติและนางก็รู้สึกว่าเขากำลังมองดูนางอยู่
ในความมืด ดวงตาของพวกเขาประสานกัน
ดวงตาที่เฉียบคมและเย็นชามองประสานกันอย่างสับสนงงงวย
ไม่มีหน้าต่างในกระโจมนี้ ในความมืดมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แต่นางยังคงจ้องมองเขาอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้นเขาก็หยุด นางรู้สึกถึงความเย็นที่ไหลออกมาจากตัวเขา เห็นได้ชัดว่าในที่สุดเขาก็ได้รับการปลดปล่อย ดังนั้นพิษก็ควรจะได้รับการรักษาแล้ว ในที่สุดมันก็จบลง แต่หนี้ระหว่างพวกเขายังไม่ได้รับการชำระ
จี่เฟิ่งหลี่ ข้าจะฆ่าเจ้า!
วันหนึ่ง! แค่รอไปก่อน!
นางสาบานขึ้นอย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงพึมพำอยู่เหนือศีรษะของนาง
“เป่าเอ้อร์…”
เสียงเบามาก ราวกับเป็นคำที่รั่วไหลออกมาจากส่วนลึกของหัวใจดวงหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ฮวาจูอวี้ตกใจ เป็นไปได้ไหมที่จี่เฟิ่งหลี่ จะรู้ว่านางคือหยวนเป่า? แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง เสียงของเขาถูกแต่งแต้มไปด้วยความเศร้าและความปวดร้าว
ทำไมเขาถึงเรียกชื่อนาง มันเพื่ออะไรกัน?
ทันใดนั้น หยดน้ำก็ไหลลงมาบนใบหน้าของนาง มันร้อนและแผดเผา
ในช่วงเวลานี้ ความคิดของนางยุ่งเหยิง แต่ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัวของนาง แต่นางไม่อยากจะเชื่อ
ความโกรธในหัวใจของนางโตขึ้นทันที
“เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้ซักพัก สิ่งที่เจ้าต้องการเพียงแค่บอกให้คนของข้ารู้แล้วพวกเขาจะตอบสนองต่อความต้องการของเจ้า!” เขาพูดด้วยเสียงเบา ๆ ในขณะที่เขาหันออกไปและนั่งข้างๆ นาง
นางนอนอยู่บนพื้น โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ในเวลานี้เขาดูเหมือนจะรู้ว่าเขาได้ปิดผนึกจุดของนางเอาไว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่เอวของนางเบา ๆ เพื่อคลายจุดทั้งหมด จากนั้นเขาก็เดินไปที่เตียงอย่างช้าๆและนอนลงไปด้วยความอ่อนเพลีย
ฮวาจูอวี้นอนอยู่บนพื้น ร่างกายของนางเจ็บราวกับว่ากระดูกของนางแตกหัก ความรู้สึกเจ็บปวดไม่รู้สึกเหมือนจริงอีกต่อไป ถ้าเป็นไปได้นางอยากจะหลับตาลงและนอนหลับให้ความเจ็บปวดมันหายไป แต่นางจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธ นางจะนอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
นางพยายามที่จะระงับความเจ็บปวดและค่อยๆลุกขึ้น ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางมาใส่
จิตใจของนางว่างเปล่าในขณะที่นางเดินออกไปโดยไม่รู้ตัว เท้าของนางรู้สึกอ่อนปวกเปียกและนุ่มราวกับว่านางกำลังเดินอยู่บนผ้าฝ้าย