You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 168
GG:บทที่ 168 – คู่รักปีศาจ
ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว แต่ก็ยังมีคนอยู่ในร้านหม้อไฟเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนมีหลายคนที่จะหิวจนนอนไม่หลับเหมือนชิงหยา สังเกตได้จากว่าพวกเขาก็สวมใส่ชุดนอนมารับประทานอาหารเช่นเดียวกัน
เมื่อทั้งสี่คนเดินผ่านประตูร้านเข้าไปด้านใน พวกเขาก็กลายเป็นจุดสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะชิงหยูตงกับเย่จีจี้ที่คนนึงเป็นวัยรุ่นสาว ส่วนอีกคนยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ชุดกระโปรงผ้าไหมสีดำที่พวกเธอสวมใส่ ทำให้ใครหลายคนต้องมองเหลียวหลังเลยทีเดียว
ไม่ต้องพูดถึงว่าช่วงขาของชิงหยูตงเรียวยาวน่ามองขนาดไหน นอกจากนี้ ความน่ารักของเย่จีจี้ยังมีอานุภาพรุนแรงถึงชีวิต หลังจากนี้อีกไม่เกินสามปี เด็กหญิงตัวน้อยก็จะกลายเป็นเด็กสาวพราวเสน่ห์อย่างแน่นอน
ทั้งสี่คนเดินตรงไปยังบันไดที่ทอดนำไปสู่ชั้นสอง คราวก่อนที่ต้องนั่งรับประทานในห้องโถงรวมก็เพราะว่าชั้นบนไม่มีที่ว่างพอดี
“เอ๊ะ นั่นมันสองคนนั้นนี่” ชิงหยูตงพูดเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เมื่อเย่ฮัวและชิงหยาหันไปมอง ก็พบชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหาร พลางพูดคุยดื่มกินหัวเราะเฮฮา แต่ชายหนุ่มคนนี้คือคนที่ถูกทิ้งเมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือ? ส่วนฝ่ายหญิงก็เป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลร่ำรวย นี่เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่กี่วันหลังจากที่พวกเขาได้นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันเท่านั้น
หัวใจของชิงหยูตงรู้สึกคันยิบยับอย่างประหลาด ชิงหยาดึงน้องสาวให้ออกเดินต่อ ไม่ให้สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของผู้อื่น
ใบหน้าที่น่ารักน่าชังของเย่จีจี้ปรากฏความสงสัยขึ้นมาทันที
ในขณะที่เย่ฮัวและคนอื่นๆ กำลังรับประทานหม้อไฟ จิ่วเย่ก็มีแขกอยู่ที่โรงหมักไวน์ของเขา ไม่สิ ต้องพูดว่ามีเจ้านายอีกคนหนึ่งมาหาเขาต่างหาก…
คราวนี้ จิ่วเย่หมอบคํานับลงกับพื้น เบื้องหน้าของเขาเป็นมวลพลังงานสีดำกลุ่มใหญ่ ที่กำลังหมุนวนอยู่กับที่เหมือนพายุสลาตัน
“นายท่าน ผมได้ยินมาว่าท่านโจวเสียชีวิตแล้ว แต่สาเหตุการตายยังคงไม่มีใครทราบ” จิ่วเย่รายงานด้วยความเศร้า ถึงแม้เจ้านายของเขาคนหนึ่งจะตายไป แต่เขากลับมีเจ้านายเพิ่มขึ้นมาอีกเสียได้
มีเสียงพูดดังออกมาจากมวลพลังงานสีดำนั้น “ตายก็คือตาย ถึงข้าอยากจะให้เขาฆ่าคนได้มากกว่านี้ก็เถอะ”
จิ่วเย่รู้สึกได้ว่าเจ้านายคนที่เขากำลังพบอยู่นี้ ไม่สะดวกต่อการเปิดเผยตัวตน จึงมีความเป็นไปได้ว่าตัวตนจริงอาจเป็นคนมีชื่อเสียง
“วันพรุ่งนี้ไปที่ซานย่า จะมีคนบอกเจ้าเองว่าเจ้าควรทำอะไร”
“รับทราบครับ!”
หลังจากนั้น มวลพลังงานสีดำก็หายวับไป จิ่วเย่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอนหายใจ
คิดไปแล้วก็สงสารตัวเอง เจ้านายคนหนึ่งของเขาจากลาอย่างไม่มีวันกลับ แต่ตัวเขาเองก็ยังมีงานให้ทำล้นมืออยู่เช่นเดิม
จิ่วเย่หยิบสมาร์ทโฟนไทเทเนียมยี่ห้อ 8848 ออกมาเปิดแอปวีแชท ค้นหารายชื่อผู้ติดต่อและพิมพ์ข้อความลงไป
“นายครับ มวลพลังงานสีดำนั่น อยากให้ผมเดินทางไปซานย่าวันพรุ่งนี้” หลังจากกดส่งข้อความไปแล้ว จิ่วเย่ก็หยิบซิการ์ออกมาตัดหัว ก่อนจะนั่งเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ รอให้อีกฝ่ายตอบข้อความกลับมา
ติ๊ง
จิ่วเย่เปิดดูข้อความทันที
“ทำตามที่มันบอก แล้วรอฟังคำสั่งจากฉัน”
“รับทราบครับ!”
