Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1864
ณ ตรงชายขอบของทุ่งยอดนภา เซียนสตรีขั้นวิบากดับสูญระดับต้นซึ่งมีเหล่าเซียนนับพันล้อมรอบได้ลืมตาขึ้นมา เข็มทิศมายาเบื้องหน้าของนางเผยให้เห็นชัดเจนว่าหวังหลินอยู่ที่ไหน
นางเคยเห็นจุดที่เป็นตัวแทนของหวังหลินหายวับและปรากฏขึ้นอีกครั้งห่างออกไปไกล นางจึงรายงานเหล่าเซียนที่กำลังไล่ล่าหวังหลินทันที
ตอนนี้เรื่องแบบเดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้นางเกิดความรู้สึกแย่ๆ ครั้งแรกยังพอรับได้แต่สองครั้งนั่นแปลว่าอาจจะมีครั้งที่สามหรือสี่ขึ้นมา ซึ่งทำให้การสังหารหวังหลินเป็นเรื่องยากยิ่ง!
‘เขาต้องมีสมบัติที่ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายพริบตาได้ ทั่วทั้งสำนักของเรามีแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นและในแคว้นมารเขียวไม่มีมากกว่าสามชิ้น แม้แต่ในแคว้นกระทิงสวรรค์ก็ไม่ได้มีมากนัก แต่คนผู้นี้ต้องมีสักหนึ่งชิ้น!’
ในสายตานางกำลังเกิดความหวาดกลัวเมื่อเห็นแสงที่เป็นตัวแทนของหวังหลินปรากฏขึ้นในกลุ่มสีเขียวและจากนั้นหายวับไปทันที เพียงไม่นานหวังหลินก็หายไปอีกครั้งและปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มสีเขียวอีกกลุ่มที่ห่างออกไปไกล!
‘ครั้งที่สาม!!’ นางเตือนเหล่าเซียนขั้นวิบากดับสูญทั้งหมดโดยไม่ลังเล
เวลานี้เกิดเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาตรงจุดที่หวังหลินอยู่ เซียนจากแคว้นมารเขียวมากกว่าสิบคนถูกห่อหุ้มด้วยสายหมอก ไม่นานนักเสียงกรีดร้องจึงเบาลง สายหมอกเปลี่ยนกลับมาเป็นหวังหลิน
หวังหลินใบหน้าแดงเล็กน้อยและไม่ซีดขาวอีกแล้ว ในการต่อสู้กับฉวี่เต๋อข่ายเขาบาดเจ็บสาหัสจนต้องใช้วิธีเดียวกันกับที่ใช้ในโลกถ้ำ คือการกลืนกินเซียนเพื่อฟื้นฟูพลัง
หลังจากกลืนกินไปสองกลุ่มในคราเดียว หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นมาและเลือนหายไป ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปไหม้ต่อจากนั้นกลุ่มเซียนจากแคว้นมารเขียวกลุ่มที่สามก็ตายและกลายเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูพลังให้หวังหลิน
ตอนนี้เหลือเพียงเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางสองคนและระดับต้นสองคนเท่านั้น! ทั้งสี่คนระมัดระวังตัวมากและไม่กระจายกำลังออกไป เซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางแต่ละคนจะอยู่กับระดับต้นอีกหนึ่งคนและมุ่งหน้าไปหาหวังหลิน
ทั้งหมดนี้หวังหลินสังเกตเห็น เขามองเข็มทิศและมีแววตาเป็นประกายเย็นเยียบ เป้าหมายของเขาคือเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นที่สามารถร่ายวิชาได้รวดเร็ว วิชานั่นทำให้หวังหลินสนใจ
ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มทอแสงและรุ่งอรุณกำลังมาถึง แต่สายฝนกลับรุนแรงจนพื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน
ระยะห่างออกไปจึงพร่ามัวเพราะฝนตก ได้ยินแต่เพียงเสียงสายฝนเท่านั้นที่ชัดเจนมากขึ้น
สายตาหวังหลินจดจ้องไปบนเข็มทิศอีกครั้ง จุดสีเขียวทั้งสี่จุดเข้ามาใกล้เขาจากสองทิศทาง หวังหลินมองดูอยู่นานและหาว่าจุดสีเขียวจุดใดเป็นเซียนขั้นวิบากดับสูญที่เขาต่อสู้ด้วยมาก่อน
