the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 417 สหายร่วมรบผู้ปกปักษ์คุ้มครอง
หลังจากเริ่นเสี่ยวซู่ลั่นไกยิงศัตรูแล้วเขาก็ไม่ประมาท กลับกัน
เขาหันตัวและวิ่งหนีเข้าในแดนรกร้างเบื้องหลัง ไม่อาจจะรู้ได้ว่าใน
เทือกเขานี้มีมือสไนเปอร์สมาคมตระกูลจงแค่สองคนจริงๆ หรือเปล่า
ถ้าเกิดว่ามีสามคนขึ้นมาล่ะ
ตอนนี้แผลบนต้นขาขวาที่โดนกระสุนถากไปมีเลือดไหล
ออกมาไม่หยุดทำให้เขาต้องกะเผลกเดิน
ไม่ใช่ว่าเขาทนเจ็บไม่ได้ แต่ว่าขาขวาเขาตอนนี้รู้สึกอ่อนแรง
เพราะใยกล้ามเนื้อฉีกขาด ไม่ว่าเขาจะพลังใจแข็งแกร่งแค่ไหน ก็
ไม่อาจซ่อมใยกล้ามเนื้อได้ในชั่วพริบตา
และก็ยังเป็นดั่งคำพูดเดิม ช่วงที่อันตรายที่สุดบนการเดินไต่
เชือกคือช่วงสามก้าวสุดท้ายเสมอ มีแต่คนที่สามารถเดินครบ
สามก้าวจึงจะนับว่าคู่ควรกับการเดินไต่เชือกเริ่นเสี่ยวซู่ใช้พลังงานกับการสู้รบนี้ไปไม่น้อย ไม่ว่าจะซุ่มโจมตี
ทหารกองโจรหรือหักเหลี่ยมกับพวกมือสไนเปอร์ เขายังไม่เคยเจอ
อะไรที่พลิกโผไปมาเช่นนี้มาก่อน
ที่จริงศัตรูเขาไม่ใช่มือสไนเปอร์ชั้นยอด จากคำที่หยางเสียวจิ่น
ว่าไว้คือในแดนตะวันตกเฉียงไม่มีมือสไนเปอร์ชั้นยอด ไม่มีใคร
สามารถเทียบชั้นกับเธอได้
อีกอย่างเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ใช่จอมวางแผน เขารู้จักแต่วิธีการต่อสู้
กับการล่าเท่านั้น เมื่อก่อนศัตรูเขาเป็นแค่พวกสัตว์ป่าไร้สมอง แต่
คราวนี้เขาต้องล่าคนที่มีเชาว์ปัญญาเป็นของตน
ถ้ามีนักล่าที่แท้จริงอยู่ที่นี่ด้วย ความพยายามของเริ่นเสี่ยวซู่คง
ถูกเยาะเย้ยใส่แล้ว ตัวอย่างเช่นว่า หลังนัดที่สามจากศัตรู เขา
ควรจะเสี่ยงชีวิตตัวเองต่อไหม เขาควรล่าศัตรูมาไกลขนาดนี้เหรือ
เปล่า หรือว่าที่จริงเขามีโอกาสให้ฆ่ามือสไนเปอร์ผู้นั้นแล้วแต่เขา
ไม่ทันสังเกตเลย
ถ้าหยางเสียวจิ่นอยู่ด้วย เธอคงคิดว่ามือสไนเปอร์พวกนี้โง่บรม
แถมยิงห่วยแตกอีกแต่ไม่ว่าอย่างไร เริ่นเสี่ยวซู่ก็จะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ไป
เรื่อยๆ
ความตายของศัตรูสำ คัญกว่าอะไรทั้งสิ้น
เริ่นเสี่ยวซู่ซ่อนใต้พุ่มไม้หลังสันเขาอยู่นาน เขาอยากดูว่าจะ
มีมือสไนเปอร์นายที่สามไหม และอยากดูด้วยว่าทหารกองโจรของ
สมาคมตระกูลจงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
อย่างไรก็เป็นมือสไนเปอร์สองนายกับทหารกองโจรสอง
กองร้อยที่สังหารไป พวกเขาคงปล่อยให้พวกเริ่นเสี่ยวซู่ลำพองใจต่อ
ไม่ได้แน่
แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่ว่าหลังทหารกองโจรเห็นว่าศัตรู
ไม่ใช่พวกกินนิ่มก็อาจจะแค่ถอนตัวออกจากการคุ้มกันแม่น้ำเป่ยวา
นไปเสียอย่างนั้นเลย ทุกอย่างเป็นไปได้หมด อยู่ที่ว่าคู่ต่อสู้จะทำ
อย่างไรแล้ว
หลังจากรอมาพักใหญ่ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่เห็นมีทหารกองโจรไหน
ถูกส่งมาอีก ราวกับพวกเขายอมแพ้กับการป้องกันเทือกเขาแล้ว
อย่างไรอย่างนั้นหลังจากคิดไปพักหนึ่ง เริ่นเสี่ยวซู่ก็ตัดสินใจจะมุ่งกลับไป
ร่วมกับกองร้อยเจียนเตาก่อน หลังจากออกมาล่าศัตรูอยู่เกือบสอง
วัน เริ่นเสี่ยวซู่สงสัยว่าตอนนี้แนวหลังเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็เห็นทหารกลุ่มใหญ่ลุยตรงมาเขาจากทางเหนือ
เริ่นเสี่ยวซู่เห็นดังนั้นก็ตกตะลึง พวกเขาไม่ได้ยกธงขาวคุ้มกัน
เทือกเขาอะไรทำนองนั้น แต่ว่าพวกเขาใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อจัดทัพ
และส่งทหารกรมหนึ่งเข้าเทือกเขามาต่างหาก พวกเขากะ
จะกวาดล้างศัตรูตนในเทือกเขาจนหมดสิ้น! พวกเขาคิดจะล้อมเริ่น
เสี่ยวซู่!
