World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 85
ฮวาจูอวี้กำกำปั้นเอาไว้แน่น ในขณะที่ระงับความอยากที่จะตรงเข้าไปชกเขาให้น่วมไปทั้งตัว นางเงยหน้าขึ้นมองเขาและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะพูดขึ้น “ข้ารู้ว่าองค์รัชทายาทอาจจะไม่ดีมากนัก แม้ว่าระหว่างเราจะมีความเสน่หา แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งมากจนข้าต้องไปลงนรกกับเขา ในเมื่อตอนนี้ท่านเสนาจี่ได้แสดงความสนใจในตัวข้า คนที่ตัดแขนเสื้อเช่นตัวข้าก็ไม่รังเกียจท่านเสนาจี่… ”
จี่เฟิงหลี่ ไม่ได้คาดคิดว่านางจะพูดแบบนี้ เขาลุกขึ้นนั่งตัวตรงและวางข้อศอกลงไปบนโต๊ะ มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเหยียดหยาม ดวงตาของเขามีแววของความเยือกเย็นก่อนที่จะพูดขึ้น “โชคร้ายที่ตัวข้าผู้นี้ไม่ได้ตัดแขนเสื้อ! เมื่อเห็นว่าเจ้าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ ข้าจึงได้ปล่อยเจ้าออกมาจากคุก ในอนาคตเจ้าควรอยู่ในจวนของข้าอย่างเชื่อฟัง อย่าคิดว่าจะก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ เด็ดขาด! ”
“หยวนเป่าเป็นหนี้ท่านเสนาจี่และจะจดจำเอาไว้!” ฮวาจูอวี้ตอบขึ้นอย่างสงบและเกือบจะกัดลิ้นของนางเอง นางไม่สามารถพึ่งพาหวงฝู่ อู๋ ซวง ได้เนื่องจากเขาถูกขังอยู่ในคุกหลวง นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปในจวนของจี่เฟิงหลี่ ดังนั้นไม่ว่านางจะเกลียดชังจี่เฟิงหลี่ มากแค่ไหน นางก็ต้องอดทนต่อไป
“เป็นเช่นนั้นก็ดี! เสี่ยวเป่าเอ้อร์ (สมบัติน้อย) เป็นคนที่ฉลาดมากจริง ๆ “หัวคิ้วของจี่เฟิงหลี่ยกขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ดวงตาของเขามองไปที่ห่อผ้าที่อยู่ในมือของนาง” เสี่ยวเป่าเอ้อร์ซื้ออะไรจากร้านค้าหรือ? ”
การได้ยินเขาเรียกนางว่าเสี่ยวเป่าเอ้อร์ทำให้นางรู้สึกรังเกียจมาก แต่การได้ยินเขาพูดถึงร้านค้า นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะกระชับห่อผ้ามากขึ้นอีก ก่อนจะตอบขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่เสื้อผ้าสองชุด อย่าบอกข้าว่าท่านเสนาจี่สนใจพวกมัน? ถ้าท่านต้องการจะดู ข้าก็ไม่รังเกียจ ”
จี่เฟิงหลี่ เหลือบมองไปที่ห่อผ้าที่อยู่ในมือของนางและตอบขึ้นอย่างไม่แยแส “ข้าไม่สนใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็คลายการจับที่ห่อผ้าของนางลง แต่แล้วในทันทีก็เกิดแสงสีขาวลางๆ ขึ้นต่อสายตาของนางและห่อผ้าของนางก็ไปอยู่ภายในมือจี่เฟิงหลี่แล้ว
“ไม่ได้สนใจ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่ดู เสี่ยวเป่าเอ้อร์เจ้าประมาทเกินไปแล้ว” จี่เฟิงหลี่ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ริมฝีปากของเขาเล็กน้อย ในขณะที่เขาเอนหลังพิงกับเก้าอี้พร้อมกับห่อผ้าที่อยู่ในมือ
