You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 191
บทที่ 191 การตัดสินใจ 1 วินาที!
ฟ่างนั้นหงุดหงิดนิดหน่อย ผู้วิเศษแห่งความตายผู้มีร่างเป็นกระดูกนั้นยืนขึ้นท้ายสุด
ไม่ คนที่ท้ายสุดน่ะมันเธอต่างหาก!
เป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้นะ คนๆนั้น…
เย่ฮั่วดีดก้นบุหรี่ในมือออกไป และทันใดนั้นมันก็กลายเป็นหลุมเวทย์มนต์ขนาดใหญ่พอที่คนทั้งหมดจะเดินเข้าไปได้
ทั้ง 9 เดินเข้าไปในหลุมเวทย์มนต์ที่สร้างนั้น และนั่นทำให้ทะเลกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
ฝั่งตระกูลหยิง
หยิงจิงชาน มองไปยังพายุฝุ่นที่ไม่ยอมตายก่อนจะอ้วกออกมา “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงเนี่ย?”
หยิงเจียงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “711 คนตาย อีก 2732 คนบาดเจ็บ”
“เห้ย!?” หยิงจิงชานไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาเผลอสบถออกมาเสียงดัง ตระกูลหยิงนั้นมีคนประมาณ 10,000 คน ซึ่งนั่นรวมไปถึงพวกพ่อบ้านแม่บ้านด้วย
การที่สูญเสียสมาชิกไปถึง 711 คนในวันเดียว นั่นนับว่าเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวงมากๆ
แล้วไหนจะคนเจ็บอีกกว่า 2,000 คนนั่นอีก นี่มันลางร้ายชัดๆ เรากำลังเจอกับพวกสัตว์ร้ายของโลกโบราณหรือไงน่ะ? ทำไมพวกมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!
มองไปยังแม่น้ำที่กว้างใหญ่ หยิงจิงชานพูดอย่างจริงจังขึ้นมา “เป็นที่ที่ดีสำหรับการตายซะจริง บาดแผลน่ะรีบทำให้หายให้เร็วที่สุด ส่วนงานก่อสร้างก็ดูแลไปพร้อมๆกันด้วย พวกที่เหลือ ตามข้ามา เราจะต้องผนึกพายุฝุ่นให้ได้!”
“ครับ!” หยิงเจียงตอบรับ
ในขณะที่เขาไม่รู้จะต้องทำอะไรก่อนหลังเพราะมันวุ่นวายไปหมด ฟากฟ้ายามราตรีก็เกิดเป็นวงแสงขึ้นมา มันโดดเด่นเสียจนทุกคนต้องแหงนหน้าไปดู
พวกตระกูลหยิงตกใจมากๆ พวกเขาตื่นตัวและถือเทพบรรพกาลกันไว้แน่น
หลุมเวทย์เปิดขึ้นและแตกออกมาราวกับแก้วก่อนจะปล่อยให้คนทั้ง 9 เดินออกมาจากด้านในราวกับไม่มีอะไร
ชายที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้นดูท่าจะเป็นหัวหน้า พวกเขาดูเหมือนจะอยู่ในงานเฉลิมฉลอง ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะผ่านงานแต่งมาเหรอ?
รอยแตกของหลุมเวทย์นั้นค่อยๆหายไปช้าๆ
มองไปยังทั้ง 9 คนที่ออกมาจากหลุมดังกล่าว พวกหยิงพูดอะไรไม่ออก
พวกเขาสามารถเปิดปิดประตูมิติได้ราวกับเป็นเรื่องง่ายแถมยังเข้ามายังที่แห่งนี้ได้อีก เป็นไปได้ยังไงกัน!
“พวกเจ้ากล้าดียังไงกันน่ะ!” ทหารที่สวมชุดเกราะอยู่ตะโกนถามแต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบร่างนั้นก็กลายเป็นกองเลือดไปในทันที
เหล่าตระกูลหยิงนี้ช่างโง่เง่ายิ่งนัก ทหารนี่เพิ่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างให้พายุฝุ่นแข็งแกร่งขึ้นไปอีกแบบสดๆร้อนๆเลย เป็นความสามารถที่สามารถเข้าใจได้แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะถึงขั้นฆ่าคนๆนหนึ่งได้ง่ายขนาดนี้
และคนที่ทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนๆนั้นยืนอยู่ท้ายสุดของขบวน เจ้าผ้าคลุมดำที่มาพร้อมเคียว!
ใช่แล้ว! มันเป็นฝีมือของผู้วิเศษแห่งความตายเนี่ยแหละ! ดูนั่น มันยกมือยอมรับแล้ว!!
ตระกูลหยิงนั่นได้แต่นิ่งเงียบ พวกเขารู้สึกว่าคนพวกนี้แหละที่น่าจะเป็นตัวอันตรายมากกว่าพายุฝุ่นเสียอีก!