“น่าเสียดาย เข็มทิศนี้…แต่ข้าเข้าใจโครงสร้างและเขตอาคมภายในเข็มทิศแล้ว ตราบใดที่มีวัตถุดิบ ข้าสามารถสร้างขึ้นได้อีกชิ้น” หวังหลินพึมพำจากนั้นยกแขนซ้าย ปรากฏเป็นวิญญาณดั้งเดิมดูซึมเซา
วิญญาณดั้งเดิมดวงนี้เขาได้มาจากทั้งสามกลุ่มที่ไล่ล่าเขา มันมีระดับบ่มเพาะที่พอเหมาะและไม่ได้เสียหายมากนัก
หวังหลินลบล้างเจตจำนงจากวิญญาณดั้งเดิมดวงนี้ไปแล้ว ที่เหลืออยู่เป็นเพียงร่างวิญญาณดั้งเดิมที่กำลังสับสน หวังหลินใช้แขนซ้ายเข้าไปบดขยี้วิญญาณดั้งเดิม แต่ก่อนที่มันจะสลายไป หวังหลินเติมเศษเสี้ยวสัมผัสวิญญาณของเขาลงไปก่อนจะวางไว้ในเข็มทิศ
เมื่อวิญญาณดั้งเดิมเข้าไปในเข็มทิศ มันจึงเปลี่ยนกลายเป็นควันและห่อหุ้มเข็มทิศเอาไว้ หวังหลินใช้แขนขวาโยนออกไป วิญญาณดั้งเดิมดูเหมือนเริ่มเผาไหม้และทะยานด้วยความเร็วสูงลิ่วก่อนจะเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
วิญญาณดั้งเดิมเข้าควบคุมเข็มทิศ มันกำลังเผาไหม้ตัวเองและทะยานไปยังสุดเขตแดนด้วยความเร็วสูง มันอาจจะไม่ได้นานพอ เพราะเมื่อวิญญาณดั้งเดิมเผาไหม้จนตัวเองมอดดับและตายลง เข็มทิศก็จะตกลงที่ไหนสักแห่ง
แต่ชั่วเวลาสั้นๆ แค่นี้มีก็มากพอให้หวังหลินแล้ว
ถึงแม้เข็มทิศจะไม่อยู่ในมือ การที่หวังหลินวางสัมผัสวิญญาณไว้บนเข็มทิศจึงทำให้เขารู้ว่าสี่คนที่กำลังไล่ล่าอยู่ตรงจุดไหน
ดุจดั่งจั๊กจั่นลอกคราบ หวังหลินเปลี่ยนจากเหยื่อกลายเป็นผู้ล่า!
ร่างกายกะพริบวูบวาบและออกไปจากที่นี่ ปรากฏตัวอีกครั้งบนทุ่งหญ้ายอดนภาอีกแห่งหนึ่ง เขานั่งลงและสัมผัสการเปลี่ยนแปลงบนเข็มทิศ หวังหลินมีแก่นแท้เพลิง ดังนั้นดินโคลนใต้ร่างเขาจึงแห้งในทันที
เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปในพริบตาเดียว ช่วงเวลาระหว่างนี้ระยะห่างระหว่างเซียนทั้งสี่คนมีการเปลี่ยนแปลง เป็นธรรมดาที่เซียนเฒ่าขั้นวิบากดับสูญระดับกลางไม่อยากใช้ความเร็วเพื่อรอคนอื่น เมื่อกำหนดทิศทางหวังหลินได้แล้วจึงนำหน้าและไล่ตามเข็มทิศของหวังหลิน
เซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นสองคนจึงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ระยะห่างระหว่างเซียนเฒ่าจึงกว้างขึ้น หวังหลินลืมตาเผยความเย็นเยียบ
เขาสัมผัสกับหน้าอก ในร่างกายมีหินมิติอยู่ เขายังสัมผัสได้ว่าหินก้อนนี้พิเศษมากแต่ยังไม่รู้วิธีใช้ที่แน่ชัด
ตอนที่อสูรโลกันตร์ปรากฏตัวออกมากลืนกินเต๋าแห่งสวรรค์ของคนอื่น หวังหลินเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาคิดคร่าวๆ ถึงวิธีการใช้หินก้อนนี้
‘มันสามารถทำให้อสูรโลกันตร์กลืนกินเพื่อเพิ่มพลังได้ แต่หินก้อนนี้มีมิติไร้ขอบเขต…พอผสานเข้ากับอสูรโลกันตร์จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขาอ้าปากและมีหินมิติลอยออกมา
หวังหลินถือเอาไว้ ขบคิดชั่วขณะ จากนั้นเกิดระลอกคลื่นใต้ฝ่าเท้าและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
มีเพียงหินมิติที่ตกลงบนพื้นและถูกซ่อนไว้ในพงหญ้า
ยามนี้หวังหลินปรากฏตัวขึ้นในหินมิติ เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาข้างในซึ่งมิติที่เขาเลือกคือหนึ่งในจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่แตกต่างจากโลกจริง มันไม่ได้ใหญ่มาก มีขนาดไม่กี่แสนลี้เท่านั้น