จิ่วเย่ยิ้มออกมาแล้ว เจ้านายของเขาเป็นพวกที่รับมือได้ไม่ยาก คนหัวดีอย่างจิ่วเย่จึงเอาตัวรอดได้เสมอ แต่เขาก็นึกสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าอีกไม่นานต่อจากนี้ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
…
ในสวนสาธารณะของเมืองหลงอัน เสาไฟฟ้าข้างถนนดับๆ ติดๆ มีเงาร่างสองเงานั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว เวลาที่เดินเข้าไปใกล้ๆ ก็จะได้ยินเสียงปืนระเบิดลูกกระสุนดังขึ้นไม่หยุด
เปรี้ยงๆๆ
ทั้งสองคนถูกไล่ออกมาจากห้องพักเพราะไม่จ่ายค่าเช่า จึงต้องมีอันมานอนอยู่ในสวนสาธารณะ พร้อมกับตั้งปณิธานว่าจะทำงานให้หนักขึ้น
ผู้วิเศษแห่งความตายและเจ้าสำนักฟ่างถือโทรศัพท์อยู่ในมือคนละเครื่อง ข้างกายของพวกเขาคือพาวเวอร์แบงก์ ทั้งสองคนกำลังกดนิ้วบนหน้าจออย่างเอาเป็นเอาตาย คล้ายกับว่าโทรศัพท์มือถือในมือเป็นศัตรูอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นเอง หน้าจอโทรศัพท์มือถือของผู้วิเศษแห่งความตายแสดงข้อความแจ้งเตือนว่าแบตเตอรี่อ่อน ผู้วิเศษแห่งความตายหยิบพาวเวอร์แบงก์ของตนเองขึ้นมาดูทันที และพบว่าพาวเวอร์แบงก์ก็แบตหมดเช่นกัน
เขารีบส่งข้อความวีแชทไปหาเจ้าสำนักฟ่าง
หลังจากที่อ่านข้อความของผู้วิเศษแห่งความตายแล้ว เจ้าสำนักฟ่างก็หัวเราะเยาะ อยากจะชาร์จแบตโทรศัพท์งั้นเหรอ ไปลงนรกซะ!
เธออุตส่าห์โกหกตัวเองว่านี่คือโชคชะตาของชีวิต แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายต้องมานอนข้างถนนอย่างนี้!
มิหนำซ้ำ เจ้าสารเลวนี่ก็นำเงินค่าเช่าห้องของเธอไปใช้หมดแล้วด้วย
เจ้าสำนักฟ่างพิมพ์ตอบกลับไปว่า : จ่ายเงินคืนมาก่อนสิ!
ผู้วิเศษแห่งความตายพิมพ์ตอบกลับไปทันที : ถ้าเจ้าไม่เอาพาวเวอร์แบงก์มาให้ข้า แล้วข้าจะทำงานได้อย่างไร? ถ้าข้าไม่ได้ทำงาน เจ้าก็ไม่ได้เงินคืน
ดูเหมือนนี่จะเป็นเหตุผลที่ดีทีเดียว แต่เจ้าสำนักฟ่างไม่ใช่ตัวโง่งม เธอกอดพาวเวอร์แบงก์เอาไว้แน่นในอ้อมแขน หลังจากพิมพ์ตอบกลับไป :จ่ายเงินคืนมา เอาชีวิตของฉันคืนมา แล้วก็คืนความบริสุทธิ์ของฉันมาด้วย!
ผู้วิเศษแห่งความตายตอบกลับ : อย่าบังคับให้ข้าต้องทำรุนแรง!
เจ้าสำนักฟ่างไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย : ลองดูสิ!
ผู้วิเศษแห่งความตายวางโทรศัพท์มือถือและพาวเวอร์แบงก์ที่แบตหมดลงไว้ข้างตัว ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปกดเจ้าสำนักฟ่างเอนราบไปกับม้านั่งตัวยาว ภาพจึงออกมา…เหมือนคู่รักกำลังพลอดรักกันอยู่
“ไอ้โครงกระดูกผี ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คนชั่ว ฉันเจ็บนะ!” เจ้าสำนักฟ่างยันมือเข้ากับกระดูกสันอกของผู้วิเศษแห่งความตาย แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะสู้แรงฝ่ายตรงข้าม ที่เป็นผู้วิเศษแห่งความตายได้อย่างไร
“เคี๊ยะๆๆ”
“นี่!”
จะให้หรือไม่ให้!
ถึงแม้เจ้าสำนักฟ่างจะไม่เข้าใจว่าผู้วิเศษแห่งความตายพูดอะไรอยู่ แต่เธอก็พอจะรับรู้ความหมายได้ไม่ยาก “ไม่! อย่ามายุ่งกับฉัน!”