นี่มันเกินการรับมือเขาไปแล้ว! สมาคมตระกูลจงถึงกับส่งทหาร
เต็มกรมมาไล่ล่าแค่หนึ่งกองร้อยจริงๆ? นี่มันเกินไปหน่อยไหม
เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มปวดหัวแล้ว กองร้อยเจียนเตายังคิดตัดที่นี่ไป
ระเบิดสะพานที่แม่น้ำเป่ยวานทิ้งอีกเหรอ พวกเขาจะผ่านคนพวกนี้
ไปได้อย่างไร
เขากลับหลังหันก้มตัวต่ำหนีในพลัน เขาต้องออกไปจาก
เขตแดนของทหารสมาคมตระกูลจงให้ได้ก่อนระหว่างที่วิ่งหนี เริ่นเสี่ยวซู่ก็คิดว่าจะใช้เถาหนามฆ่าทหาร
สมาคมตระกูลจงสักหน่อยดีไหม พวกเขามีคนมากเกินไป จะละลาย
ทหารทั้งกรมคงเป็นไปไม่ได้ แค่ฆ่าได้ส่วนหนึ่งก็เยี่ยมแล้ว
แต่ว่าเริ่นเสี่ยวซู่ตระหนักได้แล้วว่าตอนมือสไนเปอร์เรียกขอ
กำลังเสริม เขาคงรายงานเรื่องพืชปีศาจที่ซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้กับ
กองกำลังแนวหลังเรียบร้อย
เพราะอย่างนั้นกำลังหลักของสมาคมตระกูลจงจึงไม่เดินผ่าน
พื้นที่ที่มีพุ่มไม้โตอยู่เลย เวลาเดินทาง ก็เดินทางผ่านทางลาดเขาใน
ฝั่งที่ไม่มีต้นไม้เติบโต ทั้งยังระมัดระวังตัวเป็นอย่างมากด้วย
อีกอย่างเริ่นเสี่ยวซู่พบว่าทหารสมาคมตระกูลจงบางนายพก
เครื่องพ่นไฟมาด้วย! ถ้ามีเจ้าของนี่อยู่ด้วย พวกเถาหนามก็
ไร้ประโยชน์แล้ว ไฟสามารถเผาพวกมันทิ้งได้หมด
พืชเองก็มีศัตรูตามธรรมชาติของมันเช่นกัน
เริ่นเสี่ยวซู่เห็นแบบนี้ก็ไม่อยากหาเหาใส่หัวอีก เลยวิ่งกระโผลก
กะเผลกกลับไปหาคนอื่นๆผู้บังคับบัญชาของสมาคมตระกูลกูลจงที่อยู่ที่แม่น้ำเป่ยวาน
ดูจะเดือดจัดกับเรื่องนี้จริงๆ ดูแล้วอย่างไรเขาก็ต้องปลิดชีพของเริ่น
เสี่ยวซู่ให้ได้
ระหว่างที่เริ่นเสี่ยวหนีอยู่นั้น เขาก็พบว่าทหารสมาคมตระกูล
จงพวกนี้ดูจะตามหาตำแหน่งที่ตั้งของเขาได้อย่างแม่นยำตลอด
เพราะอาการบาดเจ็บของตน เริ่นเสี่ยวซู่เลยคิดจะสลัดสมาคม
ตระกูลจงก่อนค่อยกลับไปรวมพลกับกองร้อยเจียนเตา แต่ว่า
แผนการเขาล้มเหลวไม่เป็นท่าเสียแล้ว
ระหว่างที่หนีนั้น เขาก็หลบสังเกตการณ์ผู้ไล่ลาอยู่หลังสันเขา
เริ่นเสี่ยวซู่เลิกคิ้วที่เห็นทหารสมาคมตระกูลจงสิบกว่านายกำลังลาก
สายจูงหมาล่าเนื้อตัวโตจำ นวนไม่น้อย หมาล่าเนื้อพวกนี้ตัวใหญ่โต
จนลากคนไปมาได้ แม้แต่ทหารวัยฉกรรจ์รูปร่างแข็งแรงก็ไม่อาจ
ควบคุมสายจูงได้
เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าหมาล่าเนื้อพวกนี้เอามาขี่ได้ด้วยซ้ำ ไป
เริ่นเสี่ยวซู่พลันนึกออกว่าเป็นกลิ่นของเลือดนี่เอง ผิวชั้นนอก
ของต้นขาข้างขวาถูกกระสุนสไนเปอร์ของศัตรูถากไปจนเป็นแผลเปิด นอกจากจะทำให้เขารุดตัวช้าลงไปแล้ว มันจะยังจะทิ้งกลิ่นเป็น
