ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่356 ไม่ไป
เช้าวันรุ่งขึ้นสวีเซวียนวิ่งมาหานางแต่เช้า
อวี้ถังกําลังช่วยเผยเยี่ยนแต่งตัวเพื่อจะออกไปข้างนอก ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ถามสาว
ใช้ที่มารายงานว่า “นายหญิงอินได้บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องด่วนอะไร?”
สาวใช้ส่ายหน้าตอบว่า “นายหญิงอินไม่ได้บอกเจ้าค่ะ”
อวี้ถังสั่งสาวใช้ให้พาสวีเซวียนไปนั่งรอที่โถงบุปผาก่อน จากนั้นก็ช่วยเผยเยี่ยนแต่งตัว
ต่อ
เผยเยี่ยนร้องหึอย่างไม่คิดเก็บอารมณ์ “วันนี้ช่วงบ่ายข้าจะกลับมาเร็วหน่อย จะได้ไป
เดินตลาดเป็นเพื่อนเจ้า”
วันตวนอูในเมืองหลวงมีแข่งเรือมังกร เขาตั้งใจจะไปดูการแข่งเรือเป็นเพื่อนอวี้ถัง วันนี้
จึงไปบอกกล่าวกับสกุลจางล่วงหน้า ว่าวันตวนอู่จะไม่ไปคารวะผู้เฒ่าจางแล้ว
อวี้ถังคิดถึงภาพเมื่อคืนตอนที่เผยเยี่ยนบ่นนางว่าติดนิสัยเสียมาจากสวีเซวียน แต่
เพราะคํานึงถึงเส้นตายของเผยเยี่ยน นางได้แต่ข่มอารมณ์ไว้ แล้วตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ว่า “ข้ารู้แล้ว! ข้าจะเตรียมตัวล่วงหน้าเจ้าค่ะ”
เผยเยี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ แต่ตอนออกไปก็เจอสวีเซวียนเข้าพอดี เขาดึงหน้าตึง
แล้วเดินผ่านไหล่สวีเซวียนไป
สวีเซวียนมองตามแผ่นหลังของเผยเยี่ยนด้วยความมึนงง แล้วหันมามองหน้าอวี้ถังว่า
“เขาเป็นอะไรน่ะ? พวกเจ้าทะเลาะกันรึ?” เสียงยังไม่ทันจบดี นางก็เอ่ยค้านขึ้นเองว่า “ไม่สิ พวก
เจ้าไม่น่าจะทะเลาะกัน คนอย่างเผยสยากวง ถ้าทะเลาะกับเจ้า คงต้องระเบิดลงไปแล้ว ท่าทาง
ของเขา ไม่คล้ายคนกําลังโกรธ แต่เหมือนไม่พอใจข้ามากกว่า ข้าไปทําอะไรให้เขาอีกล่ะ?”
หลังจากนั้น นางก็เริ่มนินทาเผยเยี่ยนให้อวี้ถังฟัง “ข้าไม่ได้จะว่าเผยสยากวงของเจ้าหรอกนะ
2833
แต่อารมณ์เขาน่ะ ร้ายเสียเหลือเกิน มีแต่เจ้าที่ใจเย็นถึงทนอยู่กับเขาได้ ข้าว่าถ้าเขายังทําตัว
แบบนี้ไม่เลิก เจ้ามิสู้ทิ้งเขาไว้ที่เมืองหลวงคนเดียวดีกว่า…”
อวี้ถังหลุดหัวเราะพรืด รับลูกผีผาที่ล้างสะอาดแล้วมาจากมือของสาวใช้ “เจ้าลองชิมสิ
วันก่อนเพิ่งจะส่งมาจากฝูเจี้ยน”
ลูกผีผาสีเหลืองทองช่วยให้สวีเซวียนเจริญอาหาร จนลืมสีหน้ามึนตึงของเผยเยี่ยนไป
อวี้ถังถามนางว่า “ทําไมเจ้ามาแต่เช้า มีเรื่องอะไรด่วนรึ?”