ฮวาจูอวี้ตกใจ นางลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนหลอกลวงแค่ไหน? นางกลัวว่านางคงจะทำให้เขาระแวงสงสัยเมื่อนางกอดห่อผ้าเอาไว้แน่นเกินไป นางต้องการที่จะยึดมันกลับมาในทันที แต่นางรู้ว่านางไม่น่าจะใช่ฝ่ายตรงข้ามของเขา แต่นางได้ซ่อนผลิตภัณฑ์ของผู้หญิงเอาไว้ในเสื้อผ้า ถ้าเขาเห็นพวกมันนางจะให้คำอธิบายว่าอย่างไร? นางกำลังใช้สมองของนางและยังไม่ได้ข้อแก้ตัวที่เป็นไปได้ แต่ก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยดังขึ้น “เจ้าซื้อเสื้อผ้าจริงๆด้วย เสี่ยวเป่าเอ้อร์ ไม่ได้โกหก แต่ … สิ่งเหล่านี้ล่ะ? ”
นางเงยหน้าขึ้นและเห็นเขาเอนกายอยู่บนเก้าอี้ของเขา ในขณะที่มองไปที่ผ้าใช้สำหรับปกปิดประจำเดือนในมือ ใบหน้าของนางก็แดงขึ้นทันทีและนางเกลียดที่นางไม่สามารถหารูเพื่อที่จะคลานเข้าไปได้ แต่เนื่องจากการเป็นแม่ทัพมานานหลายปี นางรีบปกปิดอารมณ์ของนางด้วยการทำเป็นสงบและใจเย็น นางมองสำรวจจี่เฟิงหลี่ด้วยดวงตาที่หรี่ลง เมื่อมองเห็นสีหน้าของเขาที่ทั้งงงงวยและดูน่าสงสัยในดวงตาดำมืดคลายหมึกของเขา นางก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขาไม่น่าจะรู้ว่าผ้าชนิดนี้เอามาใช้เพื่ออะไร
นางกังวลว่าจะให้คำอธิบายว่าอย่างไร แต่การได้เห็นเขาแบบนี้ทำให้นางสามารถสงบใจที่ไม่มั่นคงลงได้บ้าง นางมองไปที่เขาด้วยหัวคิ้วที่ยกขึ้นและพูดอย่างใจเย็นขึ้น “ท่านเสนาจี่ไม่รู้หรือ? ยอมเป็นธรรมชาติที่จะใช้มันเพื่อพันแผล ถ้าท่านเสนาจี่ ต้องการมันท่านก็สามารถใช้เอามันไปได้ ”
เขายิ้มและพูดขึ้น “มันดูแปลก ๆ แต่ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วข้าจะนำมันไปเพื่ออะไร?” เขาวางมันลงไปในห่อผ้าแล้วส่งกลับไปให้นาง
“มันดีที่จะเตรียมเอาไว้ ท่านไม่จำเป็นต้องทำใช้จริงหรือๆ?” นางถามอย่างใจเย็นขึ้นอีก
“ไม่ต้อง!” จี่เฟิงหลี่วางคางไว้ที่มือของเขาและพูดขึ้น “ถ้าแผลของเจ้ายังไม่หายเป็นปกติก็แค่เอายาขวดนี้ไป การพันแผลโดยไม่ต้องใช้ยาใด ๆ จะไม่มีประโยชน์ ”
ฮวาจูอวี้ ไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีกต่อไป นางรีบหยิบเอาขวดยามาจากพื้นแล้ววางไว้ในห่อผ้าของนาง ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางไม่ค่อยคาดหวังว่าเสนาบดีแห่งอาณาจักรใต้ผู้ยิ่งใหญ่คนที่สามารถปกปิดท้องฟ้าได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และยังเป็นที่รักของหญิงสาวนับไม่ถ้วนและยังมีแนวโน้มว่าจะมีผู้หญิงหลายคนได้สนิทสนมด้วย เขากลับไม่รู้จักผ้าที่ใช้ปกปิดประจำเดือน แต่ตราบใดที่เขาไม่รู้ นางสบายใจได้
รถม้าเดินทางไปค่อนข้างไกล ก่อนที่จะมาถึงจวนของเสนาจี่ คนรับใช้รีบวิ่งเข้ามาเพื่อยกม่านรถม้าขึ้นและฮวาจูอวี้ก็กระโดดลงไปก่อนพร้อมกับห่อผ้าของนาง นางมองไปข้างหน้าและได้เห็นประตูหินอ่อนสีขาวขนาด 18 ก้าวและรูปปั้นสิงโตสองตัวที่ตั้งอยู่ที่ด้านข้างของประตูทั้งสองด้าน สง่างามและยิ่งใหญ่
หลานปิง พานางไปที่เรือนนอนของนาง ซึ่งตั้งอยู่ในลานอันเงียบสงบที่เรียกว่าซินหยวน จี่เฟิงหลี่ไม่ได้ให้นางอยู่กับทหารคนอื่น ๆ แต่กลับให้อยู่กับหลานปิง การที่ได้อยู่กับหนึ่งในสามคนของผู้ใต้บังคับบัญชาที่น่าเชื่อถือของเขา นางควรจะรู้สึกเป็นเกียรติใช่ไหม?