ผู้วิเศษแห่งความตายเอื้อมมือออกมาจะหยิบพาวเวอร์แบงก์ แต่ดูเหมือนจะหยิบผิดไปเล็กน้อย
ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดชะงักไปชั่วครู่
ผู้วิเศษแห่งความตายรู้สึกได้ว่าในมือของเขาเป็นก้อนเนื้อเด้งดี๋ง จึงลองบีบดูอีกทีให้แน่ใจ
เจ้าสำนักฟ่างเบิกตาโตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ นี่เธอกำลังถูกโครงกระดูกผีลวนลามอยู่ใช่ไหมเนี่ย
“ไอ้โครงกระดูกหน้าไม่อาย วันนี้ฉันจะฆ่าแก!”
เจ้าสำนักฟ่างพลิกตัวผลักผู้วิเศษแห่งความตายตกจากม้านั่ง ผู้วิเศษแห่งความตายตอบโต้อย่างรวดเร็ว ด้วยการยื่นมือออกไปหาเธออีกครั้ง
สีหน้าของเจ้าสำนักฟ่างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อเห็นว่ามือของอีกฝ่ายหนึ่งกำลังบีบจับหน้าอกของเธออยู่
“หยุดก่อน! ในค่ำคืนที่มืดมิด สายลมพัดแรง ชายหญิงต่างเสาะแสวงหาความลุ่มหลง อันตัวข้าคงทำได้เพียง ช่วยเหลือบุรุษผู้บริสุทธิ์คนนี้เท่านั้น” ชายหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองผู้หนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ บนแผ่นหลังของเขาสะพายดาบมาเล่มหนึ่ง และในมือก็มีผ้ายันต์อีกหนึ่งแผ่น
เขานำผ้ายันต์แผ่นนั้น แปะเข้ากับหน้าผากของเจ้าสำนักฟ่างทันที
เจ้าสำนักฟ่างตัวสั่นสะท้านด้วยความรุนแรง ลักษณะกำลังเดือดดาลอยู่ไม่น้อย
แต่โชคร้ายที่เธอไม่ได้ตัวแข็งทื่ออย่างที่อีกฝ่ายคิดเอาไว้
ชายหนุ่มเสื้อคลุมเหลืองยืนจ้องมองเจ้าสำนักฟ่างดึงผ้ายันต์ออกจากหน้าผากมาฉีกทิ้งหน้าตาเฉย เขาถึงกับพูดออกมาด้วยความตกตะลึงว่า “เหลือเชื่อ! แต่มันต้องมีทางอื่นสิที่จะจัดการเจ้าได้”
“แกพูดบ้าบออะไรเนี่ย!” เจ้าสำนักฟ่างกรีดร้องออกมาเสียงดัง รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างกาย
ผู้วิเศษแห่งความตายที่นั่งอยู่บนพื้น แอบเอื้อมมือหยิบพาวเวอร์แบงก์ของเจ้าสำนักฟ่าง มาเสียงเข้ากับโทรศัพท์มือถือของเขาเงียบๆ แล้วเสียงยิงปืนก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง เปรี้ยงๆๆ…
ชายหนุ่มเสื้อคลุมเหลืองไม่คิดเลยว่า วิญญาณร้ายตนนี้จะมีพลังแก่กล้าจนไม่กลัวผ้ายันต์ของเขา ทำให้ต้องชักดาบออกมาจากแผ่นหลัง อย่างน้อยเขาก็อยู่ในแวดวงคนจับผี จะมาพ่ายแพ้ให้กับวิญญาณข้างถนนก็ให้รู้ไป
ควับ
“เจ้าผีร้าย จงยอมแพ้ซะดีๆ…”
เจ้าสำนักฟ่างเดือดดาลถึงขีดสุด นอกจากทุกคนจะเข้าใจว่าเธอมีความสัมพันธ์กับเจ้าโครงกระดูกผีกันไปหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่นักพรตคนนี้ ก็ยังเข้าใจว่าเธอจะทำร้ายเจ้าโครงกระดูกนั่นอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโหจริงๆ!
“ฉันจะฆ่าแก!” เจ้าสำนักฟ่างคำรามออกมาอย่างดุร้าย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นักพรตหนุ่มจะเข้าใจว่าเธอเป็นวิญญาณร้ายคอยรังแกผู้อื่น
ชายหนุ่มเสื้อคลุมเหลืองจ้องมองเจ้าสำนักฟ่างด้วยแววตาอำมหิตไม่แพ้กัน การจะเข้าสู่แวดวงคนจับผีไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่เก่งจริง เขาก็คงเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีแรกแล้ว
แต่ผ่านไปอีกอึดใจใหญ่ นักพรตหนุ่มไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด หรือว่าแท้จริงแล้วความตายไม่มีความเจ็บปวด?
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะฆ่าไอ้นักพรตปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ซะ!”
ในขณะนี้ ผู้วิเศษแห่งความตายกำลังโอบแขนกอดรอบเอวของเจ้าสำนักฟ่าง ซึ่งพยายามจะพุ่งเข้าใส่นักพรตหนุ่มด้วยความโกรธแค้นเกินพิกัด
นักพรตหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างเชื่องช้า แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบใบหน้าของผู้วิเศษแห่งความตาย นักพรตหนุ่มถึงกับเบิกตาโตขึ้นทันที
“พวกเจ้า…พวกเจ้าคือคู่รักปีศาจ!”