สวีเซวียนกลืนผีผาในปาก “มีเรื่องจริงๆ นั่นแหละ”
อวี้ถังล้างหูรอฟัง
สวีเซวียนเอ่ยว่า “เมื่อคืนข้าช่วยเจ้าถามอินหมิงหย่วนแล้ว ได้ยินว่าคุณชายฉินคนนั้น
ไม่ว่ารูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอหรือวิชาความรู้ล้วนแต่ไม่เลวทั้งสิ้น หากว่าดองกัน นับว่าเป็น
ตัวเลือกที่ดีเลย แต่ข้ากลัวจะผิดพลาด เลยให้อินหมิงหย่วนไปสืบอย่างละเอียดอีกรอบ ทั้งยังไป
ถามพี่สะใภ้สกุลฝั่งมารดาของข้าด้วย นางชอบตระเวนเยี่ยมเยือนผู้อื่นไปทั่ว เรื่องของสกุลฉิน
นางต้องเคยได้ยินมาแน่”
นี่นับว่าช่วยสกุลเผยได้มากทีเดียว
อวี้ถังซาบซึ้งใจนัก ตัดสินว่าหลังจากข่าวของสวีเซวียนสืบได้แน่ชัดแล้ว ค่อยเชิญนาย
หญิงรองมาพูดคุยเพื่อขอบคุณสวีเซวียนสักครั้ง
หัวข้อสนทนาของทั้งคู่วนไปถึงเรื่องของเฟ่ ยจื้อเหวินอย่างไม่รู้ตัว
สวีเซวียนบอกอวี้ถังว่า “นายหญิงผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ยจะมาถึงเมืองหลวงในสองวันนี้
มากกว่าครึ่งคงเกี่ยวกับงานแต่งของเฟ่ ยจื้อเหวินแน่ สกุลเจ้าจะดองกับสกุลฉินหรือไม่ ต้อง
ตัดสินใจให้ชัดได้แล้ว”
2834
เช่นสกุลใหญ่อย่างพวกนาง บางครั้งการที่เด็กโดดเด่นมีความสามารถก็ใช่ว่าจะ
กําหนดเรื่องงานแต่งได้ ยังต้องดูจุดยืนทางการเมืองของคนรุ่นบิดาอีกด้วย
อวี้ถังเอ่ยยิ้มๆ “เช่นนั้นก็รอให้งานแต่งของสกุลเฟ่ ยกับสกุลฉินกําหนดเรียบร้อยก่อน
แล้วค่อยว่ากัน”
สวีเซวียนทําท่าสนใจ จากนั้นก็เล่าเรื่องซุบซิบต่างๆ ในเมืองหลวงให้อวี้ถังฟัง แล้วนัด
แนะให้สองสกุลไปดูแข่งเรือมังกรด้วยกัน
อวี้ถังก้มดูท้องโตๆ ของนาง เอ่ยอย่างลังเลว่า “เจ้าจะไปทั้งอย่างนี้น่ะรึ?”
“ไอหยา ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ” สวีเซวียนโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องแบบนี้
ข้ามอบให้เป็นหน้าที่ของอินหมิงหย่วน”
จะว่าไปแล้ว อินหมิงหย่วนก็มีนิสัยอ่อนโยนจริงๆ
พอถึงช่วงบ่าย เผยเยี่ยนก็กลับมาก่อนเวลาตามที่บอก สวีเซวียนเองก็รู้มารยาท ลุกขึ้น
เตรียมกลับเรือนเช่นกัน
อวี้ถังรู้สึกผิดต่อสวีเซวียน บอกคนจัดตระกร้าอิงเถาใบใหญ่ให้สวีเซวียนถือกลับไปด้วย
สวีเซวียนบอกปฏิเสธ “ข้าถือกลับไปก็ไม่ได้กินอยู่ดี ถ้าเจ้าอยากช่วยข้าจริงๆ ก็ให้ข้า
ฝากผลอิงเถาไว้ที่นี่ ทุกครั้งที่ข้ามาหาเจ้าก็ให้สาวใช้ล้างออกมาจานหนึ่ง”
อวี้ถังเห็นนางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จึงได้แต่ตอบตกลงไป
เผยเยี่ยนเอ่ยประชดประชัดอยู่ข้างๆ ว่า “มิใช่ว่ามีอินหมิงหย่วนรึ? ถ้าแค่เจ้าอยากกิน
อิงเถาไม่กี่ลูกยังจัดการไม่ได้ แล้วจะเป็นสามีที่ดีได้อย่างไร” จากนั้นก็หันไปสั่งเด็กรับใช้ว่า
“ช่วยนายหญิงอินยกไปไว้บนรถ!” แล้วก็เอ่ยต่อว่า “เจ้าวางใจเถอะ เจ้ามาเรือนข้า อยากกินอิง