มันเป็นเวลาที่ดึกมาแล้ว ดวงจันทร์ก็ส่องแสงสว่างในท้องฟ้ายามค่ำคืน
จวนของเสนาจี่เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง ตั้งอยู่หลังจวนเป็นภูเขาขนาดเล็กที่มีทัศนียภาพที่งดงาม ถ้าใครยืนอยู่ที่หน้าต่างทางด้านหลังของเฟิงหยวน เรือนนอนของจี่เฟิงหลี่ จะสามารถเห็นทะเลสาบหยกและเนินเขานับไม่ถ้วนในระยะไกลออกไป
ในช่วงเวลานี้ จี่เฟิงหลี่ ยืนอยู่ใกล้หน้าต่างทางด้านหลัง มองไปที่ดอกบัวที่กระจัดกระจายอยู่บริเวณผิวของทะเลสาบ อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกบัวแม้ว่าจะยังไม่บานเต็มที่ก็ตาม
“ท่านเสนาเราแพ้ให้กับทางนั้น!” ถงโจวก้าวไปข้างหน้าและรายงานอย่างระมัดระวังขึ้น “เสี่ยวหยิน ได้พาแม่นางเหวินวาน ไปที่อาณาจักรเหนือแล้ว ข้ากลัวว่าจะเป็นการยากที่จะช่วยนางในตอนนี้”
ทันใดนั้นจี่เฟิงหลี่ก็หันร่างที่เรียวยาวของเขากลับมา มันถูกอาบด้วยแสงจันทร์แสง ความพร่ามัวค่อยๆตกลงมาบนหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา
“ทำไม?” เสียงของเขาเบา แต่ดูเหมือนว่าจะมีร่องรอยของความโกรธที่ไม่สามารถปกปิดได้
“เราจะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว แต่ข้าได้ยินมาว่าจู่ๆ รุ่นหวางของตะวันตกหยันโตนเฉียนจิน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น คนของเรากลัวที่จะเปิดเผยตัวตนของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการหลบหนีมา! “ถงโจวพูดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ” ข้ากลัวว่าแม่นางเหวินว่านจะต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว ”
จี่เฟิงหลี่ไม่ได้พูดอะไรแต่กับยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาที่หรี่ลงและไม่สามารถอ่านได้ ในขณะที่แสงจันทร์กวาดผ่านไปทั่วใบหน้าของเขา
“ท่านเสนาจี่ ท่านจำเป็นต้องให้หยวนเป่าอยู่ในจวนด้วยหรือ? ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาเป็นสายลับของอาณาจักรเหนือหรือไม่ แต่ตอนที่ทำการล่าสัตว์ในคืนนั้น เสี่ยวหยินช่วยชีวิตเขาไว้โดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเอง แน่นอนว่าเขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับอาณาจักรเหนือ “ถงโจวพูดขึ้นอย่างสงสัย
หลานปิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะและพูดขึ้น “ถงโจว เป็นเพราะว่าเสี่ยวหยินได้ช่วยเขาเอาไว้โดยไม่คำนึงถึงอันตราย ท่านเสนาจี่ถึงได้ยอมให้เขาอยู่ในจวนแห่งนี้ ข้ากลัวว่าสายลับคนนี้จะไม่ใช่สายลับธรรมดา ดูเหมือนว่าอาการตัดแขนเสื้อนี้ได้แผ่ขยายออกไปทางอาณาจักรเหนือด้วยแล้ว ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ฮ่องเต้เหนือก็เก็บเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เอาไว้เป็นของเล่น”
จี่เฟิงหลี่หรี่ตางลงและนึกถึงคำพูดของฮวาจูอวี้ตอนที่อยู่ในรถม้า “ถ้าท่านเสนาจี่ สนใจในตัวข้า คนตัดแขนเสื้อเช่นข้าก็ไม่รังเกียท่านเสนาจี่ … ” จี่เฟิงหลี่ ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมีความสามารถในการสร้างปัญหามากเช่นนี้
“หลานปิง เจ้าต้องไม่ปล่อยให้เขารอดพ้นสายตาของเจ้าไปได้ อย่าเปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรคนเดียว มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าจะอยู่เคียงข้างเขาในทุกคืนด้วย “ถงโจวพูดกับหลานปิงขึ้น
หลานปิงเปิดตาของเขากว้างขึ้น เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้เขาก็รีบโบกมือไปรอบ ๆ “ถ้าเจ้าต้องการให้ใครสักคนนอนกับเขา เจ้าก็นอนกับเขาเอง ข้าจะทำอย่างไรถ้าเขากลายเป็นสัตว์ร้ายในชั่วข้ามคืน? ”
“เจ้าจะกลัวอะไร? เขาสูญเสียสิ่งที่อยู่ด้านล่างนั่นไปแล้ว เขาจะทำอะไรได้? “ถงโจวหัวเราะเยาะหลานปิง
“นั่นไม่ใช่ความจริงเลย!” หลานปิงส่ายหัว “เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขายังคงมีมันอยู่ตรงนั่นหรือไม่?”
“เจ้าจะรู้ได้ทันทีเพียงแค่มองครั้งเดียว!” ถงโจว จ้องมองไปที่เขา
“เงียบ!” จี่เฟิงหลี่ พูดออกมาอย่างเย็นชา “ที่จวนได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เขาจะมีบีกและหลบหนีไปหรือ? หลานปิงเจ้าเพียงแค่ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นเท่านั้น” ทั้งหมดแม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เสียงของเขามีน้ำหนักและมีความรู้สึกเยือกเย็นมาก
ถงโจวและหลานปิง รีบปิดปากของพวกเขา พวกเขาไม่แน่ใจว่าทำไม เสนาจี่ จึงโกรธมากขนาดนี้ แต่พวกเขารู้ว่าควรจะเงียบและหลบไปอย่างไร
จี่เฟิงหลี่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ปล่อยให้สายลมตอนกลางคืนกระพือผ่านเสื้อคลุมของเขา สร้างเป็นเงาหมอกในแสงจันทร์ขึ้น