ชิงยูตงและเย่จีจี้ที่อยู่ด้านล่างนั้นมองขึ้นมา
“อ่า ท่านราชานี่เจ๋งจริงๆ”
“พี่เขยน่ะไม่ใช่ราชาซักหน่อย”
อารมณ์ของหยิงเจียงนั้นแปรปรวนสุดๆ เขาจับเทพบรรพกาลของตนไว้แน่นก่อนจะทะยานเข้าหาเย่ฮั่ว แต่กระนั้นเย่ฮั่วก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาแถมยังสูบบุหรี่ต่อไปแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย
“ข้าจะเขมือบทุกอย่างด้วยมีดนี่เลย!!”
ในมือของหนึ่งในตระกูลหยิง เทพบรรพกาลนั้นเปล่งแสงสีทองสว่างว่าบออกมาจนฟ้ายามค่ำคืนกลายสภาพเป็นเหมือนกลางวันแสกๆ มีดพยัฆค์เล่มนั้นดูท่าว่าพร้อมจะเขมือบทุกอย่างตามที่เจ้าของมันกล่าวไว้แล้วแล้ว
และการกระทำนั้นอยู่ในความดูแลของผู้วิเศษแห่งความตาย เขาเพียงแค่ยกมือที่เป็นกระดูกรับมันไว้เท่านั้น
ตู้ม!!
การระเบิดที่ยิ่งใหญ่นั้นทำให้ตระกูลหยิงที่อยู่บริเวณเหล่านั้นกลายเป็นผงเลือดกระจายออกไป และเทพบรรกาลก็ตกจากฟากฟ้ามาสู่ดินเพราะไร้เจ้าของ
เคร้ง!
เกาะทั้งเกาะสั่นสะเทือน แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของเทพบรรพกาลชิ้นนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม…
คนทั้ง 9 ก็ยังคงไม่ลงมาจากบนอากาศ เช่นเดียวกับเทพบรรกาลชิ้นนั้น มันก็ไม่ได้ต่างกับไก่ร้อนๆในสายตาพวกเขาเสียเท่าไหร่
คนที่อยู่ด้านหลังสุดของทั้ง 9 คนนั่นคือ ผู้วิเศษแห่งความตาย ทุกๆคนต่างอยู่ในอาการตกตลึง ถ้าคนที่อยู่ลำดับที่สองนับจากหน้าสุดเป็นคนทำเมื่อครู่ก็คงจะพอยอมรับได้ หากแต่นี่เป็นฝีมือของคนที่อยู่ท้ายสุด! แถมคนที่โดนยังเป็นผู้ใช้เทพบรรพกาลแห่งตระกูลหยิงด้วย! นี่มันรับไม่ได้แบบสุดๆเลย!
หยิงจิงชานและกลุ่มอิสระไม่มีใครกล้าที่จะเปิดการโจมตีอีกครั้ง คนอื่นๆเองก็เช่นกัน การที่คนที่อยู่ท้ายสุดยังสามารถทำได้ขนาดนี้ คนที่อยู่หน้าสุดจะทำได้ขนาดไหน!
เย่ฮั่วพ่นควันบุหรี่ออกมา ควันเหล่านั้นลอยตรงไปหาพวกซากที่อยู่บนพื้นก่อนจะซึมเข้าไปตามร่างกาย
ร่างของมันที่ควรจะตายไปแล้วส่งกลิ่นเหม็นและปล่อยควันออกมา ขาที่ไม่ควรจะขยับได้แล้วค่อยๆสั่นและท้ายสุดร่างนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที
เห้ย!?
พายุฝุ่นฟื้นขึ้ร ก่อนที่จะเริ่มเดินไปหาเย่ฮั่ว
ตระกูลหยิงในเวลานี้หัวใจเหมือนโดนจับขัง เหล่าสมาชิกที่ยอมเอาตัวเข้าแลกจนบาดเจ็บและล้มตายไปนั้นทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของเจ้าพายุฝุ่นนี่ แต่พอกลุ่มอื่นเข้ามามันก็ถูกปลุกขึ้นมาใหม่ซะงั้น!!
นี่คนพวกนี้เป็นมนุษย์จริงๆเหรอ!?
เย่ฮั่วยกแขนขึ้น
ผิวน้ำอันเป็นผิวน้ำทะเลเริ่มที่จะเดือดก่อนจะยกตัวสูงและก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างไม่ว่าจะเป็น แขน ขา สะโพก ลำตัว และหัว!
ยักษ์วารีทั้ง 8 นั้นยืนล้อมรอบเกาะแห่งนั้นและจ้องมองลงมายังเหล่าตระกูลหยิง พวกมันน่ากลัวจนขนาดพายุฝุ่นยังตัวสั่น ต่อหน้ายักวารีเหล่านั้น พวกเขาก็เหมือนหมูป่าที่ทำได้แค่มองขึ้นไปราวกับหวนหาพระเจ้า
นี่มันยิ่งกว่าพายุฝุ่นอีก พวกเขาเริมจะขาสั่นกันแล้ว ความแข็งแกร่งที่มีมาทั้งหมดมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของคนเหล่านี้ บางคนเองก็ถึงกับทรุดนั่งลงไปกับพื้น
และ หยิง คังชีก็ได้สลบไปแล้ว
แต่นี่มันยังไม่จบหรอก
ภายใต้เย่ฮั่ว ผืนทะเลยกตัวสูงขึ้นมาและกลายสภาพเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งที่มีลักษณะเป็นฐานเพื่อรองรับให้ทั้ง 9 คนลงมายืนบนนั้น
และตรงกลางของมันก็มีบัลลังค์น้ำแข็งตั้งไว้อยู่ เย่ฮั่วค่อยๆลงไปนั่งช้าๆและหยิบบุหรี่มาเคาะบนมือ “สองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่งั้นเหรอ!?”