เถาเท่าไรก็มีให้กินเท่านั้น ข้ารับรองจะไม่ให้เจ้าได้หยุดปากเลย”
ฟังเขาพูดเข้า
2835
สวีเซวียนได้ยินก็ไม่พอใจ “เจ้าจะบอกว่าอินหมิงหย่วนบ้านข้าสู้เจ้ามิได้อย่างนั้นรึ? เจ้า
ก็แค่โชคดีที่อาถังของข้าเป็นคนใจเย็นเท่านั้นล่ะ”
สายตาของเผยเยี่ยนเย็นเยือกเป็นนํ้าแข็งทันที
สวีเซวียนแหงนหน้าแสยะยิ้ม “ข้าไม่อยากทําให้อาถังต้องลําบากใจหรอก”
ความหมายก็คือ หากเจ้ายังกล้าเอาแต่ใจแบบนี้ ก็เป็นเพราะไม่เห็นอวี้ถังอยู่ในสายตา
เผยเยี่ยนเดือดดาลจนหน้าเขียวคลํ้าไปหมด
สวีเซวียนบีบมืออวี้ถังเบาๆ แล้วกระซิบขอโทษว่า “ข้าทนมองคนอย่างนี้ไม่ไหว ได้แต่
ขอร้องให้เจ้าออกหน้าไปง้องอนเขาเองก็แล้วกัน” จากนั้นคนก็เผ่นแน่บหายไป
อวี้ถังหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ปลอบใจเผยเยี่ยนว่า “นางก็แค่หวังดี ท่านก็คิดเสียว่า
นางเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”
เผยเยี่ยนตอบว่า “หากนางเป็นแค่เด็ก ยังสามารถพูดจาเหลวไหลให้เจ้าฟังทุกวันได้อยู่
รึ?”
อวี้ถังหัวเราะ “มิใช่บอกว่าตบมือข้างเดียวไม่ดังหรือเจ้าคะ? ข้าเองก็ชอบฟังเรื่องที่นาง
เล่าเหมือนกันนี่นา!”
เผยเยี่ยนหน้างอไปใหญ่
อวี้ถังได้แต่ง้องอนเขาต่อ “ท่านจะไปเดินตลาดเล่นเป็นเพื่อนข้ามิใช่หรือ? ถ้าพวกเรา
ยังทะเลาะกันไม่เลิก ร้านค้าคงเก็บของกันหมดแล้ว”
ร้านค้าในเมืองหลวงปิดไวกว่าที่หลินอัน พอตกเย็นก็มักทยอยเก็บของกันแล้ว แต่
ร้านค้าที่หลินอันส่วนใหญ่จะเปิดถึงช่วงจุดโคมเลยทีเดียว
อวี้ถังพูดเรื่องนี้ขึ้นมาตอนที่อยู่บนรถม้ากับเผยเยี่ยน
2836
เผยเยี่ยนตอบว่า “เป็นเพราะสภาพอากาศ ทางเหนืออากาศหนาว ทุกคนกลับเข้าเรือน
หมดแล้ว ใครจะออกมาเดินตลาดอีก?”
อารมณ์เสียของเขามาไว และจากไปไวเช่นกัน
สองคนคุยกันกระหนุงกระหนิง นอกจากเดินดูของในร้านค้าเก่าแก่จนทั่ว ก็ยังซื้อของ
กินและของประดับตกแต่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับวันตวนอูกลับมาอีกเป็นกะตั้ก
ชิงหยวนช่วยอวี้ถังเก็บของ จู่ๆ กู้ซีก็มาขอพบ
อวี้ถังประหลาดใจเล็กน้อย
แม้นางจะอาศัยที่เรือนสกุลเผย แต่อวี้ถังไม่ค่อยอยากเสวนากับนางนัก ถึงได้ยกเลิกพิธี
คารวะตอนเช้าไป โอกาสที่สองคนจะได้พบหน้าจึงมีไม่มาก
อวี้ถังบอกให้เชิญกู้ซีเข้ามา
สายตาของกู้ซีกวาดมองสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่วางเกะกะอยู่เต็มโต๊ะ จากนั้นก็หัวเราะ
แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ไท่ซือข้างๆ เอ่ยถึงเจตนาของการมาเยือนในวันนี้ว่า “…ท่านป้าให้ข้ามาถามว่า
ท่านว่ามีสิ่งใดที่กินไม่ได้หรือไม่ ถึงเวลานั้นจะได้สั่งห้องครัวให้ระวังไว้หน่อย”
นี่ตั้งใจจะยกอวี้ถังให้เป็นแขกคนสําคัญอย่างนั้นรึ?