ร่องรอยไว้ด้วย ถึงเขาจะทายาดำบนแผลแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจปิดกลิ่น
เลือดได้อยู่ดี
นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทหารสมาคมกูลจงถึงสามารถ
ไล่ตามเขาได้เรื่อยๆ แบบนี้
ทว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่มีความคิดดีๆ อื่นมารับมือกับหมาล่าเนื้อ
พวกนี้ แค่ทิ้งผ้าเปื้อนเลือดไปมันยังไม่พอ เขายังต้องหาลำธารและ
เดินล่องน้ำไปจนถึงจุดที่กองร้อยเจียนเตาอยู่ด้วย
แต่ว่าแถวนี้ไม่มีธารสักสายเลย
บ่ายวันต่อมา หลังจากทหารสมาคมตระกูลจงเสียเวลาอยู่
นานโขก็ไม่อาจตามเริ่นเสี่ยวซู่ทัน พวกเขาเลยปล่อยเชือกจูงปล่อย
ให้พวกหมาล่าเนื้อไล่ตามเริ่นเสี่ยวซู่อย่างอิสระ
นี่ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต่อให้เขาบาดเจ็บ ก็
ยังสามารถเคลื่อนที่ไวกว่าทหารสมาคมตระกูลจง แต่ว่าหมาล่าเนื้อ
ไม่ใช่แล้ว พวกมันเป็นสัตว์กลายพันธุ์นะ!หมาล่าเนื้อสิบกว่าตัวพวกนี้ไม่มีไขมันสักนิด แถมยังสามารถ
ท่องไปตามป่าเขาได้ราวกับเป็นพื้นราบ เริ่นเสี่ยวซู่มองร่างแยก
เงาในพระราชวัง ตอนนี้มันยังไม่คืนรูปเดิมเลย หลังจากนี้เขาคงต้อง
ป้องกันไม่ให้ร่างแยกเงาถูกยิงเข้าที่ระหว่างคิ้วอีก เขาอาจจะต้อง
เตรียมหมวกกันกระสุนไว้เสียแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่เห็นหมาล่าเนื้อสิบกว่าตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก็
เตรียมจะสู้!
เขาคงไม่กลัวหมาล่าเนื้อพวกนี้เลยถ้าไม่มีสมาคมตระกูลจงรอ
ยิงอยู่ข้างหลังน่ะ!
ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่อยากนำสมาคมตระกูลจงไม่ยังจุดที่กองร้อย
เจียนเตาอยู่ เขาก็ต้องฆ่าหมาล่าเนื้อพวกนี้ทิ้งเสีย
แต่ตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินเสียงปืนกลสาดกระสุนมาจากเนินเขา
สองข้างทางของช่องเขาอีกา เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินคนตะโกนว่า “เริ่น
เสี่ยวซู่ มานี่เร็ว เดี๋ยวยิงคุ้มกันให้!”
เขาเห็นกองร้อยเจียนเตาสร้างป้อมสนามง่ายๆ บนเนินเขาสอง
ข้างทางของช่องเขาอีกา ฟู่หราวกำลังสาดกระสุนปืนกลหนักใส่พวกหมาล่าเนื้อด้วยความอำมหิต เพียงไม่กี่วินาที ก็ฆ่าหมาล่าเนื้อที่
ไล่ล่าเริ่นเสี่ยวซู่ได้ไปหกเจ็ดตัว
เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจโล่งอก นี่สินะคือการมีสหายร่วมรบ
มาช่วยเหลือ ยามต้องการปรับลมหายใจ ก็จะมีคนอยู่ข้างหลังคอย
ปกปักษ์คุ้มครอง
“จะยืนนิ่งอยู่ทำเพื่อ ไสตูดมาเร็ว! แล้วทำไมแม่*มีหมาล่าตาม
นายมาเยอะแยะขนาดนี้วะ เริ่นเสี่ยวซู่ มีศัตรูไล่ตามอยู่นายอยู่กี่คน
กันแน่เนี่ย” จางเสียวหม่านคร่ำครวญ “นายไปทำอะไรมาวะ…”