ตระกูลหยิงไม่เข้าใจว่าเขาตั้งใจจะหมายถึงอะไร อะไรคือทั้งสองที่ว่า?
ชิงหยาและเย่จีจี้นั้นยังซ่อนตัวอยู่ พวกเธอถอนหายใจแต่ก็ยังจับก้นกันเอาไว้…
หยิงจิงชานเห็นเงาดำที่ลอยออกมาทั้งสอง และเมื่อทั้งสองปรากฏตัว พวกเขาทั้งหมดก็สำลักอากาศกันเป็นแถบ เงาดำพวกนั้นก็คือพวกเธอ!!
กลุ่มผู้ที่ได้เห็นชิงยูตงและเย่จีจี้นั้นแสดงท่าทีไม่ดีออกมา ราวกับอกพวกเขาจะแยกออก
ตระกูลหยิงนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเธอนั้นมาปั่นจนพวกเขาต้องลมตายเป็นจำนวนมาก!
พวกเธอเข้าไปยังแท่นน้ำแข็งที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมานั้น โดยเย่จีจี้โค้งหัวให้ก่อนจะไปยืนถัดจากเว่ยจางและคนอื่นราวกับเด็กสาวที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
ชิงยูตงไม่รู้จะยืนตรงไหน และไม่รู้ด้วยว่าถ้ากระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของพี่เขย พวกเขาจะมีท่าทีอย่างไรกัน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงได้แค่ความคิด เพราะฉากที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ถ้าทำอะไรเปิ่นๆคงจะไม่ได้ ถ้างั้นแล้วจะไปยืนไหนดีล่ะ? ข้างหลังไหม?
“ยูตง มายืนข้างๆเทวทูตนี่” เย่ฮั่วพูดแบบไม่ใส่ใจอะไรมาก แต่ก็ยังดีกว่าคนอื่นหน่อยเพราะเธอเป็นน้องสะใภ้เขา และตรงด้านหน้าเขานั้น มีไว้ให้ชิงหยาคนเดียวเท่านั้น
ชิงหยานั้นดีอกดีใจมากๆ พี่เขยของเธอนั้นดีที่สุดเลย ใจจริงอยากจะเข้าไปจูบเข้าไปหอมซะเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างงั้น ถ้าทำไปคงได้มองหน้ากันไม่ติดแน่ เพราะงั้นต้องรักษาสเถียรภาพทางสถานะไว้ก่อน
เมื่อยืนอยู่ด้านข้างผู้เป็นพี่เขยแล้ว ชิงยูตงก็มองลงไปยังเกาะเล็กๆตรงหน้าเธอ ยักษ์วารีนั้นยืนห้อมล้อมไว้ราวกับกำแพงยักษ์และมีพายุฝุ่นตัวจ้อยวิ่งไปวิ่งมาเหมือนลูกหนู เป็นอะไรที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยแฮะ
ฉันมองเห็นเว่ยจางขยับออกไปเล็กน้อย ก่อนจะตะโกนด้วยเสียงต่ำๆ “เฮ้”
และเช่นกัน เหล่ายักษ์พวกนั้นก็ตะโกนแบบเขาด้วย “เฮ้”
ขุมพลังมหาศาลถูกปลักดันออกมาจนเหล่าตระกูลหยิงทั้งหลายรู้สึกเสียวสันหลังวาบ และด้วยเสียงตะโกนนั้น มันทำให้พวกที่บินอยู่ในอากาศตกลงมาบนพื้นด้วย
ตัวต่อตัว เหล่าตระกูลหยิงทั้งหมดนั้นก้มหมอบลงไปบนพื้นดินเช่นเดียวกับผู้อาวุโสประจำตระกูลนั่นแหละ ยอมแพ้กันแล้วเหรอ!
ปุ่!
ในปากนั้นเต็มไปด้วยเลือด และเข่าก็คุกหมอบลงไปบนดิน
มองภาพตรงหน้าที่เหล่าตระกูลชิงกำลังหมอบกับพื้น เย่ฮั่วก็พูดออกไปอย่างแผ่วเบา “ณ วันนี้เทวทูตมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว เพราะงั้นก็จะมอบเส้นทางชีวิตกับพวกนายอีกครั้ง!”
“แต่แน่นอนว่า ฉันไม่ได้ใจดี เพราะงั้นถึงบอกจะให้ทางเลือกแต่ก็ให้ตัดสินใจกันแค่ 1 วินาทีเท่านั้นนะ!”