อวี้ถังนึกว่าคนที่สกุลหยางต้องการจะเชิญคือนายหญิงรองเสียอีก
แน่นอนว่าอวี้ถังย่อมบอกการตัดสินใจของตนให้กู้ซีฟัง ”ทางนี้เกิดเรื่องกะทันหัน เกรง
ว่าคงไปเป็นแขกที่เรือนสกุลหยางไม่ได้ ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นก็ช่วยนําจดหมายไปส่งให้
สกุลหยางทีเถอะ“
นางพูดจบ ก็เผยยิ้มละอายใจออกมา
แต่ในใจกลับคิดว่า ในเมื่อเจ้าชอบหาเรื่องดีนัก เช่นนั้นข้าก็หางานให้เจ้าทําหน่อยจะ
เป็นไร
2837
กู้ซีประหลาดใจมาก ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนถามว่า “เพราะนายหญิงผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ยจะมา
เมืองหลวงรึ?”
อวี้ถังอดจะเลิกคิ้วสูงไม่ได้
ไม่คิดว่ากู้ซีจะมีสายข่าวที่ฉับไวปานนี้
กู้ซีมองเห็นอย่างชัดเจน แต่ตีความการเลิกคิ้วของอวี้ถังเป็นอาการตื่นตกใจ จึงไม่คิด
ปิดบังท่าทางลําพองของตนแม้แต่น้อย แสร้งเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าได้ยินมาจากหลานสะใภ้
สามสกุลหลี นางกับข้าอายุไล่เลี่ยกัน สกุลฝั่งมารดาเป็นคนถงหลู คนเมืองเดียวกับสกุลแม่สามี
ของคุณหนูรองสกุลเรา”
คุณหนูรองสกุลเผย แต่งไปอยู่ที่ถงหลู
กู้ซียังคงชอบตีสนิทและคบหานายหญิงของสกุลใหญ่ๆ ไม่ต่างกับชาติก่อน
นางยังอวดฉลาดด้วยการเอ่ยต่อว่า “ท่านกําลังเตรียมตัวไปเป็นแขกที่สกุลเฟ่ ยรึ? อา
หญิงรองไปด้วยหรือไม่? ข้าต้องเตรียมตัวด้วยรึเปล่า?”
“สกุลเรายังไม่ได้รับเทียบเชิญจากสกุลเฟ่ ย” อวี้ถังเอ่ย “มิใช่ว่าต้องไปสกุลเฟ่ ยแล้ว
เลื่อนนัดของสกุลหยางออกไป แต่เพราะมีธุระอื่นต่างหาก”
ช่วงนี้ยังมีเรื่องอะไรสําคัญไปกว่าการที่ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ยเดินทางมาถึงเมืองหลวง
อีก?
และที่บอกว่ายังไม่ได้รับเทียบเชิญ ก็คงจะหมายถึงว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะพานางไป
ด้วยดีหรือไม่กระมัง?
พอคิดเช่นนี้ที่นางวางตัวออกห่างอวี้ถัง ก็อาจมีทั้งผลดีและผลร้าย
แล้วจะให้นางไปประจบเอาใจอวี้ถังจริงๆ น่ะรึ?
2838
กู้ซีคิดว่าตนมองเรื่องนี้อย่างปรุโปร่ง จึงรับคําด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยกับอวี้ถังคล้าย
ลําบากใจว่า “หากว่าสกุลหยางยังยืนยันแบบเดิม ข้าควรตอบกลับอย่างไร? จะบอกว่าตอนนั้น
สกุลเราต้องไปคารวะนายหญิงผู้เฒ่าสกุลเฟ่ ยคงไม่ได้กระมัง?”
อวี้ถังรู้สึกว่ากู้ซีมีอาการโรคจิตเหมือนชาติก่อน คือชอบบีบให้นางต้องขายหน้า
นางพลันรู้สึกไม่พอใจ คิดว่าเพราะชาติก่อนตนมีฐานะเป็นม่ายทั้งเป็นสะใภ้ของน้อง
สามี จึงไม่อาจโต้กลับ แต่ตอนนี้ข้าเป็นอาสะใภ้ของเจ้า เจ้ายังคิดจะใช้ไม้ไหนมาบีบข้าได้?