มีภูเขา แสง พื้นดินแต่ไม่มีน้ำ
ทุกอย่างที่นี่ขาดน้ำ ดูเหมือนจริงแต่ยังไม่สมบูรณ์
หวังหลินนั่งอยู่ในหินมิติ ดวงตาส่องสว่างขึ้นและมองไปรอบๆ จากนั้นสะบัดแขนขวาปรากฏร่มสีฟ้าขึ้นมา มันลอยขึ้นไปในอากาศและทับเป็นท้องฟ้าเบื้องบน
หวังหลินสะบัดแขนขวาอีกครั้งปรากฏน้ำเต้าที่วิญญาณเต๋าสามสิบล้านดวง มันผสานเข้ากับพื้นดินทำให้เกิดการสั่นไหวและมีกลิ่นอายแห่งความตายโผล่ออกมาจากพื้น
เพียงขบคิดอีกเล็กน้อย หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาปรากฏเป็นประทับสีทองที่ซวนลั่วมอบให้ หวังหลินมองประทับและเป่าลมหายใจใส่เข้าไป ประทับสีทองส่องประกายเจิดจ้า หวังหลินโยนมันขึ้นสู่ท้องฟ้า กลายเป็นดวงตะวัน
หลังจากเสร็จเรื่องทั้งหมด หวังหลินนำใบเรือหน้าผีที่เขาสร้างไว้ออกมา ใบเรือกระจัดกระจายและเปลี่ยนกลายเป็นก้อนเมฆ
ก้อนเมฆดูเรียบง่ายแต่กลับสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง
สิ่งสุดท้ายที่เขานำออกมาคือหุ่นเชิดเย่ซื่อและราชายุง เจ้าราชายุงเปลี่ยนขนาดของมันและหายวับเข้าไปในก้อนเมฆ
ส่วนหุ่นเชิดเย่ซื่อ มันผสานเข้ากับพื้นดิน กลิ่นอายจากวิญญาณเต๋าจากน้ำเต้าซ่อนเจ้าหุ่นเชิดเอาไว้
“โลกนี้ขาดเวรกรรม…” หวังหลินพึมพำพลางนั่งลง วังวนปรากฏขึ้นกลางหน้าผาก จากนั้นแก่นแท้เวรกรรมควบแน่นเป็นกระบี่ยาวและหายไปในโลกนี้
“รวมถึงชีวิตและความตาย จริงและเท็จ…” หวังหลินพึมพำ สองแก่นแท้ลอยออกมา ก่อเกิดเป็นกระบี่ยาวสองเล่มและเลือนหายไป
“รวมถึงการสังหารและเขตอาคม…” จิตสังหารปรากฏขึ้น ก้อนเมฆกลายเป็นสีดำ หิมะสีดำเริ่มตกลงมา เกล็ดหิมะแต่ละอันมีแก่นแท้เขตอาคมรวมอยู่ด้วย ไม่นานนักพื้นดินจึงปกคลุมไปด้วยหิมะสีดำบางๆ หนึ่งชั้น
“รวมถึงเพลิง สายฟ้า น้ำ…” หวังหลินสะบัดแขนและยืนขึ้น เปลวเพลิงโหมกระหน่ำในตาซ้าย สายฟ้ากะพริบในตาขวา ทะเลเพลิงก่อเกิดเป็นกระบี่ กระบี่ได้กลายเป็นภูเขาไฟ
สายฟ้าเปลี่ยนเป็นกระบี่เช่นกัน กระบี่เปลี่ยนกลายเป็นทะเลสายฟ้า! ทะเลนี้ไม่ได้สร้างขึ้นจากน้ำแต่สร้างขึ้นจากประกายสายฟ้ามากมาย!
หลังจากเสร็จเรื่อง หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและหายตัวไปจากที่นี่ แสงอ่อนๆ โผล่ขึ้นตรงจุดที่หินมิติตกลงไปในทุ่งยอดนภา หวังหลินปรากฏตัวออกมาและหยิบหินมิติ จากนั้นทอดสายตามองออกไป
พื้นที่การสังหารได้ถูกเตรียมไว้แล้ว ตอนนี้เขาแค่ต้องบดขยี้แต่ละคนด้วยกำลัง!
อ้างอิงจากสัมผัสวิญญาณที่เขาทิ้งไว้ เข็มทิศกำลังจะมอดดับ ด้านหลังเข็มทิศมีเซียนเฒ่าขั้นวิบากดับสูญระดับกลางสองคนกำลังไล่ตามทัน!
ด้านหลังเซียนเฒ่าทั้งสองห่างออกไปไกลมีเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นสองคนที่กำลังเร่งรีบเข้ามา
หวังหลินก้าวทะยานไปข้างหน้า เกิดระลอกคลื่นดังกึกก้องแต่เขาไม่ได้ผสานเพื่อจากไป เขายังคงรอคอยอยู่
หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ สามลมหายใจ…จนกระทั่งลมหายใจที่สิบเก้า หวังหลินจึงสัมผัสได้ชัดเจนว่าเข็มทิศพังทลาย วิญญาณดั้งเดิมข้างในแตกดับ ร่องรอยสัมผัสวิญญาณที่เขาทิ้งเอาไว้ก็ถูกทำลายไปด้วย
คล้ายกับได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวจากเศษเสี้ยวสัมผัสวิญญาณ
หวังหลินก้าวเท้าอย่างรุนแรงและเลือนหายไป