“เช่นนั้นเจ้าก็ตัดสินใจเอาเองเถอะ” อวี้ถังยิ้มตอบหน้าไม่เปลี่ยนสี “ถ้าเจ้าคิดว่าข้ออ้าง
นี้ฟังขึ้น ก็ใช้ข้ออ้างนั้นได้เลย!”
คอยดูแล้วกันว่าถึงตอนนั้น คนที่ขายหน้าจะเป็นนายหญิงของสกุลอย่างข้า หรือเป็น
หลานสะใภ้ซึ่งเป็นตัวแทนสกุลเผยไปจัดการเรื่องนี้กันแน่
กู้ซีได้สติคืนมาในทันที
หากนางพูดเช่นนี้ ผู้อื่นจะไม่นินทาว่าสกุลเผยประจบเอาใจผู้มีอํานาจ มีแต่จะพูดว่า
นางจัดการเรื่องราวไม่ได้ความ กระทั่งสื่อสารให้ดีก็ยังทําไม่ได้
กู้ซีรู้สึกเศร้าใจ เงยหน้าขึ้นมองอวี้ถังซึ่งกําลังส่งยิ้มบางๆ ให้นางอยู่
นางจงใจกระมัง?
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นของกู้ซีคือสบถใส่หน้าอวี้ถัง แต่คําด่าทอพลันม้วนกลับเมื่อถึง
ปลายลิ้น ถูกนางกลืนลงท้องจนหมด
อย่างไรอวี้ถังก็นับว่าอาวุโสกว่านาง ต่อให้นางเถียงชนะ คนอื่นก็ตําหนินางอยู่ดี และ
ตอนที่อวี้ถังสร้างความลําบากให้นาง คนก็มีแต่จะคิดว่าเพราะนางไม่กตัญ�ูเอง
นี่เป็นจุดด้อยตลอดกาลระหว่างความสัมพันธ์ของนางและอวี้ถัง เป็นระยะห่างที่ไม่
อาจกระชับเข้ามาใกล้ได้
2839
กู้ซีลอบผรุสวาทในใจ รอจนได้พบกับคนของสกุลหยางพร้อมหน้า นางก็ข่มใจกลํ้ากลืน
และตัดสินใจหาข้ออ้างให้อวี้ถัง ทั้งพูดเสริมอย่างไม่ตกหล่นว่า “มิใช่ไม่อยากมาเยี่ยมสกุลหยาง
แต่มีเรื่องด่วนทําให้ล่าช้าไป จนปัญญานักเจ้าค่ะ”
ท่านยายของเผยถง ซึ่งก็คือนายหญิงผู้เฒ่าของสกุลหยางเดือดดาลจนเส้นเลือด
กระตุก นางยิ้มเย็นแล้วเค้นถามกู้ซีว่า “เจ้าเป็นสะใภ้ของอาถง ฉะนั้นบอกความจริงกับข้ามา
นางมีธุระอื่นจริงๆ หรือว่าคิดปั่นหัวสกุลหยางของข้ากันแน่?”
เชิญนายหญิงสกุลเผยสองคนมาเป็นแขก ด้วยตอนนี้เผยเซวียนเป็นถึงรองเจ้ากรมคลัง
ดูแลเรื่องใบอนุญาตขายเกลือ ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรต้องการสานสัมพันธ์กับเขา สกุลหยาง
ไม่มีทางปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปง่ายๆ นอกจากญาติในสกุลตนแล้ว ยังเชิญนายหญิงสกุลขุนนาง
ที่สนิทชิดเชื้อมาด้วย จู่ๆ อวี้ถังบอกว่าไม่มาแล้ว เช่นนั้นงานที่เตรียมไว้จะทําอย่างไร จะไป
อธิบายกับนายหญิงสกุลอื่นอย่างไรได้?
มิใช่เหยียบยํ่าศักดิศรีสกุลหยางไว้ใต้ฝ่ ์ าเท้าหรอกรึ?
อวี้ซื่อผู้นี้ จะลํ้าเส้นกันมากไปแล้ว!
ฝ่ ามือของนายหญิงผู้เฒ่าฟาดลงบนโต๊ะเต็มแรง สายตาพุ่งตรงไปที่กู้ซีราวกับลูกธนู
“เจ้าเองก็เหมือนกัน เรื่องของผู้ใหญ่ จะมายุ่งวุ่นวายอะไรด้วย? ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย!”